31 ธันวาคม 2546 02:43 น.
อัลมิตรา
๏ ศุภฤกษ์ดิถีศรีสมัย
วันปีใหม่เทศกาลสุดหรรษา
มะแมย้ายวอกเยือนเหมือนตำรา
อวัสดาเสริมสิ่งมิ่งมงคล
ขอตั้งจิตอธิษฐานอันบริสุทธิ์
นอบน้อมพุทธองค์มีมหิทธิผล
อ้างพระธรรมสุดพิสิทธิ์สถิตกมล
คุณสงฆ์ดลพรพิไลให้วัฒนา
ทวยท้าวพรหมเทวามหาศาล
ในจักรวาลเมืองแมนแดนสุขา -
วดีภพมเหศักดิ์มากเดชา
ทั้งเทวาธิราชมหัศจรรย์
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ฤทธิไกรถ้วนไตรภพ
มาสมทบอวยพรกลอนเสกสรรค์
คุณทศพิธราชธรรมล้ำอนันต์
แห่งราชันพ่อหลวงของปวงชน
จงบังเกิดประเสริฐสิทธิ์สัมฤทธิ์ล้ำ
ต่างหนุนนำพิพัฒน์สวัสดิ์ผล
รื่นรมย์แสนสงบสุขทุกผู้คน
ล้วนเปี่ยมล้นวัฒนาสถาพร
ให้มากทรัพย์สมบัติอำนาจเสริม
ลาภพูลเพิ่มสูงกว่าคราเก่าก่อน
พรั่งพร้อมด้วยบริวารฐานันดร
เกียรติกำจรปรากฏยศศักดา
แม้นเดินทางมุ่งสู่จตุรทิศ
ผลพิพิธพร้อมพรั่งดังปรารถนา
มหาชนล้วนนิยมสมอุรา
ครั้นคบหาผู้ใดมากไมตรี
มีร่างกายแข็งแกร่งแรงใจล้น
บันดาลดลสดใสในทุกที่
ปราศโรคภัยสรพันอันมากมี
สุขภาพดีมีสุขทุกวันวาร
หวังสิ่งใดเป็นกิจการด้านกุศล
มิอับจนสุดวิสัยในสงสาร
ถูกหลักธรรมศาสนาปณิธาน
ตามกฎบ้านระเบียบเมืองทุกเรื่องไป
ขอสิ่งนั้นสมตามความประสงค์
เจตน์จำนงมุ่งหวังดังฝันใฝ่
ถึงพร้อมสรรพคุณงามล้ำวิไล
มีกายใจเกษมสันต์นิรันดร์เทอญ ๚ะ๛
29 ธันวาคม 2546 22:28 น.
อัลมิตรา
กำสรวลแท้แม่ธรณีพิโรธแล้ว
ไร้วี่แววคำเตือนเหมือนลงโทษ
โอ้ใครหนอทำให้แม่ ฯ ได้โกรธ
ช่างเหี้ยมโหดเกรี้ยวกราดเกินคาดเดา
จึงเดือดดาลรุนแรงเลยแผลงฤทธิ์
คร่าชีวิตล้มตายคล้ายภูเขา
ถล่มทลายคลุ้มคลั่งดั่งมัวเมา
เสียงโศกเศร้าคร่ำครวญโหยหวนมา
แม่ ฯ ฝังลูกทั้งเป็นเซ่นความผิด
ความวิปริตคำสาปกับหวาดผวา
คนถูกกลืนกินไปในพริบตา
สิ้นชีวามากมายคล้ายรับกรรม
ที่ยังจมผืนดินก้อนหินทับ
ดั่งนอนหลับฝันร้ายมากรายกล้ำ
ติดซากปรักหักพังดั่งเรือนจำ
กายบอบช้ำแตกหักยากติงกาย
คงมีเพียงชีวิตที่ติดตรวน
เสียงคร่ำครวญทรมานอันหลากหลาย
บ้างเพรียกพร่ำหากันตราบวันตาย
จนเงียบหายไร้คำมาร่ำลา
น้ำตาหลั่งเลือดไหลดุจสายน้ำ
เป็นเวรกรรมอันใดใครทำหนา ?
ครอบครัวแตกแยกย้ายไม่กลับมา
ต่างก้มหน้าเศร้าสลดรันทดใจ
ที่รอดตายร้อนรนรีบค้นหา
ต่างหยิบคว้าเครื่องมือถือขวักไขว่
เร่งขุดคุ้ยหาร่างอย่างฉับไว
ปากร่ำไห้มือขุดสุดจาบัลย์
หวังพบญาติพ่อแม่และพี่น้อง
เสียงกู่ก้องโหยหาพาโศกศัลย์
ตะกุยตะกายด้วยหมายได้พบกัน
เศษซากนั้นคือร่างฝังธรณิน
ภัยพิบัติยิ่งใหญ่สมใจแม่ ฯ
ใช่เพียงแค่เสียหายในทรัพย์สิน
บ้านเรือนพังคนตายกายฝังดิน
เขตคามถิ่นมีแต่ศพทบทวี
ลูกขอวอนแม่ธรณีอย่าพิโรธ
บทลงโทษหนักแสนอันแทนที่
แม่ ฯ เคยพร้อมเมตตาทั้งปราณี
นับแต่นี้ลูกจักตรึกนึกถึงคุณ ฯ
27 ธันวาคม 2546 23:17 น.
อัลมิตรา
๏ อยากบอกสิ่งซ่อนเร้น.......ภายใน
ว่ารักเธอหมดใจ.................เปี่ยมล้น
ปีวันผ่านเลยไป.................ใช่เปลี่ยน- แปลงนา
ยังมั่นอยู่คงพ้น..................เอ่ยอ้างโคลงเปรย ๚
๏ แม้วันคืนพ้นผ่าน.............อดีตกาล
ความรักไป่อันตรธาน..........เสื่อมสิ้น
ยังสถิตซึ่งดวงมาลย์-..........ฉันอยู่
หาใช่คำเล่นลิ้น...................เปรียบไว้เกินจริง ๚
๏ อยากบอกเธอเพื่อรู้.........สักคำ
รักส่วนลึกจองจำ................จิตไว้
ฝังแน่นยากหมายกำ-...........จัดจาก ใจแฮ
คราวก่อนเคยชิดใกล้...........ดั่งย้อนหลอนเสมอ ๚
๏ ถึงคราเราพบหน้า...........เจอกัน
เธอหยั่งรู้จิตฉัน.................มากน้อย ?
หัวใจพร่ำรำพัน..................หวั่นยิ่ง
แสนเจ็บปวดเกินถ้อย..........กล่าวย้ำคำใด ๚
๏ สูญเสียโอ้อกให้..............ครวญหา
จำพลัดพรากจากลา...........ยิ่งช้ำ
ยังรู้อยู่เสมอมา..................เธอเปลี่ยน- แปลงเฮย
รักเสื่อมคลายดุจน้ำ............เหือดแห้งหมดใจ ๚
๏ อยากบอกเธออีกครั้ง.......สักคำ
ความรักแท้ครอบงำ...........จิตนี้
จำต้องสงบถ้อยคำ.............ปิดปาก ตนแฮ
รู้ว่าหากเซ้าซี้.....................ไป่ได้ดังหวัง ๚
๏ บางคำหากพร่ำเพ้อ.........พรรณนา
มิอาจรั้งเธอมา..................แนบใกล้
สูญเสียซึ่งสิเนหา...............จากอก
ยังชอกช้ำร่ำให้..................ดั่งใช้เวรกรรม ๚
๏ ฉันรู้เธอหมดสิ้น.............หัวใจ
คงปราศจากเยื่อใย.............เก่านั้น
เธอลืมว่ามีใคร...................ยังรัก
ยิ่งคิดยิ่งบีบคั้น.................จิตให้ตรอมตรม ๚
๏ อยากบอกเธอสักครั้ง.......อีกคำ
รักที่สุดยังกำ-...................หนดแล้
คงต้องเก็บเงื่อนงำ.............แฝงจิต- ตนเฮย
ความชัดเจนถ่องแท้............ว่าต้องทำใจ ๚
๏ บางคำหากพร่ำเพ้อ.........พรรณนา
สายยิ่งเกินโหยหา..............เหนี่ยวรั้ง
ไม่หวนกลับคืนมา..............ดังเก่า
อยากบอกอีกสักครั้ง...........รักนั้นสุดใจ ๚ะ๛
26 ธันวาคม 2546 08:30 น.
อัลมิตรา
ภายนอกห้องสายฝนเบื้องบนฟ้า
ดูทีท่าโปรยปรายไม่หยุดหย่อน
เธออย่าคร่ำครวญให้ใจอาวรณ์
ซึ่งบั่นทอนดวงจิตคิดระทม
ณ ฝั่งฝันจิตนาการอันงามแสน
ยังทดแทนหัวใจให้สุขสม
ดุจเรือรักแรงฝันต้านสายลม
พาเราชมทะเลมั่นนิรันดร์กาล
จงหลับตาเสียเถิดบังเกิดสุข
ลืมความทุกข์ร้าวระทมคล้ายลมผ่าน
เธอกับฉันจักเคียงสุขทุกวันวาร
ท่ามกลางธารคลื่นรักประจักษ์ใจ
สองเราเดินเคียงไปไม่เพลี่ยงพล้ำ
แม้นผ่านถ้ำแห่งกาลมิหวั่นไหว
ครั้นโดดเดี่ยวอ้างว้างร้างผู้ใด
อย่าท้อใจขอจงอยู่คงคู่กัน
ปิดประตูห้องรักแล้วพักผ่อน
ลืมร้าวรอนอ่อนล้าคราโศกศัลย์
จงหรี่ไฟเสียก่อนแล้วนอนพลัน
ทุกข์ใจนั้นจักหายในทันที
ให้จบสิ้นเรื่องราวคราวหม่นหมอง
คงไม่ต้องร้อนรนจนหลบหนี
ปล่อยวางเครื่องพันธนาการอันเคยมี
คงท่าทีสงบอย่างผู้วางใจ
มีนิทานเรื่องเล่าอันเก่าแก่
กุหลาบแม้สวยกว่าบุบผาไหน
อีกคนรักร่วมเรียงเคียงหัวใจ
มิอาจให้อยู่ยงคงฟ้าดิน
ความผันแปรเปลี่ยนแปลงแสดงนั้น
ยังยืนยันครอบงำความงามสิ้น
ด้วยเหตุนั้นจงทำใจให้เคยชิน
ปล่อยวางสิ้นสรรพสิ่งจริงหรือลวง
ปล่อยเวลาอันตรธานให้ผ่านพ้น
สายลมบนพัดไปคล้ายหมดห่วง
แล้วกอดฉันอิงแอบแนบชิดทรวง
ทุกข์ทั้งปวงจักคลี่คลายไร้จาบัลย์
ปิดประตูห้องรักแล้วพักผ่อน
อย่าร้าวรอนอ่อนล้าคราโศกศัลย์
จงหรี่ไฟเสียก่อนแล้วนอนพลัน
ทุกข์ใจนั้นจักหายในทันที
ให้จบสิ้นเรื่องราวคราวหม่นหมอง
คงไม่ต้องสับสนจนหลบหนี
ปล่อยวางเครื่องพันธนาการอันเคยมี
โอ้คนดี จงทิ้งไปกับสายลม
(... โอ้คนดียังเหลือฉันมั่นเคียงเธอ...)
24 ธันวาคม 2546 22:52 น.
อัลมิตรา
๏ บอกใจอย่าจาบจ้วง.............ลวงขวัญ
เกรงหม่นหมองโศกศัลย์..........ครั่นคร้าม
พบทุกข์สุขแปรผัน.................จงอย่า- หวั่นเฮย
คราวล่วงวันคืนข้าม................หักห้ามครวญหา ๚
๏ บอกใจอย่าย่อท้อ................รวนเร
เกรงอ่อนล้าโซเซ....................ลื่นล้ม
สองขาแกว่งเดินเก-................ตะกายเลี่ยง ไฉนฤๅ
เหน็ดเหนื่อยจงนั่งก้ม..............พักให้คืนแรง ๚
๏ บอกจันทร์อันเด่นด้าว...........สรวงสวรรค์
อย่าด่วนดับแสงพลัน...............อ่อนล้า
บอกดวงสุริยะอัน...................สว่างเรื่อ- เรืองแฮ
การดับแสงแกร่งกล้า................หลบฟ้าควรหรือ ๚ะ๛