20 พฤศจิกายน 2545 22:40 น.
อัลมิตรา
หญิง..
จะขอเป็นจันทร์งามยามราตรี
สถิตย์ที่กลางนภาเวหาหน
ระยิบระยับวับวาม ณ เบื้องบน
ลิขิตกานท์จารสกลนิพนธ์ความ
ชาย..
ขอรักจันทร์งดงามอร่ามฟ้า
ชิดนภางามงดจรดเวหน
ยามต้องแสงอ่อนช้อยคล้อยกมล
กวีนิพนธ์สกลกานท์สราญใจ
20 พฤศจิกายน 2545 22:35 น.
อัลมิตรา
หนึ่งดอกนั้น...งดงาม...น้ำใจเจ้า
หนึ่งดอกนั้น...อับเฉา...ใต้เงาฝัน
หนึ่งดอกนั้น...เบ่งบาน...อย่างเช่นจันทร์
หนึ่งดอกนั้น...สร้างสรร...กาลวารี
จะดอกไหน...ในโลก...ล้วนชูช่อ
ล้วนสรรค์ต่อ...เป็นไป...ในวิถี
ขอเพียงหนึ่ง...เดียวนั้น...ในชีวี
ดอกไม้มี...คนเห็นเป็น...กำลังใจ
งดงามนัก...หากถาม...ความเป็นจริง
งามงดนัก...หลากสิ่ง...ที่สูญหาย
งดงามนัก...ชีวิต...ที่พลิ้วพราย
งามงดนัก...สหาย..ในดงดอน
อยากจะถาม...เหนื่อยไหม..งามดอกไม้
บานไสว...ชูดอก..กวีกลอน
เพื่อท้าทาย...สร้างหวัง...ฝูงภมร
ให้ก่อนนอน...เคลิบเคลิ้ม...ด้วยใบบาง...
20 พฤศจิกายน 2545 22:22 น.
อัลมิตรา
.....สายหยุดสายกลิ่นสิ้น....................หอมสลาย
สายเสน่หามา กลาย...........................กลับร้าง
กลีบดอกออกเรียงราย........................สละกลิ่น ฤาแม่
คงหม่นจนมล้าง................................ร่วงแล้วโรยลา ฯ
.....สายหยุดฉุดจิตน้อม......................ถนอมนวล
ห่างกลิ่นถวิลหวน...............................ห่วงแท้
ดอกโรยโหยกำสรวล...........................โศกสลด
ปราศดอกชอกใจแล้...........................หยุดห้อมดอมดม ฯ
19 พฤศจิกายน 2545 21:33 น.
อัลมิตรา
คืนนี้เป็นคืนขึ้น 15 ค่ำ..จันทร์เพ็ญจะอร่ามตา
ดุจโคมกลมที่แขวนเติ่งกลางท้องฟ้ายามราตรี
สะท้อนแสงดุจกระจกเงากับผืนน้ำที่นิ่งสงบ
โพยมบนฟ้าดูเหมือนแค่เอื้อมเมื่อจักคว้าเงา
หากแต่เพียงมือจุ่มลงไป จันทร์ในน้ำย่อมติงไหว
และเมื่อแหงนมองฟ้าไป จันทร์ในใจยังคงเดิม
...
หรีดหริ่งเรไร เริ่มขับบรรเลงกล่อมเพลงไพรอย่างอ้อยอิ่ง
แม้แต่พระพาย ยังย่างกรายอย่างแผ่วเบา ดุจกระซิบ กระซาบ
เต่าทองตัวน้อย เกาะใบอ่อน .. ดอกไม้บางเบาหรุบกลีบห่อหุ้มเกสร
...
จันทร์ในใจ..ไม่ว่าจะผ่านไปกี่คืนต่อกี่คืน ย่อมเต็มดวงเสมอ
จันทร์ในใจ..ไม่ว่าจะผ่านไปกี่คืนต่อกี่คืน ยังมาเยี่ยมเยือนเสมอ
จันทร์ในใจ..ไม่ว่าจะตื่นหรือจะหลับ ยังพราวพร่างกระจ่างในใจเสมอ
จันทร์ในใจ..จันทร์ในใจ..จันทร์ในใจ
19 พฤศจิกายน 2545 08:59 น.
อัลมิตรา
...เมื่อวานฉันเป็นเด็กดื้อ มีผู้ใหญ่คอยถือไม้ไล่
...แถมเอานิ้วมาหนีบจมูกอยู่ร่ำไป จุ๊ๆๆป้องปากให้พูดจาดีๆ
...เผลอหน่อยก็เอามือขยี้ผม แอบมาดมแก้มยามยิ้มปรี่
...ผู้ใหญ่ทำอะไรอะไรก็ว่าดี ส่วนเด็กดื้ออย่างเรานี้ มีหรือจะยอมฟัง
...แก่นแก้วกระโหลกกะลานัก เอ่ยขึ้นทักว่าเป็นลิงเป็นค่าง
...ขี้มูกเกรอะขี้ตาแห้งแข็งกรัง ดูแล้วยังหาที่น่ารักไม่เจอ
...แหม !! ใครๆก็อยากจะสวย แต่ว่าช่วยไม่ได้ที่เราโง่
...แต่งตัวอย่างกะเด็กกะโปโล แถมไม่โก้เมื่อเดินไปด้วยกัน
...วันนี้ฉันโตเป็นสาว งามพริ้มพราวราวนางฟ้านั่น
...ใครเห็นก็อยากจะผูกพัน และเริ่มมีฝันกับใครบางคน
...แต่หากยังซุกซนอยู่ ถึงแม้ดูแล้วอาจจะสับสน
...เฮ้อ !! ปวดหัวกับคนบางคน ที่พร่ำบ่นจนเก็บไปละเมอ
...เฮ้อ !! ทำอะไรก็ขวางตายิ่งนัก คนเคยรักเคยเคียงชิดใกล้
...กล่าวคำที่ทำให้น้อยใจ อยากร้องไห้ และ หนีไปให้ไกลสุดตา
...เด็กดื้อ เด็กดื้อ อีกแล้ว เหมือนนกแก้วแว่วคำบ่นหา
...ได้ยินแล้ว ก็รู้แล้ว ว่าในสายตา เห็นเป็นเด็กอยู่ทุกเวลา
....ก็เพราะอย่างนี้แหล่ะน๊า...
...เฮ้อ ..จะไม่ให้ดื้อหรือไง ? เชอะ ..แล้วจะให้ทำยังงัย ?
...แหง่ะ ..แล้วจะให้ทำอย่างไร ? ... ก้อแล้วจะบ่นทำไม ? ...ว้า ..