7 กุมภาพันธ์ 2546 09:52 น.
อัลมิตรา
ร่ายกลอนกล่อมถนอมเจ้าคราวเจ็บแปลบ
อันแผลแสบปวดกายหมายต้องน้อง
ให้หายเถิดเฉิดโฉมภิรมย์ปอง
ปราศหม่นหมองต้องใจจงหายพลัน
อันแผลนิดคิดว่ามาทดสอบ
อย่านอนหมอบหมกช้ำระกำหวั่น
จงเข้มแข็งแกร่งกล้าสง่าครัน
เสริมสร้างฝันมุ่งหมายคลายทุกข์ตรม
เจ็บแผลนิดแม่มิ่งมิตรพี่คิดห่วง
ดุจดาวดวงห่วงฟ้าเวหาสม
เปรียบจันทราแจ่มจ้านภจม
ดุจคารมที่อ้างเป็นดั่งใจ
แล้วพลันเป่าคาถามหาระรวย
ร่ายมนต์ช่วยเจ็บหายคล้ายยาใส่
แล้ว... โอมเพี๊ยง เสียงเป่าเข้าจับใจ
จงยิ้มใว้ด้วยกล่าวคล้ายเฝ้าเคียง ฯ
6 กุมภาพันธ์ 2546 14:02 น.
อัลมิตรา
ครั้นตะวันชิงพลบหลบเหลื่อมฟ้า
พบเด็กมาสรวลสนุกสุขสดใส
นั่งมองอย่างขังจิตคิดร่ำไร
น้ำตาไหลหลั่งชวนคิดชีวิตตน
ความมั่งมีมิอาจปรารถน์สรรพสิ่ง
เป็นสัจจ์จริงสิ่งแฝงทุกแห่งหน
หวังเห็นเด็กเล็กน้อยคอยวิ่งซน
ต่างกล่าวกร่นหัวเราะเสนาะกังวาน
แต่ได้กลิ่นดินชุ่มชอุ่มฝน
ยังสับสนปนเสียงเผดียงขาน
สายฝนหลั่งดั่งใจคล้ายทรมาณ
ตกสู่ลานร่วงหล่นสุดหม่นทรวง
น้ำตาไหลฝนหลั่งดังขันแข่ง
ตะวันแดงแกร่งกล้ามาลับล่วง
มวลเด็กน้อยห้อยโหนปาโคลนควง-
แขนท่าท่วงแปลกใจ...ไยฉันตรม ฯ
5 กุมภาพันธ์ 2546 14:02 น.
อัลมิตรา
...หลับตาคราหนึ่งเสี้ยว..........................กาลสมัย
ผันล่วงกาลกลายไป...............................แปลกแท้
ความฝันผ่านตาไกล.............................จิตอยาก- รู้นา
ดังเศษธุลีแล้........................................เพรียกพริ้วปลิวลม ฯ
...เทียบบทเพลงเก่านั้น........................เสมือนหยาด- ธารแฮ
ผสานสู่ทะเลหาด..................................เหือดแห้ง
พวกเราต่างประมาท..............................ทำสาบ- สูญนอ
ปฏิเสธสิ่งควรแจ้ง.................................เพ่งให้คลายฉงน ฯ
...ธุลีคละคลุ้งลิ่ว..................................ลมสนอง
สรรพกิจจิตควรตรอง...........................ตรึกไว้
ปราศสิ่งยั่งยืนครอง.............................คู่โลก- ธาตุนา
พิภพเวหาไซร้....................................จักยั้งนิรันดร์ ฯ
...เงินทองของเนื่องด้วย.......................ตนครอบ- ครองนา
เธอย่อมปรากฏกรอบ...........................หยั่งรู้
มวลสารสรรพสัตว์ชอบ-........................ถกลเช่น ธุลีเฮย
เราต่างเป็นเช่นผู้................................เปรียบเพี้ยงฝุ่นลอย เริงลม ฯ
4 กุมภาพันธ์ 2546 16:13 น.
อัลมิตรา
.....สาย...เอยสายหยุดย้ำ................ความหอม
สาย...บ่ายหมายเด็ดดอม.................กล่อมน้อง
สาย...รักพี่จักถนอม........................แนบสนิท ใจแฮ
สาย...สวาทพิสุทธ์รักคล้อง...............ถ่องแท้ตราตรึง ฯ
.....ใจ...หนึ่งฤๅเปลี่ยวร้าง................ไกลกัน
ใจ....เกี่ยวหาเสี้ยวจันทร์...................ผ่านฟ้า
ใจ...เจิดดุจคืนอัน...........................พราวพร่าง เพ็ญนอ
ใจ...พี่ห่อนอ่อนล้า...........................สุขพ้นจำนรรจ์ ฯ
.....สัม...ผัสอาจรู้ยิ่ง........................จริงใจ แม่เอย
สัม...ปยุตดุจจันทร์ไกล....................ลิ่วฟ้า
สัม...ปรายภพใด............................ขอเกี่ยว ดองแม่
สัม...พัทธ์มั่นเคียงหล้า.....................มั่นฟ้าศศิธร ฯ
.....พันธ์...ผูกสมรกล่อมน้อง.............ครองเคียง
พัน...ถักคำจำเรียง..........................รจน์เย้า
พัน...ใจแนบนุชเพียง......................สมรมิ่ง หนึ่งแม่
พัน...หมื่นนางฤๅเร้า........................รักให้เปลี่ยนผัน ฯ
....มั่นรักรักนุชด้วย..........................ใจภักดิ์
เกินกว่าคำใดจัก................................กล่าวอ้าง
ใช่วันแห่งความรัก............................จึงเอ่ย รักนา
ดอกรักเบ่งบานสล้าง.........................เปี่ยมล้นทุกวัน ๚๛