26 พฤศจิกายน 2545 14:51 น.
อัลมิตรา
เมื่อมีเขาเคล้าคลอพะนอคู่
โลกทั้งใบก็สวยหรูดูสดใส
ให้อิ่มเอมเปรมสุขทุกวันไป
มิหวาดไหวภัยกรายมาราวี
หากแต่นี้จำต้องร้างห่างเคียงคู่
ก็ให้ดูหมองหม่นไร้ราศี
ความมืดมิดเข้าเกาะกุมรุมชีวี
ต่อแต่นี้มีแต่ช้ำระกำทรวง
ดั่ง..ดวงไฟที่เคยฉายกลายดับวูบ
ดั่ง..รอยจูบลูบไล้ไม่มาหวง
ดั่ง..รักแรกแทรกร้าวก้าวกลลวง
ดั่ง..อยู่ห้วงความหมองหม่นจนฤทัย
ขอได้ไหมขอเพียงสักหนึ่งอย่าง
อย่าอำพรางคลางแคลงและผลักไส
สักเพียงนิดที่เอ่ยปากจากหัวใจ
ก่อนจากไป...ได้โปรดกอด(ฉัน)สักครา
เถิด..ได้โปรดเถิดนะก่อนลาจาก
รักเราพรากก็จะหักใจมิใฝ่หา
จะลุกขึ้นพร้อมเช็ดรอยคราบน้ำตา
และจะไม่โหยหาให้กลับคืน
26 พฤศจิกายน 2545 08:50 น.
อัลมิตรา
เมล็ดพันธุ์แห่งความชั่ว
.............................
เมล็ดพันธุ์แห่งความชั่ว
เหี่ยวเฉา
แต่เมล็ดพันธุ์แห่งความดี
กำลังผลิดอกออกผล
แท้จริง เมล็ดพันธุ์แห่งความชั่ว
แม้มันจะชูกิ่งก้านขึ้นไปในอากาศอย่างรวดเร็ว
แต่รากของมันฝังอยู่ในดินตื้น
มันเติบโตกระทั่ง
กิ่งก้านของมันไปบดบังแสงสว่าง
และอากาศของต้นไม้แห่งความดี
แต่ทว่า ต้นไม้แห่งความดี
ก็ยังคงเจริญเติบโตต่อไป อย่างช้าช้า
เพราะความลึกแห่งรากของมันที่หยั่งลงไปในดิน
จะทดแทนความอบอุ่น และอากาศให้แก่มัน
ถึงแม้ว่า
ขณะที่เรามองอย่างผิวเผินถึงภาพลักษณ์อันลวงตา
ที่สวยสดงดงามของต้นไม้แห่งความชั่ว
แต่...ลองค้นหาพลังอันแท้จริง
และความแข็งแกร่งของมันสิ ?
จะประจักษ์แก่เราถึงความอ่อนแอ
และแตกกันเป็นเสี่ยงเสี่ยง
อันหาใช่ความแข็งแกร่งที่แก้จริงไม่
ในขณะที่ต้นไม้แห่งคุณธรรม
อดทนต่อภัยพิบัติ
มันยืนหยัดต้านลมพายุ
และยังคงเจริญเติบโนอย่างช้าช้า
ไม่สะทกสะท้าน
ต่อสิ่งที่ต้นไม้แห่งความชั่วได้ขว้างปามัน
จากฝุ่นดิน และขวากหนาม ...!
...
บทที่ ๓ หน้า ๓๔ จากหนังสือ ด้วยจิตวิญญาณอันเปี่ยมสุข ..
25 พฤศจิกายน 2545 22:57 น.
อัลมิตรา
.....กาลผันวสันต์ปี......................ดรณีทิวาวาย
ราตรีศศีกลาย.............................วระหมายจะย้ายกาล
ขวบปีมิยั้งหยุด...........................ศิริชุตติม์กี่วาร
เรื่องรุ่งผดุงนาน.........................ธุระการสราญใจ ฯ
.....ชื่นช้องสนองจิต.....................อริคิดพิชิตใด
จงพ่ายสลายไกล.........................รติได้หทัยครอง
หลับตื่นระรื่นภักดิ์........................ขณะรักประจักษ์ปอง
อาพาธมิปราถน์ต้อง.....................จิตะคล้องประคองความ ฯ
.....แฮปปี้นะแด๊ดดี้.......................ดรุณีฉวีวาม
ฝากฉันท์ ณ วันยาม.....................กวิพร่ำสิร่ำพร
อีกคนดีนรีน้อง.............................มิคะนองละจ้องงอน
ยิ้มแย้มอแร่มวอน........................ปิตุตอนสิย้อนยล ฯ
.....ศรีสุขผละทุกข์ใจ....................มนะได้วิไลดล
หวังวัฒนาปน..............................สิริล้นกมลเมียง
กี่ปีสิเคลื่อนกาล...........................สิสราญสนานเคียง
ฝากฉันท์ประพันธ์เสียง.................กวิเรียงเผดียงกานท์ ฯ
25 พฤศจิกายน 2545 22:29 น.
อัลมิตรา
นางแอ่นน้อยลอยบินบนถิ่นฐาน
สร้างตำนานมิตรภาพซึมซาบเห็น
มากมายหลายผู้คนหลายประเด็น
บังเกิดเป็น...มิตรภาพ...อาบต่อใย
ตราบสิ้นฟ้า...มลาย...คำทายทัก
มากมายนักคำกวีที่ขานไข
เหมือนหนึ่งบทความรักประจักษ์ใจ
สานต่อได้...ด้วยมิตร...นิจกาล
ประดุจดั่งดอกไม้...ไม่ทิ้งต้น
แม้นถูกค้นจากภมรชอนความหวาน
ไม่อับเฉามัวหมองหรือจ้องพาล
ยังคงบาน...เปล่งปลั่ง...อย่างเช่นเคย
นางแอ่นน้อยลอยบินบนถิ่นฐาน
ตำนานสานสร้างต่อรอเฉลย
แสวงหาไมตรีดีดั่งเคย
เปิดใจเผย...มิตรภาพ...ตราบนิรันดร์ฯ
25 พฤศจิกายน 2545 08:17 น.
อัลมิตรา
๑.
.....เคียงคลอขอกล่อมน้อง.......................ยามหนาว
ก่อนพรากจากนวลคราว...........................รุ่งหล้า
รำพันหวั่นจิตราว-...................................ชีพปลิด แม่เอย
วันพรุ่งอาจมุ่งหน้า..................................สู่ฟ้าสรวงสวรรค์ ฯ
๒.
.....เดือนดาวพราวพร่างแท้.....................แลสะคราญ แม่เอย
ลอยเด่นเป็นพยาน................................หยั่งรู้
แสงส่องผ่องดวงมาลย์...........................ปานจิต- พี่นา
จักมั่นตราบชีพทู้*..................................ท่านท้าวมัจจุ- ราชา ฯ
๓.
.....ไออุ่นหนุนแนบเนื้อ...........................นวลลออ
ภพพรุ่งอาจเกินรอ..................................ยิ่งแล้ว
เคยชิดสนิทพะนอ..................................พอพลัด- พรากเฮย
จักคร่ำครวญยามแคล้ว...........................คลาดเจ้าเยาวมาลย์ ฯ
๔.
.....ใครหนอจักกอดเจ้า...........................คราวคืน
มดไต่ยุงไรหืน*......................................ดื่นใกล้
ใครหนอจักหยัดยืน................................ปัดเป่า
นวลแม่อาจแลไหม้.................................หม่นแล้วเรียมสงวน ฯ
๕.
.....อาหารหวานข้าวอุ่น...........................โอชา
แกงกับสำรับหา.....................................ค่ำเช้า
อาจบูดดุจอสุภะพา.................................หมองจิต
หาเทียบเปรียบจวักเจ้า............................แต่งให้ชิมชม ฯ
๖.
.....มองเรือนเหมือนรกร้าง.......................เลือนรา- ศีนอ
จักเงียบเปรียบพฤกษ์พณา.......................ปราศช้าง
เตียงตั่งดั่งโหยหา...................................คนนั่ง- นอนเฮย
เงียบเชียบเปรียบพี่ร้าง............................ห่างน้องฤาไฉน ฯ
๗.
.....นมแมวโมกแก้วยี่-...............................สุ่นไสว
จักเหี่ยวเหลียวทางใด...............................ไป่แย้ม
ราตรีทิวาไย............................................ใบหม่น- หมองนา
ซ่อนกลิ่นกลับงามแฉล้ม............................ช่อแย้มแซมงาม ฯ
๘.
.....รัตติกาลพลันเคลื่อนคล้อย....................ยามเลย- ล่วงนอ
ดาวเด่นเดือนเดี่ยวเผย..............................อ่อนล้า
อาจดับลับมหรรณพ์เปรย..........................เปรียบพี่
จำจากดุจโสมหม้า....................................พรากหล้าคราอรุณ ฯ
๙.
.....พรุ่งเพรียกจักจากเจ้า.........................เยาวมาลย์ แม่เอย
ครวญคร่ำวรรณกรรมขาน........................ผ่านถ้อย
อาลัยบ่ายนงคราญ..................................พลันสลด
เกินพร่ำคำสรรค์สร้อย.............................เฉกไร้จินตนาการ ฯ
๑๐.
.....เกล็ดแกมแวมแห่งไต้..........................กระจ่างตา
ปานเพ็ชรเกล็ดประภา..............................พร่างแพร้ว
วับวาวเยี่ยงจันทรา..................................คราเพ่ง- พิศม์นอ
แน่แน่วแววคลาดแคล้ว...........................ฟากฟ้าสุราลัย ฯ
๑๑.
.....ระทมแสงใต้เรื่อ-...............................เรืองฉาย
จำห่างดังชีพวาย....................................ดับแล้
แสงใต้ดับดุจมลาย.................................ตายจาก- แม่นา
มิอาจปราถน์เคียงแม้...............................จิตใกล้อนงค์นวล ฯ
๑๒.
.....เคียงคลอรอใต้พล่า...........................เพลิงผลาญ
พลอดพร่ำรำพันผสาน............................โอบเนื้อ
น้ำตาดั่งวสันตกาล.................................เยี่ยมโลก
กานท์กล่อมกาพย์กล่าวเกื้อ.......................เผื่อเจ้าคลายครวญ ฯ
๑๓.
.....เสร็จกิจพี่จักย้อน.............................กลับเรือน
นวลแม่ยามแลเบือน..............................บ่ายหน้า
ขอชมชื่นเปรียบเสมือน..........................คราวก่อน- เถิดแม่
กายห่างจิตยังคว้า.................................ไขว่เจ้าเคียงใจ ฯ
๑๔.
.....ไก่ขันพลันเศร้ายิ่ง............................นุชนาฏ แม่เอย
ปานดาบของเพชฌฆาต.........................บั่นแล้ว
แสนสลดพจน์มิอาจ...............................เรียงร่าย
ขอกอดหอมก่อนแคล้ว...........................คลาดเจ้าคราวอรุณ ฯ
๑๕.
.....เอกชัยหมายจ้ำคัด...........................ชลยาน
เรือพระที่นั่งทะยาน..............................แหวกน้ำ
งามเด่นเช่นรัศมิมาน............................โปรดโลก- ธาตุแฮ
หมายมุ่งผดุงค้ำ...................................กิจยั้งเกียรติภูมิ ฯ
หืน ในที่นี้หมายถึง.....นั้นมันเลวทรามต่ำช้ายิ่งนัก...
ทู้.....แปลว่ายอมอยู่ในอำนาจ..