14 ตุลาคม 2546 21:24 น.

.เดิมพันรัก.

อัลมิตรา

๑.
 
โอ้เจ้าช่างสิ้นหวังดั่งพ่ายแพ้	     
ความอ่อนแอครอบคลุมสุมใจหรือ
ไร้วิเคราะห์ใคร่ครวญด่วนวางมือ	     
ไม่ยึดถือความจริงสิ่งใดเลย

๒.

ไยไม่ฟื้นตื่นตัวหรือกลัวเล่า ?               
หรือโศกเศร้าเข้าสิงจึงนิ่งเฉย  ?
ล่วงคืนวันนานเนิ่นจนเกินเลย	     
ดุจคุ้นเคยคร่ำครวญรัญจวนใจ 

๓.

โอ้เจ้าช่างเด็ดเดี่ยวเชียวหนอเจ้า	    
จึงมัวเฝ้าฝืนช้ำอีกร่ำไห้
คงจะมีเหตุผลอันดลใจ	                    
ประการใดจึงดื้อดั่งถือดี

๔.

ความพอใจเช่นนี้ไม่ดีแน่	                    
อาจพ่ายแพ้ร่ำไรคล้ายไฟจี้
เหมือนเล่นไพ่หมายคว้าราชินี-	    
ผู้ที่มีเพชรพลอยคอยเพ่งความ 

๕.
 
อย่ามัวมุ่งหมายมั่นไพ่นั้นนัก	    
เกรงเจ้าจักหมดตัวจึงมัวห้าม
เจ้าหนูเอ๋ยจะเฉลยให้รู้ความ	   
ที่ห้ามปรามเปรียบดั่งผู้หวังดี

๖.

ราชินีแห่งเพชรฤทธิ์เดชมาก	    
จักฉุดลากลงทัณฑ์พลันป่นปี้
ทั้งแส้หวายหางกระเบนเห็นมากมี	   
โอกาสดีนางจักเฆี่ยนให้เจียนตาย   

๗.

เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจมิใช่หรือ	    
สิ่งยึดถือไขว่คว้าก่อนจะสาย
ราชินีแห่งรักจักคลี่คลาย-	    
ความแพ้พ่ายเดิมพันเป็นมั่นคง

๘.

ณ  บัดนี้ข้าคิดไม่ผิดนัก	                    
แจ้งประจักษ์ความจริงสิ่งประสงค์-
อันประณีตยิ่งนักหากจำนง	    
วางอยู่ตรงโต๊ะข้าวของเจ้าเอง 

๙.

คำเปรียบเปรยเช่นนี้พินิจเถิด	    
จักบังเกิดสุขสมใช่ข่มเหง
อันสิ่งดีไขว่คว้าอย่ากลัวเกรง	    
จงรีบเร่งขวนขวายได้ครอบครอง

๑๐.

แต่เจ้ายังกังวนสับสนอยู่	    
ช่างอดสูสิ้นหวังดั่งหม่นหมอง
ยังเพ้อฝันใจฝืนยืนเมียงมอง	    
สิ่งลอยล่องเกินใฝ่วิสัยตน 

๑๑.

โอ้เจ้าช่างเด็ดเดี่ยวเชียวหนอเจ้า	    
อันวัยเยาว์ที่หวังดั่งไร้ผล
ไม่อาจย้อนเวลามาให้ยล	                    
คืนวันพ้นเกินพร่ำนำกลับมา

๑๒.

ความเจ็บปวดรวดร้าวที่เร้ารัด	    
ความอึดอัดหิวโหยโดยหนักหนา
ควรยอมรับสภาพนั้นด้วยปัญญา	    
เร่งค้นหาความจริงอย่าชิงชัง 

๑๓.

 เสรีภาพ .. โอ้นี่   เสรีภาพ..	    
คงเป็นภาพน้ำคำที่พร่ำหวัง
เครื่องผูกมัดรัดรึงประหนึ่งยัง-	    
เฝ้าคุมขังตัวเจ้าให้เศร้าใจ

๑๔.

มันกำลังเดินผ่านกาลแปรเปลี่ยน	    
โลกหมุนเวียนเปลี่ยนสีที่สดใส
เป็นเทาทึบท่วมทันจนล้นใจ	    
ผ่านโลกไปลำพังอย่างวางมือ   

๑๕.

สองฝ่าเท้าของเจ้าคราวเหยียบย่ำ    
ไม่ชอกช้ำเหน็บหนาวรวดร้าวหรือ ?
ยามเหมันต์พลันเดินเพลินชำงือ*	    
ยังขืนดื้อเยื้องย่างอย่างเดียวดาย

๑๖.

อีกท้องฟ้าไม่โปรยโรยหิมะ 	    
สุริยะปราศแสงแดงเฉิดฉาย
เกินวิเคราะห์สภาวะอธิบาย	    
เกินคาดหมายราตรีหรือทิวา

๑๗.

เจ้ากำลังสูญสิ้นจินตภาพ	    
ไม่รับทราบเรื่องราวที่เฝ้าหา
อันดีชั่วปานใดไม่พิจารณา	    
กลับไร้ค่าเพียงความชอกช้ำทรวง

๑๘.

ปล่อยคืนวันกาลพ้นจนลับหาย	    
ยังฟูมฟายโศกเศร้าราวใหญ่หลวง
หมดสิ้นแล้วสรรพสิ่งจริงหรือลวง	   
เกินตามทวงให้คืนยืนชำงือ*  

๑๙.

โอ้เจ้าช่างสิ้นหวังดั่งพ่ายแพ้	    
ความอ่อนแอครอบคลุมสุมใจหรือ
ไร้วิเคราะห์ใคร่ครวญด่วนวางมือ	    
ไม่ยึดถือความจริงสิ่งใดเลย

๒๐.

ไยไม่ฟื้นตื่นตัวหรือกลัวเล่า ?	    
หรือโศกเศร้าเข้าสิงจึงนิ่งเฉย  ?
ล่วงคืนวันนานเนิ่นจนเกินเลย	    
ดุจคนเคยคร่ำครวญรัญจวนใจ 

๒๑.

จงลงมาจากรั้วนั่นเสียเถิด	    
อย่าเตลิดลุ่มหลงตรงสิ่งไหน
เร่งทำตามสมจินต์ตัดสินใจ	    
มุ่งก้าวไปเปิดประตูสู่ความจริง

๒๒.

แม้นฝนตกฟ้าร้องคะนองอยู่               
อยากให้ดูความงามตามแอบสิง
คือสายรุ้งพุ่งฟ้าสง่าอิง-	                    
ช่างเพริศพริ้งแพรวพรายให้ชื่นบาน  

๒๓.

เจ้าควรหาผู้หนึ่งซึ่งหวังดี             
มีไมตรีเปี่ยมภักดิ์สมัครสมาน
แม้นผู้ใดหมายรักประจักษ์นาน            
จงรับการหวังดีที่มีมา

๒๔.

อย่านิ่งเฉยเฉื่อยชาและล้านัก               
อันความรักงดงามล้ำหนักหนา
ครั้นวันคืนล่วงลับดับชีวา	   
รีบค้นหาหัวใจก่อนสายเกิน  ฯ


 				
12 ตุลาคม 2546 21:31 น.

ชวนต่อกลอน*..ปณิธาน ..*

อัลมิตรา


 
จากไม้ขีดก้านหนึ่งซึ่งถูกจุด
ผลสิ้นสุดแค่คืบหรือสืบสาน
อาศัยเพียงสภาวะปณิธาน
บวกกับการสร้างเสริมเติมปัจจัย

(จากไม้ขีดหนึ่งก้านครั้นถูกจุด
คงไม่สุดที่แสงแดงน้อยใหญ่
ดุจดังจิตมุ่งการณ์งานอันใด
ครั้นใส่ใจจะเสร็จสำเร็จพลัน ฯ)

				
12 ตุลาคม 2546 21:20 น.

รำลึกกับลมหนาว

อัลมิตรา


หมอกทอริ้วลอยเรี่ยเคลียน้ำค้าง
เมื่อแสงสางสาดไล้โลมใบหญ้า
พุดตานคลี่กลีบขาวดูพราวตา
ก่อนเดียงสาจะเติมสีทีละนิด

คือโลกส่งสัญญาณการเริ่มต้น
ในวังวนแห่งนิยามความถูกผิด
เป็นเรื่องราวครรลองของชีวิต
ให้ฉุกคิดทุกคราวลมหนาวเยือน
 
กับเวิ้งฟ้าสีฟ้าน่าวาดฝัน
มีเหมันต์เยียบเย็นคอยเป็นเพื่อน
ภาพแห่งความสุขสงบยากลบเลือน
เปรียบเสมือนเวทมนต์ดลจิตใจ

ความรุ่มร้อนผ่อนคลายระบายโศก
ห่างจากโลกเร่งรีบชีพหวั่นไหว
อ้อมกอดของขุนเขาลำเนาไพร
ปลอบเราให้หายท้อพอสมควร

จนเรี่ยวแรงเริ่มฟื้นคืนความกล้า
ลืมอ่อนล้าระหว่างวันอันผันผวน
เอาบทเรียนความหลังนั่งทบทวน
ถอดโซ่ตรวนที่มันพันธนา

ดอกพุดตานบานลออล้อลมหนาว
กลีบสีขาวหมาดน้ำค้างกลางแดดจ้า
เปลี่ยนเป็นสีชมพูดูยวนตา
โดยเดียงสาซึ่งเติมเพิ่มตามกาล				
10 ตุลาคม 2546 13:40 น.

๏๏๏ บทรำพึง ๒. ๏๏๏

อัลมิตรา

 ๑. 

นกเถื่อนแห่งฤดูร้อน 
พากันมาเกาะตรงขอบหน้าต่าง 
ส่งเสียงจู๋จี๋ .... จู๋จี๋
แล้วก็บินต่อไป 

ส่วนใบไม้สีเหลืองแห่งฤดูใบไม้ร่วง 
ซึ่งเงียบงันโดยวิสัย 
ปลิวว่อนแล้วหล่นลงตรงนั้น 
พร้อมด้วยการทอดถอนใจ 

  ๏ คิมหันต์มีนกน้อย-...........ไพรพงษ์ 
บินร่อนดูอาจอง....................ยิ่งแล้ว 
เกาะหน้าต่างเสียงหลง............เพรียกเสนาะ-  ยิ่งเฮย 
หายเหนื่อยจึงบินแคล้ว-..........เร่ร้างแรมไกล ๚ 

๏ ใบไม้แห่งป่าครึ้ม................ยามเห-  มันต์เฮย 
เหลืองเรื่อดูถมเถ...................ใหญ่น้อย 
เงียบงันยิ่งรวนเร...................อัตตภาพ 
ปลิวว่อนต่างเศร้าสร้อย...........เกลื่อนพื้นปฐพี  ๚ะ๛ 


 ๒. 

โอ้, ผู้ท่องไปทั่วโลก 
โปรดประทับรอยเท้า 
ลงบนถ้อยวาทีข้าด้วยเถิด 


  ๏ โอ้หนอ..ท่านผู้เที่ยว...........พเนจร 
ได้โปรดฟังคำวอน..................ใช่บ้า 
ขอจงฝากอนุสรณ์...................รอยบาท-  ท่านนอ 
ประทับ ณ ตรงพจน์ข้า ฯ.........ต่างหน้าแทนตน ๚ะ๛ 


 ๓. 

น้ำตาธรณี 
ชโลมรอยยิ้มให้แย้มบาน 

  ๏ สายธารแห่งภาคพื้น...........ธรณี 
บ่อเกิดแห่งสุนทรีย์..................มากพ้น
รวมเป็นหนึ่งแห่งนที...............มหาสมุทร 
สรรพสัตว์ชมื่นล้น..................หล่อเลี้ยงสุขเสมอ ๚ะ๛ 

 
 ๔. 

ทะเลทรายมหาศาล 
ปรารถนาความรักจากใบหญ้า 
ผู้ไกวยอด เริงสำรวล แล้วก็ด่วนจากไป 

  ๏ ทะเลทรายตั้งมั่น...............ปรารถนา
คงมั่นสิเนหา.........................ห่อนร้าง
ยลหญ้าเพริศโสภา..................ส่ายสะบัด
ไกวยอดก่อนคลาดคว้าง..........ห่างให้กำสรวล  ๚ะ๛ 				
9 ตุลาคม 2546 17:18 น.

๏๏๏ บทรำพึง ๑. ๏๏๏

อัลมิตรา


  THE stars are not afraid to appear like fireflies.
 (ดวงดาวไม่วิตก ว่าจะถูกแลเห็นคล้ายฝูงหิ่งห้อย)

 ๏ ดาวเดือนริบหรี่ไร้-................เรืองแสง
ยามกลุ่มเมฆสำแดง-................เดชล้อม
ทิ้งถ่วง*ต่างกำแหง...................เห่อศักดิ์
หาหวั่นวิตกพร้อม-...................พร่างฟ้าราตรี ๚ะ๛
 

  SMOKE boasts to the sky, 
and Ashes to the earth, 
that they are brothers to the fire.
 (ควันโอ้อวดกับท้องฟ้า
และขี้เถ้าคุยเขื่องกับผืนแผ่นดิน
ว่ามันทั้งสองเป็นน้องชายของอัคคี)

 ๏ ควันขรมอวดข่มฟ้า...............คุยโขมง
ขุยถ่านขี้เถ้าโยง-......................ผูกถ้อย
 เราเกิดแต่ไฟโพลง.................สุกสว่าง
หาใช่ผู้ต่ำต้อย-........................เศษเชื้ออัคคี ๚ะ๛
 

  ROCKETS, 
your insult to the stars 
follows yourself back to the earth.
 (พลุเอ๋ย,
คำสบประมาทของเจ้าต่อดวงดาว
กำลังไล่หลังเจ้าลงสู่พื้นดินแล้ว)

 ๏ พลุแสงแดงอวดจ้า..............เพ็ญแข
ดูหมิ่นดาวเรืองแล.................ใหญ่น้อย
ยามพวยพุ่งจวนแจ.................แสงดับ
คงร่วงหล่นเคลื่อนคล้อย-.........ฟากฟ้าอวสาน ๚ะ๛

 
  LET not the sword-blade 
mock its handle for being blunt.
 (ใบมีดไม่ควรที่จะโอหังต่อด้าม
ว่าไม่คมเหมือนตัวของมัน)

 ๏ ใบมีดปรามาสแม้น.............ด้ามตน
ยามถือจับกลมมน.................มั่นแท้
ช่างดูแปลกพิกล....................เกินเปรียบ
ปราศจากคมหนึ่งแม้..............เช่นนี้ควรไฉน ๚ะ๛
 

  THE scabbard is content to be dull 
when it protects the keenness of the sword.
( ฝักดาบพอใจที่จะทื่อ
ในขณะมันทำหน้าที่พิทักษ์ความคมของดาบ)

  ๏ ฝักดาบยอมห่อหุ้ม............ดาบคม
สันโดษยังสุขสม..................เช่นนั้น
ฝักดาบทื่อยังทนม*.............เจียมจิต-  ตนแฮ
ปกปักรักษากั้น...................บ่ให้คมหาย ๚ะ๛				
Calendar
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัลมิตรา
Lovings  อัลมิตรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอัลมิตรา