29 ตุลาคม 2546 11:55 น.
อัลมิตรา
มิตติ้งที่ไร้ความหมาย..
******************
เพียงนามแฝงแสดงสื่อคืออักษร
เขียนกานท์กลอนกาพย์โคลงโยงบทฉันท์
จากหัวใจผ่านไปแต่ละวัน
เป็นร้อยพันเกินนับจับมาเรียง
ฝากแต่ความในกระทู้ก็ยังเห็น
สื่อก็เป็นไม้ท่อนที่กร่อนเสียง
ด้วยวาดภาพคราใดก็ได้เพียง
หมอกมัว,เมียงมองดูมิรู้ตน
ไม่อยากให้ใครเห็นเช่นเนื้อแท้
มาตีแผ่ด้วยจิตคิดฉ้อฉล
ด้วยโลกจริงอิงตามความวกวน
อยากหลุดพ้นจึงหลบ..มิพบใคร
อยากจะถามใครหนอใคร่ขอรู้
มิตติ้งดูมีสุขหรือทุกข์ไฉน
อันงานเลี้ยงครั้นจบลบเลือนไป
เหลือสิ่งใดที่ควรชวนจดจำ
28 ตุลาคม 2546 21:54 น.
อัลมิตรา
พุทธศาสน์สอนอะไรให้ชีวิต
ถ้าไม่คิดให้ซึ้งบึ้งสัจจะ
กี่ชาวพุทธน้อมนำในธรรมะ
เลิกวอนพระศักดิ์สิทธิ์เสริมอิทธิ
เหลือกี่สงฆ์เสมือนพระผู้ประเสริฐ
แทนเตลิดอวดมนุษย์อุตริ
เดียรัจฉานวิชชาอุตส่าห์ริ
เพียงหวังผลิศรัทธาเรียกสาธุ
สงสารวัดลืมปลงสงสารวัฏ
กลับละเลยศีลสัตย์เน้นวัตถุ
วัดขาดวัตรฤๅนิพพานท่านบรรลุ
ตราบบาปคุคลุมครอบกรอบความคิด
กี่คนมั่นอริยมรรคหลักครองชีพ
ชูประทีปแห่งธรรมนำดวงจิต
กี่บุญทานทำไปในชีวิต
แค่แลกสิทธิ์ขึ้นสวรรค์วันล่วงลับ
เมื่อแหล่งเที่ยวแหล่งธรรมนำมาคละ
แล้วธรรมะหวังให้ใครสดับ
กี่งานวัดที่ถวิลเพียงสินทรัพย์
ระเริงกับมหรสพลบเลือนพุทธ
ระหว่างกฎแห่งกรรมรอคำตอบ
คนชื่นชอบโลกีย์ไม่มีหยุด
ปัญหาหนักหมักหมมสังคมทรุด
โลกถึงจุดสับสนท่วมท้นทุกข์
20 ตุลาคม 2546 23:59 น.
อัลมิตรา
๏ นารายณ์จำหลักล้ำ...........เลออง- อาจเฮย
ครุฑยุดนาคทรวดทรง..........สง่าแท้
ลายทองล่องชาดผจง............กระจกแต่ง
ฉัตรพู่ดูเลื่อมแล้..................เลิศริ้วปลิวงาม ๚
๏ นารายณ์หมายเทียบไท้-....สยามินทร์
ทรงครุฑดุจเสด็จดิน-............ถิ่นแคว้น
พระเกียรติแห่งพระจักริน.......ขจัดทุกข์- เข็ญนา
ทวยราษฎร์ปราศยากแค้น......เนื่องด้วยพระบา- รมีเอย ๚ะ๛
๏ เรือเอยเรืองามแท้ .............. ล้วนเลื่อมแล้ทิวแถวงาม
ลอยเด่นกลางชลตาม ............. หลากลักษณ์ล้ำแลเริงใจ
๏ ลอยลิ่วเป็นทิวแถว .............. เหลื่อมล้ำแนวเหลืองอุไร
สีทองผ่องอำไพ .................... แลทางใดล้วนงามสม
๏ พู่ย้อยห้อยระย้า ................. ลวดลายผ้าน่าชื่นชม
ธงฉัตรพัดตามลม .................. เลื่อมวิจิตรโศภิษฐ์แพรว
๏ เรือทองขวานฟ้าคล้อย ..... บรรเจิดลอยนำหน้าแนว
เรือทองบ้าบิ่น แน่ว ............. แสนปราดเปรียวสุดโสภี
๏ เรือเสือทะยานชล ............ เสือคำรนสินธุ์นาวี
เคียงข้างดั่งเสนี .................... เรือดั้งปรี่มีสองลำ
๏ ตรงกลางเรืออีเหลือง ....... ดูปราดเปรื่องสมน้ำคำ
ฝีพายชายกำยำ .................... ยกแขนจ้วงท่วงช่ำชอง
๏ เรือดั้งสามและสี่ .............. แล่นเร็วรี่มีครรลอง
น้ำเชี่ยวต่างเหลียวจ้อง ............ แหวกธารล่องแคล่วคล่องเกิน
๏ เรือดั้งห้าและหก .............. หากสาธกล้ำจำเริญ
สายน้ำยามยลเพลิน ............... พุ่งดำเนินอย่างยรรยง
๏ เรือตำรวจนอกลิ่ว ............. หลากแพรพริ้วอีกทิวธง
เรือดั้งเจ็ดแปดคง ............... ลอยเคียงคู่อยู่ครบครัน
๏ เรือดั้งเก้าอยู่ซ้าย ............ ลำเลื่อมลายวิไลวรรณ
เรืออสุรปักษีสัณ- ............... ฐานเฉิดฉันนั้นตรึงตา
๏ เรือตำรวจในเคียง ............ ดุจลำเลียงนายกองมา
อีกลำงามโสภา ..................... เกียรติก้องหล้ามานมนาน
๏ อสุรวายุภักษ์ .................. แจ้งประจักษ์เลื่องชลยาน
เรือดั้งสิบแหวกธาร .............. แสนวิกรานต์ห้าวหาญเชียว
๏ เรือดั้งสิบเอ็ดตาม ............ ยังคงความเปรื่องปราดเปรียว
เรือดั้งสิบสองเพรียว ............ แหวกน้ำเชี่ยวช่างว่องไว
๏ กระบี่ราญรอนราพณ์ ........ กระบี่ปราบเมืองมารใด-
คำชมดูสมให้ ........................ ยกคำเปรียบเทียบความงาม
๏ เรื่อยเรื่อยมาเลียบเคียง.......อย่างพร้อมเพรียงมาติดตาม
คือ เรือดั้งสิบสาม "............... น่าครั่นคร้ามทั้งยำเกรง
เรือดั้งสิบสี่ นั้น......................ขุนพลนั้นช่างกล้าเก่ง
จ้วงพายอย่างครัดเคร่ง..............ทั้งครื้นเครงทั้งเร่งมือ
๏ เรือดั้งสิบห้าล่อง...................ความแคล่วคล่องต้องเชื่อถือ
สุครีพครองเมืองคือ................นามระบือชื่อมงคล
๏ พาลีรั้งทวีป .........................ดั่งคืนชีพผลาญมารผจญ
โดดเด่นเห็นงามล้น..................อุกฤษฎ์จนดั่งเวชยันต์
๏ เรือหนึ่งซึ่งงามนัก .............. ด้วยรูปลักษณ์จักเสกสรรค์
เรือพระที่นั่งอัน ..................... แสนวิจิตรตระการตา
๏ อนันตนาคราช ................ ล้ำพิลาศคราทัศนา
ลือเลื่องเฟื่องโลกา ................ สุดโสภาคราชื่นชม
๏ เรือดั้งสิบหกคล้อย ........... พลเรือคอยจ้วงพายจม
งัดน้ำยามต้องลม ................... เป็นฟองแตกแปลกตาไป
๏ เห็นเรือดั้งสิบเจ็ด ............. เรือครุฑเตร็ดไตรจักรไกร
เกริกกล้าเรืองวิไล ................. ลอยลำใกล้เรือแตงโม
๏ เรือครุฑเหิรเห็จห้าว .......... เรือดั้งกร้าวสิบแปดโบ-
ราณท่านใช้ฝ่าโต้ ................... ทัพข้าศึกทั้งฝึกปรือ
๏ เรือดั้งสิบเก้าแกร่ง ........... มากเรี่ยวแรงไม่รามือ
พายงัดองอาจคือ .................. คงเกียรติกล้าทหารไทย
๏ เรือดั้งยี่สิบนั้น ................. พลมุ่งมั่นกันเหลือใจ
สำเนียงเสียงขรมไป .............. ล้วนพร้อมใจไม่อ่อนแรง
๏ เรือดั้งยี่สิบเอ็ด ................ พลใจเด็ดท่าพลิกแพลง
จังหวะคราสำแดง .................. จ้วงน้ำใสพรายกระเซ็น
๏ เรือดั้งยี่สิบสอง ................ แหวกธารท่องล่องลอยเห็น
พลหมู่เสนาเป็น ..................... เช่นเริงร่าเคลื่อนนาวี
๏ เรือหนึ่งซึ่งเกินย้ำ ............... เรียงถ้อยคำบรรยายมี
รูปทรงบ่งโศภี ....................... ลวดลายที่ผ้าแพรพรรณ
๏ จำหลักล้วนวิไล ................. เรือเอกชัยหลาวทองอัน
วิจิตรเกินรำพัน ...................... ดั่งมุ่งมั่นผลาญไพรี
๏ อีกหนึ่งซึ่งคงเกียรติ์ ............. ดั่งคำเธียรเปรียบเปรยมี
สวยสง่าไร้ราคี ...................... แสนเปรมปรีดิ์เกินบรรยาย
๏ เอกชัยเหิรหาวห้าว ............ ผุดผ่องพราวเปี่ยมประกาย-
แห่งทองอันแพรวพราย ........... กระหนก*ลายให้ตื่นตา
๏ โอ้เรือพระที่นั่ง ................... ทองสุกปลั่งดั่งจันทรา
สมเกียรติ์แห่งราชา ................ ธ ผ่านฟ้าจอมราชัน
๏ พระผู้ทรงพรั่งพร้อม ............ ทวยราษฎร์น้อมมอบชีวัน
จงรักภักดีมั่น ........................ ตราบอาสัญยังมั่นคง
๏ นารายณ์ทรงสุบรรณ ฯ ...... เกินเสกสรรค์คำดำรง
ลายลักษณ์จำหลักลง ............. ความงามคงบ่งฤทธี
๏ นารายณ์สี่กรนั้น ................. เปรียบ ธ มั่นมากบารมี
เมตตาทั้งปราณี ..................... ต่อไพร่ฟ้าประชากร
๏ ศึกใหญ่คือภัยแล้ง .............. น้ำเหือดแห้งแหล่งดินดอน
ธ โปรดอำนวยพร .................. เปลี่ยนทุกข์ร้อนเป็นร่มเย็น
๏ เสกฝนและเสกน้ำ ............... ต่างชุ่มฉ่ำไร้ลำเค็ญ
ชี้ทางห่างทุกข์เข็ญ ................ เช่นคงชีพอย่างพอเพียง
๏ นารายณ์ทรงสุบรรณฯ ....... ดั่ง ธ นั้นเฝ้ามองเมียง
เสด็จไปทั่วไทยเพี้ยง- ............ องค์นารายณ์ไล่อาธรรม์
๏ ยอดเขาสุดเขตแดน ............ ถิ่นยากแค้นแดนใดกัน
ทรงย่างพระบาทพลัน ............. หมายเปลื้องทุกข์มอบสุขใจ
๏ ทวยราษฎร์ต่างแซ่ซ้อง ......... ดังกึกก้องทั้งแดนไตร
ขอองค์ พ่อหลวงไทย .......... ทรงสำราญนิรันดร
๏ เรือพระที่นั่งทรง ................. ประหนึ่งองค์ธราธร
เสกสร้างสถาพร .................... ประสิทธิ์ไว้ในโลกา
๏ เนรมิตวิจิตรนัก .................. แจ้งประจักษ์ให้ตรึงตรา
รื่นรมย์สมอุรา ....................... ดุจหงส์ฟ้าสิวาลัย
๏ คือ เรือสุพรรณหงส์ ......... อันสูงส่งคงคู่ไทย
ล้ำหล้าเกริกเกรียงไกร ............ ยากร่ายเทียบหมายเปรียบความ
๏ หงส์ทองล่องสายชล ........... น้ำใสจนเห็นแวววาม
ต้องแสงสำแดงภาม ............. ชดช้อยตามคำกล่าวชม
๏ ธงฉัตรพู่ระย้า .................... ยิ่งโสภาคราต้องลม
เพริศพลิ้วปลิวสวยสม ............. แสนรื่นรมย์ชื่นชมพลัน
๏ เหล่าหมู่ฝีพายมาก .............. แต่งกายหลากหากวาววรรณ
พายงัดยกครบครัน ................ ดูแข็งขันพร้อมเพรียงจริง
๏ จังหวะกาพย์เห่ก้อง ............. ท่วงทำนองพ้องอ้างอิง
ถ้อยเสนาะยังเพราะพริ้ง .......... รับกรับฉิ่งยิ่งกังวาน
๏ เอื้อนอ้างดั่งเวทย์มนต์ ......... ศักดิ์สิทธิ์ดลให้เบิกบาน
เพราะแท้แต่โบราณ ............... เช่นกลอนกานท์ฉันท์กาพย์โคลง
๏ ลอยเด่นเห็นงามสง่า ............ ทองเลื่อมตาผ้าแพรโพลง
จำหลักลวดลายโยง- .............. คล้ายคงชีพรีบเริงชล
๏ คือเรือพระที่นั่ง .................. งามสะพรั่งนภมณฑล
เอนกชาติภุชงค์ ดล ............. งดงามล้นพ้นรำพัน
๏ ฉัตรตั้งตระหง่านงาม ............ ภูษาวามวิลาวัลย์
แต่งเรือดูครบครัน .................. ฝีพายมั่นนั้นพร้อมเพรียง
๏ สวมหมวกกลีบจำปา ............ ช่างแปลกตาคราระเรียง
จ้วงพายคล้ายสำเนียง ............. ร่ายคำเจรียงเยี่ยงปรีดา
๏ เรือแซง เจ็ดลำล่อง .......... ฝีพายคล่องยามยาตรา
นายท้ายหมู่เสนา ................... นุ่งผ้าใหม่ใส่ไหมงาม
๏ แต่งกายลวดลายหลาก ........ พลหมู่มากหากมองตาม
เลื่องลือระบือนาม .................. พรักพร้อมยามจ้วงจ้ำพาย
๏ บรรพชนคนกร้าวแกร่ง ......... มุ่งสำแดงเกียรติกำจาย
ไล่ล่าไพรีพ่าย ...................... สมชาติชายนายทหารเรือ
๏ เรือตำรวจกรมวัง .............. คุมพลหลังดังจุนเจือ
ตรวจตรามาช่วยเหลือ ............. หวังเพียงเพื่อความปลอดภัย
๏ นับได้ห้าสิบสอง ................. เรือลอยล่องชลาลัย
โอ้แสนอวดศักดิ์ไทย .............. อันยิ่งใหญ่ในคงคา
๏ เลิศศิลป์ล้ำศาสตร์สร้าง ........ เด่นสล้างอวดศักดา
ยังสุขทุกครั้งครา ................... ตรึงตราภาพมิลืมเลือน
๏ บุญแท้เกิดเป็นไทย ............. แสนสุขใจหาใดเหมือน
มากสุขทุกครัวเรือน ............... ใต้ร่มหล้าพระบารมี
๏ ขอเทิดทูนบูชา- .................. พ่อหลวงฟ้าจอมจักรี
จงรักและภักดี ....................... ตราบสิ้นฟ้ากว่าสิ้นลม ๚ะ๛
20 ตุลาคม 2546 15:57 น.
อัลมิตรา
หากเธอคิดเสาะหารักอีกหน
มุ่งหมายค้นหญิงงามตามที่ฝัน
เพื่อเติมเต็มแต่งแต้มแซมใจพลัน
สร้างรักนั้นล้ำค่ากว่าคราใด
หากประสงค์สิ่งหวังดั่งจินต์แจ้ง
โปรดแสดงความจริงสิ่งขานไข
รักนั้นเกิดจากผลเล่ห์กลใด
เผื่อจะได้แสร้งทำตามคำเชิญ
ควรเอียงอายยามชายมามองเมียง
หรือหลบเลี่ยงยิ้มสรวลกระบวนเขิน
หรือปั้นปึงตึงตังอย่างหมางเมิน
หรือเพลิดเพลินต่อค่ำย้ำพาที
ที่ถามไถ่เพราะใจหมายใคร่รู้
ว่าจะกู่ขานรับหรือขยับหนี
ขอเหตุผลสักหนึ่งซึ่งยินดี
รักฉันที่ ..ตรงไหนให้สื่อความ
15 ตุลาคม 2546 14:21 น.
อัลมิตรา
...พระจันทร์งามยามที่ฤดีเหงา
ทอดแสงเงาเฉิดฉายคล้ายเป็นเพื่อน
พอเมฆาบดบังเหมือนร้างเลือน
เคยแจ่มเดือนเหมือนแสร้งแอบแฝงพลัน
...จะเหลียวมองหาใครก็ไม่เห็น
ลมหนาวเย็นเหน็บหนาวจากเขาขัณฑ์
ช่างโดดเดียวเหลียวมองต้องจาบัลย์
คงโศกศัลย์หลงพร่ำยามไร้เดือน
...เมื่อคืนวันผันไปไม่เหมือนก่อน
เพียงนึกย้อนความเก่าเศร้าคงเหมือน-
ติดตรึงตราเคยเคียงเยี่ยงย้ำเตือน
มิลบเลือนจิตหมายได้ใกล้เธอ
...แม้จันทร์ลับจากฟ้าคราคืนนี้
หลากดาวมีแสงจ้าอย่าเพลินเผลอ
ฝากความรักไมตรีมีให้เธอ
อย่าให้เพ้อฝันใฝ่ยามไร้จันทร์