8 พฤศจิกายน 2546 00:24 น.
อัลมิตรา
ด้วยเวลาฉันเหลือเพียงน้อยนิด
สิ่งถูกผิดเคยทำฉันจำได้
สารภาพบาปนั้นมันฝังใจ
ลบอย่างไรมิหมดเหมือนปลดวาง
ผิดที่ใจฉันแกร่งแสร้งไม่รัก
ผิดที่หักอกชายหมายบาดหมาง
ผิดที่รั้นแม้นฝันไม่เห็นทาง
ผิดที่ห่างตัวตนเกินค้นใจ
ผิดที่มีรูปนามช่างงามงด
ผิดที่ยศศักดินาค่ายิ่งใหญ่
ผิดที่เลิศฝีมือเลื่องลือไกล
ผิดเรื่อยไปหากกู่ก็รู้ความ
หากเธอคิดจากไกลในวันนี้
ตอบฉันทีคำหนึ่งซึ่งอยากถาม
ฉันผิดมากใช่ไหมในนิยาม
หรือเป็นตามที่เธอมอบ..ตอบฉันที
7 พฤศจิกายน 2546 17:01 น.
อัลมิตรา
รัตติกาลมาเยือนเห็นเดือนจ้า
ดื่นดาราแสงงามวับวามยิ่ง
นั่งมองด้วยใจชื่นรื่นรมย์จริง
สองคนอิงเคียงข้างดั่งพร้อมใจ
สองฟากฝั่งแม่น้ำยามคืนนี้
หลากแสงสีเจิดจ้ากว่าคืนไหน
กระทงน้อยลอยน้ำงามจับใจ
มีเล็กใหญ่เรียงรายหมายพิศครวญ
ทั้งตกแต่งบุบผาน่าชมนัก
ธูปเทียนปักตรงกลางช่างหอมหวน
อีกใบตองพับวางอย่างสมควร
ทุกสัดส่วนประณีตพลั้งจิตชม
แม้นน้ำหลากลมพัดไม่กวัดแกว่ง
ยังแสดงความงามตามเหมาะสม
แสงเทียนไขธูปคลุ้งฟุ้งเริงลม
ให้เชยชมตราบคล้อยลอยลับตา
คงด้วยแรงแห่งจิตอธิษฐาน
ให้พ้นผ่านคลื่นลมโถมพัดหา
จึงลอยเด่นสวยสล้างกลางนาวา
เปรียบเปรยว่ารักนั้นเป็นมั่นคง
เห็นพลุสีพุ่งแสงแข่งเพ็ญแข
ชายตาแลหลากหลายคล้ายลุ่มหลง
แตกกระจายแจ่มกระจ่างพร่างสุรงค์*
อีกจักรกงพลุตะไลไฟพะเนียง
แสนตื่นตาต้องใจในคืนนี้
คนมากมีขวักไขว่ได้ยินเสียง
บ้างรำพันพร่ำพรอดกอดแขนเคียง
บ้างเอนเอียงชิดกายไม่ห่างกัน
เห็นเด็กน้อยวิ่งเล่นเช่นซ่อนหา
บางคนคว้าพลุแสงอวดแข่งขัน
ทั้งประทัดวี๊ดปั้งเสียงดังพลัน
บ้างตัวสั่นทั้งสนุกล้มลุกไป
ร้านก๋วยเตี๋ยวราดหน้าต่างมาตั้ง
เห็นอาบังขายถั่วคนตัวใหญ่
ซาละเปาโรตีที่ชอบใจ
อีกผัดไทยกล้วยแขกดูแปลกตา
คนอุ้มลูกจูงหลานเที่ยวงานนี้
เด็กน้อยชี้ลูกโป่งตรงเข้าหา
บ้างงอแงแค่หวังนั่งชิงช้า
ทั้งวิ่งหาของเล่นเป็นวุ่นวาย
โรงลิเกชื่อดังกังวานก้อง
พระเอกร้องเสียงหลงบ่งความหมาย
เห็นแม่ยกยื้อแย่งแข่งดึงกาย
ไม่เอียงอายกอดจูบแอบลูบคลำ !
บ้างทะเลาะเบาะแว้งแย่งพระเอก
ดุจมนต์เสกให้หลงใหลใจถลำ
พอตัวโกงออกมาว่าระยำ !
เสียงพึมพำด่าทอจนพอใจ
เดินผ่านมาเห็นโขนห้อยโหนเต้น
ลิงทะเล้นหนุมานพลันยักไหล่
เจ้ากระบี่ตัวน้อยพลอยชอบใจ
กลิ้งตามไปล้มลุกและคลุกคลาน
บ้างหางหลุดหัวหล่นอลเวง
คว้ากางเกงสับสนอลหม่าน
ถือกระบองฟาดไปใส่กระบาล
บ้างเดือดดาลนอกบทโดดวางมวย
ทั้งเตะต่อยนอกกฏสมบทบาท
ตบดังฉาดหน้าง้ำทำฉาบฉวย
คนปรบมือพอใจคล้ายอำนวย
ให้เงินด้วยยิ้มร่าน่ายินดี
ละครลิงผลัดหน้าทั้งทาแป้ง
ป้ายแก้มแดงปากเยิ้มเติมเส้นสี
ทำทะเล้นเริงร่าหน้าเวที
ร้องรำดีคนฮาจนหน้าแดง
ขอเดินเลี่ยงเคียงข้างสู่ฝั่งน้ำ
ชมเดือนล้ำดาวรายเฉิดฉายแสง
เดือนสิบสองน้ำใสไม่เปลี่ยนแปลง
อย่าเคลือบแคลงคำนี้ที่พร่ำวอน
ด้วยอำนาจบูชาพระสุคต*
ผู้หมดจดเลิศล้ำทั้งคำสอน
อีกพระแม่คงคาข้าพฯ ขอพร
ให้หมดร้อนทุกข์โศกทั้งโรคภัย
ขอเคียงคู่ความรักสมัครสมาน
แม้นคืนผ่านวันเคลื่อนปีเดือนไหน
ไม่ร้างลาจืดจางดั่งเคียงใจ
มั่นคงในสัญญาที่ว่ากัน
ขอกระทงลอยไปไม่สั่นคลอน
อย่าเร่ร่อนลอยคว้างอย่างไหวหวั่น
คืนเดือนดาวพราวพรายพิไลพรรณ
เปรียบคำมั่นที่อ้างกระจ่างใจ ฯ
5 พฤศจิกายน 2546 23:57 น.
อัลมิตรา
๏ พราก...ดาวพราวพร่างแพร้ว........พรรณราย
จันทร์...แจ่มวับแวมหมาย..............มอบเจ้า
จาก...จิตคิดบรรยาย.....................ความเปรียบ- เปรยนา
ฟ้า...ดั่งเทียบเรือนเหย้า.................แนบเนื้อนวลเสมอ ฯ
๏ พราก...กันพลันโศกไห้..............ใจถวิล
จันทร์...ดับน้ำตาริน.....................ร่วงแล้ว
จาก...คืนจวบวันชิน.....................ครวญคร่ำ
ฟ้า...มืดดั่งน้องแก้ว-.....................ห่างให้กำสรวล ๚ะ๛
พรากดาวเดือนจากฟ้ายามราตรี
เหมือนพรากพี่ห่างเจ้าให้เศร้าแสน
โอ้กรรมเก่าเคยสร้างดั่งทดแทน
ให้คับแค้นหัวอกวิตกจริง
เคยเคียงข้างอ้างเอื้อนย้ำเตือนอยู่
ยังอดสูเศร้าโศกวิโยคยิ่ง
ฟ้าข้างแรมไร้เดือนเหมือนอ้างอิง
ว่าทุกสิ่งสิ้นไปคล้ายดาวเดือน
4 พฤศจิกายน 2546 00:52 น.
อัลมิตรา
...กระต่ายเฒ่าเฝ้าฝันจันทรังสี
...เต่าล้านปีหมายมุ่งเมื่อรุ่งสาง
...ผึ้งงานหง่อมย่อมหมายดอกไม้ยาง
...เสือแก่ครางเขี้ยวบิ่น...สิ้นเดชา
...โคชราเคี้ยวเอื้องชำเลืองเอี้ยง
...เหยี่ยวบินเฉียงพุ่งโฉบโอบไก่ป่า
...จิ้งจอกงั่กมักหวังแกะชาวนา
...ปู่ช้างป่างาร่วง...ห่วงอ้อยดง
...เห็นหมีเฒ่าเฝ้าคว้าปลาแซลมอล
...ทวดพังพอนสู้งูหูตาหลง
...หมีกินผึ้งปากขมิบรีบเข้าพง
...ชาละวันหลงตะเพาทอง...จนต้องตาย
...อยากเตะปี๊บตีนเปล่าเฒ่าหัวเหน่ง
...เต้นโหยงเหยงเขย่งขาผ้าหลุดหาย
...ฟันปลอมร่วงแว่นหลุดสะดุดยาย
...ล้มจนหงายหลังยอก...ช้ำชอกจริง ฯ
2 พฤศจิกายน 2546 22:54 น.
อัลมิตรา
๏ อัลมิตรา...
ชื่อเตือนตาตรูตระกลกว่าคนผอง
เฉกเจ้าหญิงจากแดนไกลกำไลกรอง
แห่งไพรัชปเทศทองล่องถิ่นธาร๚
๏ เรียมคว้างเร่เอกาชะตาร้าย
ทะเลทรายพรายน้ำรอนหลอนสสาร
สูรย์ปลิดเงาเคล้าลมแห้งแล้งกันดาร
หนาววิญญาณแต่ดาวเดือนเป็นเพื่อนเคียง๚
๏ เร่มาถึงกรุงกลอนอักษรศิลป์
เพียงแตะลิ้นมธุรื่นค่อยคืนเสียง
มีมากมิตรจำนรรจ์ถ้อยร่วมร้อยเรียง
มีมากเมียงหมายมองดาบจ้องฟัน๚
๏ ยามวิกฤตมีเพื่อนคอยเตือนถ้อย
ยามใจน้อยมีมิ่งมิตรคู่คิดขวัญ
น้ำใจเฟื้อฟายปลื้มดื่มนัยนันทน์
ผองเพื่อนวรรณศิลป์ข้ามดินแดน๚
๏ เจ้าคือมิตรพาทีมิตรศรีศักดิ์
เยือกเย็นนักให้อภัยไม่ผูกแค้น
ประทับใจจึงอยากมอบกลอนตอบแทน
ทุกคำแน่นปิ่มประจุอิ่มอุรา๚
๏ ซาบซึ้งจิตถ้วนวจีที่รังสรรค์
ซมซานซบเซาพลันกลายหรรษา
เยีรยงขจิตขวัญกัลยา
พจนาพ่างนวลเดือนไม่เหมือนใคร๚
๏ มิตรภาพที่คอยมอบเรียมชอบนัก
ด้วยความภักดิ์รักกานท์จักสานให้
เราต่างมุ่งผดุงปองร้อยกรองไทย
ร้อยร่วมใจอย่างเบิกบานสร้างงานเอย๚๛