4 มกราคม 2546 10:06 น.
อัลมิตรา
กาพย์ฉบัง ๑๖
.....ยกจอกเย้ยฟ้าท้าดิน...........................น้ำตาหลั่งริน
สูญสิ้นยุพินจากไกล
.....มัจจุช่างมุเหลือใจ..............................กลั่นแกล้งแช่งใคร
สาปให้เราเศร้าเหงาทรวง
.....รินเหล้าดวดเข้าลืมลวง.......................ทุกข์รุมสุมห้วง-
จิตห่วงอาลัยเหลือเกิน
.....หัวเราะเยาะฟ้าเขาเขิน........................พรากข้าใยเมิน
ทิ้งให้ร่ำไห้ผู้เดียว ฯ
.....ลมพัดกวัดไกวใจเหี่ยว........................ดวดเหล้าผู้เดียว
สั่นเสียวเหลียวใครไป่มี
.....เพียงหลุมคลุมร่างนารี........................ครวญคร่ำโศกี
ลิ้มซีอิมโอ้จากลา
.....มีดบินถวิลโหยหา...............................ยกจอกสุรา
เพื่อว่ากลัดกลุ้มหายไป
มาเหวยใครเคยช้ำใจ................................มาร่วมวงไว
เมรัยสุราพาเพลิน ฯ
3 มกราคม 2546 09:42 น.
อัลมิตรา
ณ..เวิ้งฟ้าหว่างฝันอันพรรณราย
แลแสงสายรังสิมันตุ์ตระการสี
เลื่อมระยับวับวามล้ำพรรณี
หลงฤดีมีจิตพินิจชม
ทิชากรบินล้อเคียงคลอคู่
ผละจากหมู่ลัดฟ้างามตาสม
ปีกโบยบางยังโบกชมโลกกลม
บินเล่นลมเริงร่านภาเพลิน
ครั้นเหนื่อยนักจักร่อนมานอนคู่
บนเนินภูลำเนาว์ถิ่นเขาเขิน
ไม่ใหลหลงกรงทองอันผ่องเกิน
ขอดำเนินเหิรฟ้าพเนจร
อยู่ใต้ฟ้าคราหนาวจักเข้าแอบ
กายนิ่งแนบกางกอดพร่ำพลอดสมร
ครั้นลมโบกโกรกกล้ำย้ำบั่นทอน
มิสั่นคลอนมั่นรัก...ประจักษ์เคียงฯ
2 มกราคม 2546 15:16 น.
อัลมิตรา
( กาพย์ฉบัง ๑๖ )....
.....จิตรการผ่านฟ้าสีคราม...............พร่างแพร้วแวววาม
ข่มข้ามรัศมีสุริยา
.....รุ้งเลิศเจิดจรัสทัศนา..................ชม้ายชายตา
อุราพาชื่นรื่นรมย์
.....รังสรรค์งามครันวิกรม.................แจ่มจ้านภาพรหม
สวยสมชื่นชมเมียงมอง
.....ฤาเทพนิมิตรช่ำชอง..................บรรเจิดเพริศผอง
สนองหฤทัยไว้เชย ฯ
.....อวดอ้างช่างงามล้ำเปรย-.............เปรียบน้องทรามเชย
*ไลเลยเผยพรรณสคราญงาม
.....เรียงสีพรรณีพิราม.....................พุ่งผ่านกาลยาม
ทาบทามรัศมิมานฉาย
.....เรืองรองพ้องแสงพริ้งพราย...........รจนาสาธยาย
มุ่งหมายให้เห็นเช่นกัน
.....สดชื่นระรื่นโดยพลัน....................พรรณาหฤหรรษ์
ฉวีวรรณซาบซ่านจิตใจ ฯ
...ไลเลย......แปลว่า..คล้ายคลึงกัน...
2 มกราคม 2546 14:20 น.
อัลมิตรา
นั่งครวญคร่ำร่ำสุราหน้าสุสาน
รัตติกาลผันผ่านไม่หวั่นไหว
สั่นสะท้านพลันหนาวร้าวฤทัย
ใจโหยไห้ปากเยาะหัวเราะเริง
ประชดฟ้าปฐพีที่กลั่นแกล้ง
ทำเสแสร้งแต่งให้ใจหลงเหลิง
ครั้นพลันเคียงเยี่ยงแย่งแช่งจมเพลิง
ให้บรรเทิงสั่นร้าวราวสาปกัน
มือหนึ่งคว้ามีดบินทั้งรินเหล้า
กายสั่นเทาเศร้าโศกอกไหวหวั่น
อยากบั่นคอขอตายวายชีวัน
ฤทธิ์มีดสั้นสิ้นชื่อมิลือนาม
ดวดสุราท้าเทพยมบาล
หากกล้าหาญพลันแจ้งอย่าแหนงขาม
มีดสั้นนี้มีชื่ออย่าถือความ
ปากพูดพล่ามย้ำยอกบอกตรงตรง ฯ