10 พฤศจิกายน 2545 17:06 น.
อัลมิตรา
จะยกหนี้ให้ใครให้ยั้งจิต
ควรพินิศพิศความให้ถ้วนถี่
ค่าของมันไม่ว่าน้อยหรือมากดี
สำคัญที่ความหมายมิใช่เงิน
หากสดับรับคิดแต่น้ำหนัก
อาจคิดทักท้วงยามถามเหตุผล
หนี้ใหญ่น้อยก่อเกิดได้ทั่วทุกคน
เพราะความจนข้นแค้นแสนมากมี
แล้วถามกลับรับได้ไหมใครตอบบ้าง
หนึ่งบาทยั้งเปรียบว่าโจรกร่นทุกที่
ห้าร้อยล้านโกงชาติสิ้นยังว่าดี
เปรียบสองโจรนี้ทีใคร(เลว)กว่ากัน
นับเป็นโจทย์ที่ซ่อนนัยใครไม่รู้
รอให้ปู่เปิดเผยเฉลยเป็นฉันท์
อัลมิตราจะขอตอบไปโดยพลัน
ยกหนี้นั้นครั้นชอบคนมอบอภัย..
10 พฤศจิกายน 2545 16:46 น.
อัลมิตรา
.....สมัคร...รักร่วมคล้อง...................โคลงกานท์
สมาน...มั่นศัพท์ผสาน........................แซ่ซ้อง
เสมอ...สืบสิทธานต์สนาน...................โศลกท่วง
สมร...มาตรอาจรัดคล้อง...................เกี่ยวใกล้สนิทสนม ฯ
สิทธานต์... .หลักการ...ความเห็นที่ต้องกัน.
บทโคลงสั้นๆ สำหรับเพื่อนๆในthaipoem ทุกๆท่าน ด้วยมิตรภาพตราบสิ้นฟ้า
10 พฤศจิกายน 2545 14:18 น.
อัลมิตรา
...วันนี้...
...ยามราตรีไร้แสงจันทร์...
...ดั่งใจฉันนั้น...หวั่นไหว...
...ยามลมหวน...ปั่นปวนไป...
...ยามเดียวดาย...ที่ไร้ดาว
...คืนนี้...
...คงไม่มีใครหยอกเย้า...
...คงปราศจากดาว...สกาวพร่าง...
...คงปวดร้าว...คราวอ้างว้าง...
...ยังคงนั่ง...พร่างรำพัน...ผ่านแผ่วไป...
...ใต้แสงสุริยันจันทรา...จักร่ายถ้อยร้อยภาษา...ประหนึ่งว่าประสานใจ...
...แม้ปราศจากศศิธรตอนราตรี...แต่ยังไม่ร้างไมตรีที่มีให้...
...แม้นอุปสรรคจักขัดขวาง...ทำให้ห่าง...ร้างผู้ใด...
...แต่ความลึกลึกข้างใน...มีแต่ยิ้มให้...เสมอทุกเพ-ลา...มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า...
10 พฤศจิกายน 2545 13:55 น.
อัลมิตรา
...Waiting...
...You known i waiting...
...You known i wait for you...
...Uunder the Lover s moon...
...Under the Lover s moon...
ขอเรียงร้อยถ้อยคำลำนำอ้าง
ยามอ้างว้างร้างลาพระจันทร์หาย
ยามสิ้นดาวพราวแพรวแนวคืนคลาย
ยามหวั่นไหวในวันอันหม่นเดือน
คงหลงฟ้าราตรีทิวาล่วง
แสนหวงห่วงดวงแขแลหมางเหมือน
ใยหลบหลีกซีกฟ้าครายลเยือน
ฤาร้างเลือนเพื่อนชมภิรมย์ดาว
เฝ้าชะแง้แลหลงตรงจันทร์ผ่อง
เฝ้าหวังปองมองฟ้าคราเหน็บหนาว
สายลมพัดกวัดไกวใจสั่นเทา
แสนปวดร้าวคราวคืนสะอื้นมอง
พระจันทร์เอยเคยชมภิรมณ์อยู่
คงพลัดคู่ดูดายคล้ายกลัดหนอง
ริมสายน้ำยามคืนฝืนใจมอง
พระจันทร์ผ่องพ้องเรา...นั่งเฝ้ารอ
ริมโคนไทรในคืนอันขื่นขม
แว่วสายลมขรมกู่อู้จริงหนอ
กระทบกายในสั่นพรั่นพนอ
สายลมล้อกอไผ่ให้ไหวเอน
เสียงลู่เรียงเอียงไหวปานใจฉัน
ยังหนาวสั่นหวั่นหวาดปราศยากเข็ญ
นั่งสะท้านปานว่าคราลำเค็ญ
ลมพัดเย็นเร้นดาวสกาวพราย
โอ้ว่าไทรไหวโยกโศกสำเนียง
ระบือเสียงเพียงว่าอย่าหลับใหล
กิ่งก้านโกรกโยกย้ายกลายแกมใบ
ดั่งสไบบ้ายพริ้วลิ่วลมลอย
เสียงนกน้อยคอยคู่กู่กึกก้อง
เฝ้าร่ายร้องห้องหาว่าเศร้าสร้อย
ดั่งใครกันพรั่นคำยามหลงคอย
ดาวเดือนคล้อยลอยลับกับเมฆา
ใยยาตรเยื้องเอื้องอรนอนหลับฤา
คงสุดมือยื้อยุดฉุดพาหา
สูงเทียบฟ้าเวหาคว้าดารา
เพียงชายตาหาแสงยังแย้งใจ
ไม่เห็นใดพรายพราวสกาวพร่าง
ดูอ้างว้างร้างนักปักษ์ร่ำให้
ดูมืดมัวกลัวเกรงเพลงบทใด
เผลอร่ำไห้กับหัวใจชาย(ใน)เงาจันทร์
10 พฤศจิกายน 2545 13:38 น.
อัลมิตรา
...โอ้น้องแก้ว...ไม่แคล้ว...แน่วไปไหน
...ยังเคียงใกล้...ดวงใจ...ให้ถวิล...
...แม้นเดือนหงาย...จันทร์ฉาย...ใฝ่ยลยิน
...ตราบฟ้าดิน...สิ้นร้าง...มิห่างกัน...ฯ
...สัญญาสดับเรื่อง.....................ขณะเยื้องวิไลวรรณ
ตราบว่านภาผัน.........................ปฐพ์พลันสะท้านกาล
โอ้ดาวสกาวพร่าง.......................คคนางค์สว่างวรรณ
ชมช้องสนองฉันท์......................อภินันท์นิรันดร ฯ