10 กุมภาพันธ์ 2546 23:52 น.
อัลมิตรา
...ราตรีคลี่กลิ่นย้อม................ยวนใจ
กลีบอ่อนอ้อนลมไหว...............ดื่นต้น
คืนล่วงหน่วงดวงใจ................ยังชื่น- จิตนา
หากรัตติกาลพ้น....................สูญสิ้นกลิ่นหอม ฯ
...หอมหวลยวนพี่ให้...............หมายเคียง แม่เอย
โอบชิดจิต ณ เฉลียง...............นอกบ้าน
ลมพัดอาจเป็นเพียง................ลมแผ่ว นาแม่
มิอาจยังจิตสะท้าน..................หากเจ้าเคียงกาย- พี่นา ฯ
...ลมโกรกอกซ่านแท้..............หอมพฤก- ษาเฮย
แสนชื่นคืนคราวดึก-...............ดื่นคล้อย
ราตรีที่ตรองตรึก....................ราวเรื่อง ใดแม่
ปราศหม่นหมองเศร้าสร้อย.......ปล่อยให้หายสูญ ฯ
..หลับใหลภายใต้อก-..............แอบอิง- พี่นา
จักร่ายหมายเคลี้ยคลิง............กล่อมน้อง
กาพย์กานท์มั่นสมจริง............เสมอจิต พี่เฮย
คืนสุขปราศทุกข์คล้อง.............ตราบฟ้าดินสลาย ฯ
10 กุมภาพันธ์ 2546 14:09 น.
อัลมิตรา
...หวานใดจักเทียบถ้อย............คำหวาน
หวานเปรียบเทียบจาวตาล........อาจร้าง
ผันวันหากอันตรธาน...............จืดรส- ชาติเฮย
คงแต่คำโคลงอ้าง.....................เชื่อมให้ใจหวาน ฯ
...พจน์ใดไครกล่อมเจ้า...........สรรพกาล แม่เอย
ฤาชื่นชมผสาน.......................จิตย้ำ
ชายหมายใฝ่เยาวมาลย์..........ไยรื่น- รมย์นอ
คงปล่อยจิตพี่ช้ำ......................เปลี่ยวว้างกำสรวล ฯ
9 กุมภาพันธ์ 2546 22:36 น.
อัลมิตรา
.....เพลิงผลาญอาคารสถานทูต.......................ขณะปะทะมิจะพูด
.....เปรียบประดุจภูต.....................................และศูทรทราม
.....ย่ำยีทุบขว้างและลามปาม.........................ทุรหทยประณาม
.....แดนคะเมน (...) คาม..............................ระห่ำบ้า
.....ไทยนี้รักสุขสงบหนา................................จิตผิว์สิกรุณา
.....เหตุไฉนหนา..........................................คะเมน (...) คลั่ง
.....เคืองขุ่นหุนหันและพาลพัง........................อุระน่ะนะทิฐิดัง
.....ช้างพิโรธพลั้ง..........................................มินั่งตรอง ฯ
9 กุมภาพันธ์ 2546 17:45 น.
อัลมิตรา
...ค้างคาวแค่ขอเคียงคู่........................ข้างข้างคูคู
...คุดคู้เข้าแข่งขันข้างแค่
...ใครเคยขอดค่อนคงแคร์..................ขอควงโคมแข
...ขลาดแข้*คงเคี้ยวขาขาด
...แคร๊กแคร๊กคราไข้ครวญคัด............ครางครวญเคลื่อนคลาด
...คงขาดคู่ ข้าพฯ ขึ้นคาน
...คิกคิกข้ามคืนขับขาน........................คิดไขว่คว้าควาญ
...ขอคานเคียงคลอครองแครง ฯ
แข้..เป็นภาษาถิ่นอีสาน แปลว่าจระเข้
9 กุมภาพันธ์ 2546 17:35 น.
อัลมิตรา
.....เพียรประพันธ์ ณ รัตติกาลสมัย
เสมือนสถิตและชิดฤทัย...............................มิให้ร้าง
.....งามประดุจพระจันทร์ตระการศุภางค์
พิสุทธิ์ประไพไสวสว่าง.................................กระจ่างตา
.....ชิดชม้ายอนงค์ประสงค์ทยา
ลิขิตกวีพิเคราะห์ผิว์ว่า....................................ยุพาชม
.....ร่ายระรื่น ณ คืนมิขื่นมิขม
อริขยาดและปราศระทม................................มิตรมใจ
.....สมศศีสุลักษณ์ประจักษ์วิไล
ประพาสนภาสง่ากระไร.................................สิใคร่ยล
.....เกริ่นกวีวจีฉะนี้นิพนธ์
ประสงค์พธูสุนันท์กมล.................................ถกลภักดิ์
.....สรวลสนุกสนานสมานวิจักขณ์
มิเสื่อมสราญผสานมลัก.................................สุภัคพรรณ
.....หมายสิเปรียบดรุณเสมือนพระจันทร์
ประพิมพ์ประพายประพฤทธิ์นิรันดร์...............สคราญงาม ฯ