7 พฤศจิกายน 2545 08:55 น.

กระยาง

อัลมิตรา

.....สาบโคลนปนกลิ่นน้ำ.................ตามนา
ลมลิ่วปลิวเพลา..............................บ่ายเยื้อง
กระยางโหย่งตรงปลา......................แหวกว่าย  
เขย่งขยับจับเงื้อง-..........................ง่าจ้องมองปลา ฯ

.....ปากจิกกระดิกดิ้น......................กินกลืน
ปากงาบขนาบขืน.............................ลื่นคว้าง
มัสยาฝ่าแรงฝืน..............................หลบหลีก  ปลีกเฮย
ธรรมชาติพิลาสอ้าง.........................อย่างน้ำคำกวี ฯ				
6 พฤศจิกายน 2545 11:59 น.

กระต่ายเผย จันทร์เฉลย(ใจ)

อัลมิตรา

ตอบแก้  กระต่ายหมายจันทร์(โคลง)
ของ...คุณค้างคาวคืนคอน  กลอนที่ 25620  วันที่ 5 พ.ย.2545 เวลาดึกๆ..
  
 
กระต่าย..เผยใจ...

  ระรวยรินกลิ่นคำหวานฉ่ำนัก
คลายตระหนักปักษ์ทรวงคล้ายดวงแข 
สคราญงามยามมองผ่องพรรณแพร
สลวยแม้แค่ชมภิรมย์ใจ 

เกินแต่ใจหมายไขว่มาใกล้อก
ไม่หล่นตกพกพื้นจะชื่นใกล้ 
เป็นกระต่ายหมายจันทร์อันพรรณพราย
ยังแวววายคล้ายแก้วอันแพรวพราว  

แต่ชม้ายคล้ายเห็นดาวเกี้ยวโสม
หวั่นพโยมโน้มจิตคิดแล้วเศร้า
เพ็ญอยู่สูงเกินคว้ามาพิเนาว์
ฤาจะเหงาเราหงอยคอยเพ้อนวล


 
เจ้าจันทร์...เฉลยใจ...

 แม้งดงามยามเยื่องย้ายปรายจากฟ้า
ในอุราซ่อนแนบแอบคิดหวล
กระต่ายซ่อนรักซ้อนอ้อนย้ำยวน
มาคร่ำครวญด่วนพ้อหนออ่อนใจ

จะมากดาวสุกสกาวเย้าชวนชิด
มิเพ่งพิศหมายอื่นชื่นเคียงใกล้
ยังมีชายในเงาจันทร์อยู่ร่ำไป
อย่าได้คิดน้อยใจหรือสงกา

ย้ำอีกความตามเอ่ยเฉลยแจ้ง
ถึงอับแสงแต่แรงรักยังจักกล้า
ศศ..เคียงคู่..จันทร..ดั่งเคยมา
จวบจนฟ้าตราบสิ้นแผ่นดินทลาย ...มิเปลี่ยนแปลง.. 

				
5 พฤศจิกายน 2545 16:08 น.

..ไหลเรือไฟ..ณ ลุ่มแม่น้ำโขง

อัลมิตรา

 .........................ไหลเรือไฟ ( ไหลเฮือไฟ ).......................... 

 
.....มหาชนคนหลากล้น...............มากมาย 
เอียดเสียดเบียดบังหมาย..............ใฝ่จ้อง 
ลูกเด็กเล็กตายาย.........................ชายหนุ่ม-  สาวแม่ 
เช็งแช่แลเหลียวป้อง-....................ปากร้องฮาเฮ ฯ 

.....ผันปีมีมากด้วย.........................นันทนา-  การเฮย 
ขันแข่งแต่งนาวา...........................ใหญ่น้อย 
ประทีบรีบผูกดา-............................รดาษเด่น 
หลากรูปหลากลักษณ์ร้อย................เร่งเร้ารัดรึงลำเรือ ฯ 

.....งานมือปรือจิตสร้าง....................รังสรรค์ 
วิจิตรพิศดารผัน.............................แผกบ้าง 
ประกวดลวดลายกัน........................ขันแข่ง 
สมสุขสนุกอ้าง.................................อวดตั้งตระหง่านงาม ฯ 

.....มองจากฟากฝั่งน้ำ......................โขงขนาน 
โชติช่วงเฉิดชัชวาล.........................ผ่านคล้อย 
เพริศพร่างดั่งทิพยยาน....................เจิดจรัส
เกินกว่าพรรณาร้อย........................ร่ายถ้อยรจน์แถลง ฯ 

.....เห็นครุฑยุดเหนี่ยวเนื้อ..............นาคี 
เห็นนาคศลาฆฤทธี........................ที่น้ำ 
พระรถโปรดเมรี..............................เกษมสุข 
เห็นแม่กัลยาย้ำ..............................หยอกเย้าสรวลสนาน ฯ 

.....เห็นวัดปราสาทสร้าง...................อัศจรรย์ 
ปานเปรียบเทียบสรวงสวรรค์.............ย่านฟ้า 
เห็นกระบี่นารีอัน.............................ผุดผ่อง 
เห็นหมู่กินรีหม้า*.............................แช่มช้อยอรชร ฯ 

.....เห็นใครเดินไขว่คว้า..................ปืนอา-  ก้านอ 
ริมฝั่งโขงตรงหา..............................ป่าไม้ 
งันงกง่วนชายตา..............................ดูดั่ง  ลาวน้อง 
ปืนลั่นพลันยืนใบ้............................บ่งไซร้บั้งไฟพญานาค ฯ  ( นี่เอง ) 


 
 
 
...นาคศลาฆฤทธี ในที่นี้หมายถึงนาคพ่นไฟ ศลาฆ แปลว่า พ่น..หรือทำให้ออก.
...หม้า แปลว่า สวยงาม งดงาม


 ในวันออกพรรษา พระสงฆ์ตามวัดต่างๆ จะจัดทำเฮือไฟ (เรือไฟ) ขึ้นในวัดตรงหน้าโบสถ์ ตกกลางคืน จะนำดอกไม้ธูปเทียนมาจุดบูชา เป็นพุทธบูชา ประเพณีอีกอย่างหนึ่งที่นิยมทำกันมากในวันออกพรรษา คือ การปล่อยเรือไฟ  หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ไหลเฮือไฟ คือการนำเอาท่อนกล้วยหรือท่อนไม้มาทำเป็นรูปเรือ เวลาประมาณทุ่มเศษก็จะนำมาจุดไฟ โดยใช้ขี้ไต้หรือน้ำมันยาง แล้วปล่อยเรือให้ไหลไปตามน้ำ จะมีการตีฆ้องตีกลอง การละเล่นรื่นเริงพร้อมกันไปด้วย
บางจังหวัดก็มีการประกวดเรือไฟกัน นับว่าเป็นประเพณีที่ควรอนุรักษ์				
4 พฤศจิกายน 2545 09:41 น.

กระต่ายหมายจันทร์ (โคลงกลอน-กลอนโคลง)

อัลมิตรา

...( โคลงกลอน )... 


.....พระจันทร์งามอร่ามแท้..........แลสคราญ 
รัตติกาลฉายฉาน.......................ผ่านฟ้า 
สวยแสงส่องมองกานต์................พรรณพร่าง ละลวยแล 
คลายป่วยสลวยหล้า....................แจ่มจ้าราตรี ฯ 

.....อนิจจากระต่ายน้อย...............คอยเมียง 
มองกว่าจันทร์ผ่องเพียง..............เลี่ยงล้อ 
เหลือบสีหลากสรรเคียง................คลอกล่าว 
ดาวเด่นดีมิท้อ...........................ที่ง้องอนวอนอ้อนเพ็ญ ฯ 

.....ศศธร*บ่งซ้อง.......................สนองคำ 
อาจเอ่ยอำความจำ......................พร่ำเพ้อ 
เห็นจันทร์งดงามกำ-..................หนดใคร่ 
หมายใฝ่เป็นชะเง้อ...................เช่นเก้อเห็นเพ็ญเด่นวาม ฯ 

.....จำหาญหักรักร้าง....................ยังคนึง 
กระต่ายหึงหวงถึง........................จึ่งเย้ย 
หยามหยันหวั่นจิตตรึง.................ติดยิ่ง 
สิงสู่ทรามวัยเว้ย..........................พล่ามพ้อศศิพินทุ์วิไล ฯ 


...( กลอนโคลง )... 

  
พระจันทร์งามอร่ามแท้แลสคราญ
รัตติกาลฉายฉานผ่านฟ้าสวย 
แสงส่องมองกานต์พรรณพร่างละลวย
แลคลายป่วย สลวยหล้าแจ่มจ้าราตรี 

อนิจจากระต่ายน้อยคอยเมียงมอง
กว่าจันทร์ผ่องเพียงเลี่ยงล้อเหลือบสี 
หลากสรรเคียงคลอกล่าวดาวเด่นดี
มิท้อที่ง้องอนวอนอ้อนเพ็ญ  

ศศธร*บ่งซ้องสนองคำ
อาจเอ่ยอำความจำพร่ำเพ้อเห็น 
จันทร์งดงามกำหนดใคร่หมายใฝ่เป็น
ชะเง้อเช่นเก้อเห็นเพ็ญเด่นวาม 

จำหาญหักรักร้างยังคนึง
กระต่ายหึงหวงถึงจึ่งเย้ยหยาม 
หยันหวั่นจิตตรึงติดยิ่งสิงสู่ทราม-
วัยเว้ยพล่ามพ้อศศิพินทุ์วิไล ฯ 				
2 พฤศจิกายน 2545 22:13 น.

เพียรร่างสร้างฐาน..

อัลมิตรา

...

....เพียร...พิพากย์วากย์ใว้.................หวังคง-  ความเฮย
ร่าง...รจน์เรียงบรรจง........................บ่งแล้ว
สร้าง...สรรค์เสกเฉกพงศ์-.................พิชญ์ท่าน
ฐาน...ผงาดอาจเพริศแพร้ว................พร่างถ้อยเธียรถลึง...ฯ


 
...*พิพากย์...ตัดสินอรรถคดี...การใช้ปัญญาในการตัดสินเนื้อความ...
...*วากย์...คำพูด.....คล้ายกับ...พากย์......เป็นคำสมาส...คือคำหลายคำมารวมกัน...
...*พิชญ์...คงแก่เรียน...
...*เธียรถลึง...นักปราชญ์จับตามอง...
				
Calendar
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัลมิตรา
Lovings  อัลมิตรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอัลมิตรา