22 กรกฎาคม 2546 01:36 น.
อัลมิตรา
...สักวาหอมหวลมวลดอกไม้
รื่นรมย์ใจคลายทุกข์สุขนักหนา
ดอกขาวล้วนผ่องผุดพุชพิชญา
ช่างงามตาครามองต้องฤทัย
...เอื้อมมือเด็ดเกรงดอกจะชอกช้ำ
ภู่ผึ้งย้ำแอบยลจนหลงใหล
กลีบดอกแยกห้าแฉกแปลกเหลือใจ
พริ้มพิไลหมายปองต้องใจเอย ฯ
21 กรกฎาคม 2546 21:39 น.
อัลมิตรา
(๔๑)
ผู้ต้องหากุมหัวกลัวความผิด
อ้างเพราะฤทธิ์สุราพาสับสน
เกินยั้งจิตตัณหาพาอับจน
จึงจำทนถูกขังใช่ตั้งใจ
(๔๒)
มีไม่น้อยชี้หน้าด่าเพื่อนฝูง
มึงชักจูงกูจังหวังจับไก่
สาวแปลกหน้างามล้ำกูห้ามไป
ไม่มีใครเชื่อฟังแถมยังชวน
(๔๓)
นอกจากนั้นดาหน้าด่ากลับบ้าง
มึงพูดอย่างไม่ได้ทำย้ำผันผวน
ทีเมื่อคืนหลายครั้งยังเห็นควร
ตีสำนวนบิดเบือนเหมือนลิเก
(๔๔)
บ้างกอดเข่าหน้าสลดปรากฏชัด
ทำอึดอัดพูดพล่ามทำหน้าเหย
ผมเป็นแพะถูกขังผิดทั้งเพ
พวกตะเข้ลิ้นแฉกมันแจกซวย
(๔๕)
เจ้าหน้าที่สืบสวนล้วนสารภาพ
ลืมบุญบาปแท้จริงเพราะหญิงสวย
ครั้นเสร็จกิจการกามทำงงงวย
อีกเมาด้วยจึงกระสันตัณหามี
(๔๖)
แล้วเรียงคิวหลายคราวแม่สาวนั้น
ต่างมุ่งมั่นปลุกปล้ำทำบัดสี
อยากเป็นผัวทุกผู้ต่างรู้ดี
จึงไม่มีใครปล่อยให้ลอยนวล
(๔๗)
ดุจดังฟ้าคำรามทำป่วนปั่น
แผ่นดินสั่นภพแตกแยกเป็นส่วน
ต้นไม้โอนแอ่นเอนไม่เป็นขบวน
พายุหวนฝนหอบรอบริมบึง
(๔๘)
ปลาชะโดทั้งฝูงมุ่งเริงร่า
รีบรุดฝ่าหญ้าแฝกแซกซอนฉึ่ง*
ต่างกระโจนน้ำกระจายไขว่เคล้าคลึง
ครั้นเมื่อถึงจุดหมายว่ายไม่เป็น
(๔๙)
ชายฉกรรจ์กลุ่มหลังดั่งบ้าคลั่ง
เกินยับยั้งแรงโหมข่มขู่เข็ญ
ร่วมลงแขกหญิงคร่ำครวญลำเค็ญ
จนคนเห็นนางนิ่งไม่ติงตัว
(๕o)
กระเส่าสั่นขวัญกระเจิงเปิดเปิงนัก
ต่างประจักษ์โทษทัณฑ์อันสุมหัว
ข่มขืนฆ่าคือคดีที่หวาดกลัว
ไม่พ้นตัวคงตายไปตามกัน
20 กรกฎาคม 2546 00:10 น.
อัลมิตรา
(๓๑)
มีชายหนุ่มยืนห่างอย่างพิรุธ
ตำรวจฉุดรีบคว้ามาสอบถาม
ทั้งหลอกล่อเพื่อเค้นให้รู้ความ
เห็นผลีผลามจึ่งเพ่งเล็งจับกุม
(๓๒)
ถ้อยวาจาวกวนสับสนนัก
เสียงอึกอักสั่นแท้และเหงื่อชุ่ม
จึงเข้าข่ายเกี่ยวข้องต้องควบคุม
คนต่างรุมอยากดูรู้เรื่องราว
(๓๓)
เสียงข่มขู่คาดเค้นเป็นหนักหนา
ถามไปมาเพื่อโยงตรงหญิงสาว
ผมไม่เกี่ยวที่เห็นคนเป็นระนาว
ต่างเกรียวกราวเวียนวนจนเฮโล
(๓๔)
เพื่อนมันชวนเชยชมผมไม่ขัด
แต่มันจัดผมไว้ได้ที่โหล่
จนเผลอหลับตื่นมาต้องตาโต
คนหลายโหลล้นหลามยามรุมโทรม
(๓๕)
เสียงหญิงร้องโหยหวนชวนใจเสีย
เพื่อนมันเชียร์กันว่าอย่าหักโหม
ที่เข้าคิวครบครันนั้นเหงื่อโซม
สองมือโน้มเนื้อสาวอย่างเมามัน
(๓๖)
ผมจึงเผลอใจบ้างอย่างจำฝืน
ไม่ได้หื่นอย่างใดแท้ใจหวั่น
พอเสร็จกิจจึงกลับหลับทันควัน
หลังจากนั้นจนใจไม่รู้เลย
(๓๗)
จึ่งได้เค้ารูปคดีมีต้นเหตุ
ที่แฝงเลศอำพรางไม่วางเฉย
เข้าจับกุมนักกามตามมันเปรย
เสียงร้อง เฮ้ย...ปล่อยผมสิที่พูดจริง
(๓๘)
ตำรวจเฉย...ตัวชามันหน้าเสีย
แขนขาเพลียทรุดนั่งอย่างแน่นิ่ง
ซวยซะแล้วต้องทุกข์นอนคุกจริง
เป็นเพราะหญิงและเพื่อน...เหมือนเวรกรรม
(๓๙)
ผู้ต้องหาล่องหนต้องค้นบ้าน
หนีซมซานหลบหน้ากันคละคล่ำ
กลัวความผิดอาชญา คนระยำ
คราวปลุกปล้ำเสพสนุกกลับสุขใจ
(๔o)
คำซัดทอดถึงใครจับให้หมด
เรื่องปรากฏร่ำลือคือเรื่องใหญ่
บ้างไหวทันซมซานกบดานไกล
ที่จับได้ขังคุกทุกผู้คน
18 กรกฎาคม 2546 15:27 น.
อัลมิตรา
(๒๑)
ครั้นรถไฟขบวนล่องต้องแล่นผ่าน
ร่างแหลกลานกราดเกลื่อนเปื้อนวิถี
คนคงไม่สงสัยในคดี
ต่างมุ่งที่อุบัติเหตุสาเหตุตาย
(๒๒)
จะหาใครเป็นพยานครั้นสืบเหตุ
เกินสังเกตหลักฐานอันมุ่งหมาย
เนื่องเพราะศพแหลกเละเทะมากมาย
ฆาตกรหายล่องหนพ้นอาญา...
(๒๓)
ใครหนอช่างเลวทรามอำมหิต
คงเป็นปริศนายังให้กังขา
จากแดนร้างทางไร้คนไปมา
กลับมากหน้าผู้คนจนวุ่นวาย
(๒๔)
ทั้งไทยจีนแขกลาวชาวบ้านทุ่ง
ล้วนมามุงมากหน้าเพลาสาย
ทั้งวิพากย์ถกวิจารณ์กันวุ่นวาย
เพียงเพื่อคลายความฉงนจนมากความ
(๒๕)
ที่ยืนบังถูกเบียดกะเสียดกระสน
จอแจจนอลหม่านกันล้นหลาม
ปีนต้นไม้ป่ายต้นหมากอยากติดตาม
เสียงร้องห้ามแหบแห้งแข่งเสียงคน
(๒๖)
ทั้งคนแก่แม่เฒ่าคราวย่าปู่
ชะโงกดูชะเง้อหน้าแถมด่าบ่น
หลบไปหน่อยถอยขยับพวกสัปดน
เห็นใจคนหัวหงอกดอกเป็นไร
(๒๗)
ปากก็ด่าสายตาก็ขยิบ
พลางกระซิบสับสนคนบ้านไหน
บ้างเป็นลมล้มคว่ำคะมำไป
ต้องนอนให้ยาหอมฟันปลอมคลอน
(๒๘)
ที่ยังเด็กดอดมองตามช่องขา
เล็ดลอดหาคลานคืบกระดืบสลอน
ครั้นเห็นศพเสียงหลงล้มลงนอน
ภาพตามหลอนหลอกให้ใจระรัว
(๒๙)
เจ้าหน้าที่ไถ่ถามตามชาวบ้าน
เป็นลูกหลานเมียใครซักไปทั่ว
คนรู้จักมักจี่ที่หายตัว
ตอบกันมั่วไม่ได้ศัพท์กับประเด็น
(๓o)
ต้องสืบหาต้นสายและปลายเหตุ
ต่างสังเกตหลักฐานอันมองเห็น
คนยืนมุงมองมาทำหน้าเป็น
จึงยากเย็นสืบเสาะพิเคราะห์ความ
17 กรกฎาคม 2546 17:26 น.
อัลมิตรา
.....ขลุ่ยร่ำยามดอกท้อ................กลีบเผย
ขับกล่อมลำนำเปรย....................เพรียกฟ้า
แสงจันทร์แจ่มดุจเฉลย...............โศลกทัก- ทายแฮ
ลมลู่แมกไม้ท้า...........................แซกซ้อนเสียงผสาน ฯ
.....สุขโศกโลกมากล้น.................ชิงชัง
ยศศักดิ์ยุทธจักรยัง....................ยุ่งด้วย
วางดาบขับขลุ่ยขลัง....................เสนาะโสต
เคียงแม่นางตราบม้วย................สุขล้นพันทวี ฯ
.....เป็นมารคนครั่นคร้าม............บูรพา นามแฮ
โอ้..!! ช่างตั้งสมญา....................ดั่งแกล้ง
ชมจันทร์ร่ำสุรา.........................เริงสุข จริงเวย
มิคิดสู่โลกแล้ง...........................หลบลี้ชนผอง ฯ