9 ตุลาคม 2546 17:18 น.
อัลมิตรา
THE stars are not afraid to appear like fireflies.
(ดวงดาวไม่วิตก ว่าจะถูกแลเห็นคล้ายฝูงหิ่งห้อย)
๏ ดาวเดือนริบหรี่ไร้-................เรืองแสง
ยามกลุ่มเมฆสำแดง-................เดชล้อม
ทิ้งถ่วง*ต่างกำแหง...................เห่อศักดิ์
หาหวั่นวิตกพร้อม-...................พร่างฟ้าราตรี ๚ะ๛
SMOKE boasts to the sky,
and Ashes to the earth,
that they are brothers to the fire.
(ควันโอ้อวดกับท้องฟ้า
และขี้เถ้าคุยเขื่องกับผืนแผ่นดิน
ว่ามันทั้งสองเป็นน้องชายของอัคคี)
๏ ควันขรมอวดข่มฟ้า...............คุยโขมง
ขุยถ่านขี้เถ้าโยง-......................ผูกถ้อย
เราเกิดแต่ไฟโพลง.................สุกสว่าง
หาใช่ผู้ต่ำต้อย-........................เศษเชื้ออัคคี ๚ะ๛
ROCKETS,
your insult to the stars
follows yourself back to the earth.
(พลุเอ๋ย,
คำสบประมาทของเจ้าต่อดวงดาว
กำลังไล่หลังเจ้าลงสู่พื้นดินแล้ว)
๏ พลุแสงแดงอวดจ้า..............เพ็ญแข
ดูหมิ่นดาวเรืองแล.................ใหญ่น้อย
ยามพวยพุ่งจวนแจ.................แสงดับ
คงร่วงหล่นเคลื่อนคล้อย-.........ฟากฟ้าอวสาน ๚ะ๛
LET not the sword-blade
mock its handle for being blunt.
(ใบมีดไม่ควรที่จะโอหังต่อด้าม
ว่าไม่คมเหมือนตัวของมัน)
๏ ใบมีดปรามาสแม้น.............ด้ามตน
ยามถือจับกลมมน.................มั่นแท้
ช่างดูแปลกพิกล....................เกินเปรียบ
ปราศจากคมหนึ่งแม้..............เช่นนี้ควรไฉน ๚ะ๛
THE scabbard is content to be dull
when it protects the keenness of the sword.
( ฝักดาบพอใจที่จะทื่อ
ในขณะมันทำหน้าที่พิทักษ์ความคมของดาบ)
๏ ฝักดาบยอมห่อหุ้ม............ดาบคม
สันโดษยังสุขสม..................เช่นนั้น
ฝักดาบทื่อยังทนม*.............เจียมจิต- ตนแฮ
ปกปักรักษากั้น...................บ่ให้คมหาย ๚ะ๛
7 ตุลาคม 2546 16:54 น.
อัลมิตรา
ด้วยรักไกลเกินคว้ามาแนบจิต
จึงลิขิตอักษรเป็นกลอนหวาน
หากวันใดข้างหน้ามาร้าวราน
ความยังขานรักเก่าหากเข้าใจ
ริมระเบียงไทรโยคลมโบกแผ่ว
สำเนียงแว่วเสียดสีที่กอไผ่
ณ ฝั่งน้ำท่ามกลางหว่างพงษ์ไพร
มีดวงใจสองดวงหวงห่วงกัน
..ฝากถ้อยคำรำพันสัญญาว่า
หากวันหนึ่งไกลตาอย่าเหหัน
แม้หนทางห่างเหินใช่เมินกัน
ความผูกพันทางใจไม่ไกลเลย
ถึงตัวไกลใจรักกันสักหน่อย
สักเพียงน้อยโทรหาอย่านิ่งเฉย
สิ่งสำคัญทุกวันมั่นอย่างเคย
อย่าละเลย..คิดถึงซึ่งคนไกล..
3 ตุลาคม 2546 22:19 น.
อัลมิตรา
thaipoem...
...ที่ที่ความฝัน .....อยู่ใกล้ใกล้ความจริง
...ที่ที่รอยยิ้มและคำสัญญา .....ไม่เคยจางหาย
...ที่ที่ความทรงจำ .....ไม่เคยมลาย
...บทกลอนไทย .....ให้ทุกคน
อัลมิตรา...
...ณ ตรงนี้ที่ที่มีแต่ความฝัน
...ณ ตรงนี้ความสัมพันธ์มิจางหาย
...ณ ตรงนี้ความทรงจำย้ำมิคลาย
...ณ ตรงนี้บ้านกลอนไทยให้ทุกคน
...ณ วันหนึ่งซึ่งผ่านมาแลเห็น
...ณ ประเด็นอักษราชักน่าสน
...ณ ตอนนี้ขอกล่าวเล่าย้อนตน
...ณ คราวด้นมาสมัครรักษ์กลอนไทย
...เคย วนเวียนเขียนอ่านกานท์มาน้อย
...เคย แต่อ่อยกลอนสดจรดเข้าใส่
...เคย ร่ายมั่วกลัวครูเอ็ดเข็ดเหลือใจ
...เคย ขานไขขับโคลงโยงล้อเลียน
...เคย ลอกกลอนตอนขุนแผนแสนสะท้าน
...เคย พบพานคนโรคจิตคิดปวดเศียร
...เคย ปะทะหลากคารมข่มวนเวียน
...เคย คิดเพี้ยนแต่งฉันท์อัศจรรย์กานท์
...สิ่ง ที่ใจอยากกระทำย้ำทำหมด
...สิ่ง เปลื้องปลดความปวดร้าวเข้าประสาน
...สิ่ง ถ่ายทอดบทกวีที่จรดจาร
...สิ่ง นี้คือตำนาน..บ้านกลอนไทย
1 ตุลาคม 2546 22:24 น.
อัลมิตรา
บทกวีหลายบท...แสดงถึงความมีอารมณ์ขำขันเฮฮา...ไว้เพื่อยามเศร้าเหงาหงอย...จะได้อ่าน
บทกวีหลายบท...เป็นแนววิชาการที่อิงความเป็นจริงที่สามารถอ้างอิงในการศึกษาหาความรู้ได้...
บทกวีบางบท...เป็นแนวปรัชญาและตรรกวิทยา...อาจจะดูลึกลับซับซ้อนบ้าง...แต่ไว้อ่านเมื่อต้องการข้อมูลบางอย่าง...
บทกวีบางบท...เป็นแนวการเมืองการสังคม...ที่เป็นปัจจุบัน...ไว้เพื่อทราบว่า...ในช่วงเวลานั้น ๆ...ที่บทกวีนี้ถูกเขียนขึ้น...มีเหตุการณ์ใดที่สำคัญเกิดขึ้นบ้าง...
บทกวีบางบท...เป็นแนวนวนิยาย...อ่านเพลิดเพลิน...ได้ความบันเทิง...
บทกวีบางบท...เป็นแนวประวัติศาสตร์พงศาวดาร...เพื่อให้เรารู้ที่มาที่ไปของเรา..และประเทศชาติเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ไทย...
บทกวีบางบท...สื่อความหมายซ่อนเร้น...เปรียบเทียบประชดประชัน...ได้ความเข้มข้นของชีวิต...
บทกวีบางบท...เศร้าโศก...แทบจะร้องไห้เมื่อได้อ่าน...อย่างน้อยที่ทำให้ผู้อ่านรู้ว่าชีวิต...ไม่ได้มีแต่ความร่าเริงเสมอไป...สุขเศร้าเหงา...ย่อมคืบคลานมาได้...เท่ากันทุกคน...
บทกวีบางบท...เป็นการชื่นชมธรรมชาติ...และสิ่งแวดล้อมรอบข้าง...ที่ได้ผ่านไปมาพบเห็น...บางสิ่งยากเกินกว่าจะไปมองเห็นของจริง...แต่บางสิ่งที่ง่ายที่จะพบเห็น...จนลืมไปว่าสิ่งเหล่านี้มีอยู่ข้างตัวเรา...
บทกวีบางบท...กล่าวถึงบุคคลที่สำคัญและไม่สำคัญ...เพื่อให้เรารับรู้ถึงวิถีทางการดำเนินชีวิตของคนเหล่านั้น...ว่ามีชีวิตอย่างไร...แก่นแท้ของเขาอยู่ที่ไหน...
บทกวีบางบท...เกินคำบรรยาย...ว่า...รู้สึกอย่างไรที่ได้เขียน... ...
บทกวีมากมายได้จารจด
หลั่งรินรดจากใจข้างในนี้
หลายสีสรรปั้นแต่งแสดงมี
หลากสุนทรีย์คลุกคล้าเย้าหยอกกัน
จากวันวานจวบวันนี้ผ่านปีแล้ว
ทั้งเพื่อนแก้วพี่น้องปองสุขสันต์
ต่างหัวเราะเริงรื่นชมื่นพลัน
สิ่งเหล่านั้นล้วนไมตรีปรี่จากใจ
หากวันหนึ่งซึ่งอาจถึงวันนั้น
ต้องจากกันหวั่นหวาดอาจใจหาย
บทกวีบางบทอาจหมดลาย
สูญเสื่อมคลายความขลังยากรั้งคืน
หากต้องนับเวลาคราถอยหลัง
น้ำตาหลั่งยั้งคิดดวงจิตฝืน
สองแขนล้าสองขามิหยัดยืน
คงล้มครืนเหมือนลับดับวิญญาณ์
คงฝากไว้เพียงอักษรหากย้อนอ่าน
ความเคยหวานและสนุกสุขหรรษา
ขอให้รับประทับไว้ในอุรา
เผื่อวันหน้าจะมีเลือน...ว่าเพื่อนเคย ..
1 ตุลาคม 2546 09:05 น.
อัลมิตรา
๏ งามเอยเผยผ่องพริ้ม.............พิมพ์ผกา
ปานบุหลันพลันนภา...............กว่าแจ้ง
ตระหง่านกาลประภา..............โสมส่อง สะคราญแล
ระเรื่อเรืองมิแสร้ง....................แห่งห้วงดวงหทัย ๚
๏ แสงนวลฉายส้มพร่าง............พรรณราย
เหลืองเหลื่อมสลับลาย...............เมฆริ้ว
ดุจนวลส่องชโลมหมาย.............ใจพี่
พราวเพริศประเสริฐพลิ้ว...........หับห้วงฤทัยไสว ๚
๏ รอใครเยือนเยี่ยมหน้า...........อาวรณ์
รอปลาบวาบใจตอน.................สบเจ้า
รอดุจเยื่อใยศร........................กามเทพ
รอปักทรวงอกเร้า.....................เร่ร้างเรียมตรม ๚ะ๛