16 มิถุนายน 2546 12:12 น.
อัลมิตรา
จากแรกเริ่มดรุณวัยไร้เดียงสา
มือไขว่คว้ายึดมั่นฉันเจ้าของ
โตมาเสาะสินทรัพย์แย่งจับจอง
พาให้ต้องทุกข์ท้นทุรนทุราย
หลงอัตตาตัวตนจนเกินเหตุ
เป็นประเภทฟั่นเฟือนเลือนจุดหมาย
ปล่อยใจตามความอยากที่มากมาย
ชีวิตกลายกลัดกลุ้มไฟสุมทรวง
ท่ามกลางการแก่งแย่งการแข่งขัน
การแบ่งปันมิอาจแทนการแหนหวง
จนสังคมจมบาปหลงภาพลวง
พลอยผลพวงชักพาถึงฆ่าฟัน
ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เคยแลเห็น
ก็กลายเป็นเปลืองเปล่าให้เขาหยัน
เป็นจุดอับจุดอ่อนซ่อนโทษทัณฑ์
กลายจุดผันผลักไสให้เลวทราม
คือรากเหง้าเหล่านี้ที่เห็นทั่ว
คนลืมตัวลืมตรองกลับมองข้าม
โลภโกรธหลงเหลวไหลเฉกไฟลาม
ยากมีความสุขสงบให้พบพาน
ขอสักเศษส่วนเดียวเสี้ยวสำนึก
ได้รู้สึกรู้สาหาแก่นสาร
เลิกปล่อยใจจมปลักความดักดาน
หลุดจากการโง่เง่าหลงเงาตัว
15 มิถุนายน 2546 00:07 น.
อัลมิตรา
...โอมกระดุ๊กกะดิ๊กขยิกขยุย
ดั่งเตียวหุยรำทวนชวนสยอง
เหมือนกวนอูคะนองง้าวห้าวลำพอง
เล่าปี่มองงวยงงตรงข้างทาง
...มีขงเบ้งเล็งเหล่นอนเปลเงียบ
คว้าบักเขียบเข้าท้องร้องโผงผาง
แม้นออกรบสยบศึกครึกครื้นพลาง
คว้าเครื่องรางมนต์เสกลงเลขยันต์
....จะกล่าวถึงโจโฉมาดโก้เหลือ
ยืนปาดเหงื่อเหงือกแห้งแสร้งเหหัน
ไสยเวทย์ของขงเบ้งเก่งไรกัน
ต้องของฉันกุมารทองยิ้มย่องใจ
...แล้วจะส่งควายธนูมากู้ชื่อ
คงร้องฮือทัพแตกแปลกใจใหญ่
มียี่เอ๋งเก่งกลองคะนองไพร
รัวเร็วไวหมายข่มขย่มทรวง
...มีฮิปโป...เอ๊ยลิโป้มาโชว์กล้าม
มัวพูดพล่ามเดินเขย่งเกรงศึกหลวง
อีกม้าเฉียว...เหมียวช้ามาล่อลวง
โจสิดห่วงต้มถั่วมัวสุมไฟ
...โอ้ลกเจ๊กเด้กน้อยคอยลักส้ม
เอียวสิ้วล้มหกคะมำตำขาไก่
อีกจูล่งหลงศึกนึกเฉลียวใจ
เดินทางไกลจากเสียงสานซ่านฤดี
14 มิถุนายน 2546 23:56 น.
อัลมิตรา
...พักสายตาเถิดน้อง...............คนดี
ตรงที่พักแรมมี......................พี่เจ้า
ผ่านเรื่องผ่านราวชี-................วิตวุ่น วายแฮ
ยามหลับจักใฝ่เฝ้า..................กล่อมให้คลายหมอง ฯ
...ความรักเอยเพริศแพร้ว.........เพรียกงาม
ตราบชีพหวังทวงถาม..............ไขว่คว้า
หาอิ่มห่อนเอมยาม...................หวังชิด เชยแม่
อยากเคียงเยี่ยงฟากฟ้า.............ชื่นใกล้เพ็ญแข ฯ
พักสายตา เถอะนะคนดี
หลับลง ตรงนี้ ที่ที่มีแต่เราสองคน
ผ่านเรื่องราวผ่านงานผ่านคน
สับสน หลายความ
บางเวลาต้องการสักคน
ไว้คอย ปลอบใจ เข้าใจ พูดคุย
ความรักเอยงดงามอย่างนี้
จนชั่ว ชีวี โหยหาความรักไม่เคยพอ
อยากให้เธอเคียงข้างอย่างนี้
บอกรัก อีกที อยู่ใกล้กัน ตลอดเวลา
พัก กาย พักใจ หลับตา ฝันดี
รัก เอย รักที่ เข้าใจ ถึงกัน
พัก กาย พักใจ หลับตา ฝันดี
......
12 มิถุนายน 2546 22:37 น.
อัลมิตรา
ใช่ว่าเธออยู่ลำพังอย่างเดียวดาย
เคียงข้างกายจงเห็นฉันเป็นเพื่อน
มีไมตรีมากมายหมายเยี่ยมเยือน
ดุจร่วมเรือนเรียงร้อยถ้อยความชม
แม้พ่ายแพ้พลาดพลั้งดังฝันร้าย
ยังย่างกรายหมายชิดสนิทสนม
ปล่อยเรื่องราวเศร้าหายกับสายลม
จงรื่นรมย์สดใสใจชื่นบาน
ทุกสิ่งนั้นหากตรองมองให้แจ้ง
ล้วนแสดงแต่ต้นจนอวสาน
ทุกข์และสุขเปลี่ยนแปลงสำแดงนาน
ตราบวายปราณจึงหายมลายลง
แม้นไม่เป็นดั่งใจที่หมายมุ่ง
ครั้นวันพรุ่งฟันฝ่าถ้าประสงค์
living for tomorow โอ้มั่นคง
เจตน์จำนงค์มุ่งหมาย...คล้ายบทเพลง ฯ
* * * *
* * * *
* * *
* *
I am still living for tomorrow
I am living for today
Lets make this world
A better place to live
Stop to take
Start to give
Loves got the power
To get it done
To stop the pain
Of a killing gun
And even if you say
Were gonna die today
I am still living for tomorrow
I am living for today
Cause love will find a way my friend
Whatever it will take
I am still living for tomorrow
I am living for today
Why dont we try today my friend
To make this world a better place
Lets make this life
A better life to live
Stop to hate
Learn to forgive
Evil power can kill
The human race
If we give life
A human face (a human face)
And even if you say
Were gonna die today
I am still living for tomorrow
I am living for toda
Cause love will find a way my friend
Whatever it will take
I am still living for tomorrow
I am living for today
Why dont we try today my friend
To make this world a better place (a better place)
And even if you say
Were gonna die today
I am still living for tomorrow
I am living for today
Cause love will find a way my friend
Whatever it will take
I am still living for tomorrow
I am living for today
Why dont we try today my friend
To make this world a better place
I am still living for tomorrow ....
2 มิถุนายน 2546 23:27 น.
อัลมิตรา
แสงแดดจ้าตาจ้องหมายมองหา
กายชราใจยังแกร่งเรี่ยวแรงเหลือ
นึกถึงคราวสาวหนุ่มยังคลุมเครือ
ยังคงเหลือในภวังค์ยามนั่งตรอง
สองมือนี้คราวนั้นขยันนัก
เคยสานถักเสื่อตะกร้ามาใส่ของ
ข้าวเหนียวนึ่งกระติ๊บน้อยชะรอยปอง
ตกใส่ท้องอิ่มแท้เหลียวแลงาน
มาบัดนี้มือน้อยพลอยเหี่ยวแห้ง
เคยแข็งแรงคราจับทั้งหยาบกร้าน
ที่เบาหวิวหิ้วยกวิตกนาน
แสนสะท้านหนักแท้แม้ชายตา
สองขาซูบเดินเซเถลไถล
ก่อนทางไกลลำบากหากมิว่า
เดินตัดทุ่งมุ่งเถียงเลาะเลี่ยงนา
กลับอ่อนล้าโรยแรงดุจแกล้งกัน
ต้องพลัดบ้านผ่านเมืองดุจเรื่องเล่า
ปล่อยผมเผ้ารุงรังดังผวนผัน
ไร้จุดหมายญาติมิตรสนิทกัน
สู่เมืองฝันรุ่งฟ้าสุดกล้าเกิน
ยังหิวโซโอ้ว่า...สวรรค์สาป
ดุจตราบาปคุมขังครั้งห่างเหิน
สองขาเร่งขยับย่างทางดำเนิน
มิเพลิดเพลินเมืองกรุงเพียงมุ่งไป
แสวงหาขุมทรัพย์อันลับยิ่ง
ของใครทิ้งข้างทางยังฝันใฝ่
กล่องกระดาษกลาดเกลื่อนยังเตือนใจ
แลกเปลี่ยนไปเป็นเงินมากเกินพอ
ขนมหนึ่งตกอยู่ดูไร้ค่า
หากมวลหมามาเห็นน้ำลายสอ
คว้าขบเคี้ยวสักคราวครั้นเข้าคอ
ก็เพียงพอต่อแรงสำแดงมี
อีกมากมายชายตาแสนล้านัก
ลูกหลานจักเล็งเห็นเข้าไหมนี่
อย่าดูแคลนแม้นพบประสบที
เพราะแม่นี้ทำเพื่อเจือตัวเอง
ไม่อยากให้เจ้านั้นพลันลำบาก
แม้นแม่จากบ้านมาใช่ว่าเก่ง
ไม่อยากเป็นภาระอีกว่าเกรง-
เจ้าข่มเหงด้วยคำอันย่ำยี
แก่ชราใช่ว่าจะดีนัก
ยังประจักษ์ในจิตทุกทิศที่
หวังมาตายดาบหน้าขอลาที
ใช่อวดดีอันใดจงใคร่ครวญ
แสงแดดจ้าทรงกลดปรากฏแจ้ง
ดุจเสแสร้งแผดเผาเศร้ากำสรวล
กองขยะน่าแขยงกลิ่นแรงชวน-
ให้ปั่นป่วนคลื่นไส้ไร้กำลัง
หากชีพยั้งอยู่ได้เพราะไขว่คว้า
อีกสองตาจับจ้องของตามถัง
อาจมีเงินมีทองข้าวของบัง
คงจักนั่งยิ้มย่องแสนผ่องใจ
โอ้วันนี้อ่อนล้าแขนขาท้อ
ยังตัดพ้อเพ้อพร่ำคร่ำครวญไข้
ปราศญาติมิตรชิดเชื้อจุนเจือใด
แสนยากไร้แม้นหมาไม่มามอง
เสื้อตัวเก่ามือคว้ามาลูบหน้า
ซับน้ำตาเหงื่อโซมชะโลมหมอง
แม้นเหม็นบ้างยังดีกว่ามีทอง
ผู้คนมองมากมาย..เหตุใดกัน ?
ฤาฉันเป็นเช่นผีหรือนี่หนอ
คงหัวร่อเริงร่าพาขำขัน
นึกดูถูกเหยียดหยามย่ำยีพลัน
เพียงเพราะฉันเฒ่าชรา..ไร้ค่าฤา ?
โอ้ว่าร้อนแสนร้อนสะท้อนอก
ให้วิตกครุ่นหาคว้าของถือ
ของมากมายก่ายกองเต็มสองมือ
เสียงเลื่องลือเอ็ดอึงยังอึ้งฟัง
เอ้ย !!..อีแก่สกปรกคนตกต่ำ
อย่ามาทำจับเจ่าเขาจะนั่ง
จงหลีกไปดีกว่าคนน่าชัง
ขืนเจ้ายังอยู่นี่...เจอดีกัน
โอ้น้ำใจไมตรีเพียงนี้หรือ
หรือสองมือมอมแมมแถมเส่าสั่น
ไปแปะป้ายเสื้อผ้าภูษากัน
จึงเดียดฉันท์ชิงชังยังเศร้าใจ
ค่าของคนอันใครได้กำหนด
ฤๅปรากฏข้อความนิยามไหน
เพราะคนรวยสูงศักดิ์ยศมากใด
จักมีไครตอบถ้อยจักคอยฟัง
ลมกรรโชกอกพรั่นสะท้านว่า
มากเมฆามืดมัวสลัวตั้ง
เสียงฟ้าร้องคำรามย้ำเสียงดัง
ข้าวของยังกองสุมแทบคลุมตัว
กลิ่นไอฝนปนสาบซึ่งจับจิต
ผลุนผลันคิดไขว่คว้ามาคุ้มหัว
ยังยากแท้สุดสะท้านสั่นระรัว
ให้เกรงกลัวลมฝนบนนภา
ก่อนทำนาคราฝนเบื้องบนเอื้อ
สุขใจเหลือเกินร่ายหมายเปรียบว่า
ชโลมเล่นเย็นฉ่ำร้องรำนา
หากฝนฟ้ามาเยือนเปรียบเหมือนพร
โอ้คราวนี้...หนาวเนื้อเหลือจะอด
ร้าวรันทดเหนื่อยล้าแขนขาอ่อน
ฝนกระหน่ำเนิ่นนานใจสั่นคลอน
ขอวิงวอนฝนฟ้าอย่าแกล้งกัน
สายฝนซ้ำซัดสาดมาดข่มเหง
สองขาเร่งอ่อนแรงแย้งใจฉัน
หมายก้าววิ่งเกรงล้มระบมพลัน
แต่ขานั้นกวัดแกว่งแจ้งความจริง
อันสิ่งของมากมายวางไว้ก่อน
จากรุ่มร้อนกลับหนาวราวผีสิง
คว้ากระติ๊บเพียงหนึ่งซึ่งประวิง
ข้าวของทิ้งเกลื่อนทางยังเฝ้ามอง
ตาละห้อยใจเพลียละเหี่ยแล้ว
อันขวดแก้วลังเก่าอีกข้าวของ
สัมภาระเสื้อผ้าคราเปียกนอง
ยังนั่งมองเพียงหมายไปขนมา
หวังแลกเงินค่าข้าวคราวหิวโหย
ไยฝนโปรยกระหน่ำย้ำหนักหนา
คงไร้ซึ่งปราณีมีเมตตา
คำสาปฟ้าสั่งให้คล้ายลงทัณฑ์
คิดแล้วล้าใจท้อหนออกเอ๋ย
เกินเปรียบเปรยรจนาถ้ารังสรรค์
แสนลำบากยากแค้นแม้นตรองกัน
อย่าว่าฉันทุเรศราวเศษคน
ค่าของคนอ้างอิงสิ่งใดหรือ
ใครยึดถือข้อบัญญัติอาจสับสน
คงคุณธรรมล้ำเลิศบังเกิดตน
คนหนอคนเขาวัดที่...ความดีเลว...ฯ