27 พฤศจิกายน 2546 23:20 น.
อัลมิตรา
..แม้นอยู่ใกล้แต่คล้ายเมินเหินห่าง
ทำตาขวางเหมือนใครให้ยาขม
คงเสื่อมรักสิ้นใยใจหมองตรม
ประหนึ่งลมผ่านมาแล้วลาไกล
...จำต้องลาไปก่อนยังย้อนนึก
เฝ้าตรองตรึกถึงคราวเราชิดใกล้
อาจจะเป็นเช่นฝันอันรำไร
ยามตื่นให้สร่างพลันอันตรธาน
...เพียงรำพึงรำพันอกหวั่นไหว
ขอร่ำไรร่ำลาอย่างกล้าหาญ
ยังคำนึงคำนั้นในวันวาร
สุดซมซานซมซ่อขอลาที
...แสนท้อแท้ท้อถอยเศร้าสร้อยนัก
เมื่อตระหนักตระหนกอกป่นปี้
เกินเก็บกั้นเก็บกดรันทดมี
คงหลบหนีหลบหน้าแม้นอาวรณ์
26 พฤศจิกายน 2546 18:12 น.
อัลมิตรา
เธอทำไมทำเมินเหมือนเหินห่าง
อยู่ระหว่างระแวงเธอแหนงหน่าย
รักบาดใจบาดเจ็บเก็บกลั้นอาย
วันสุดท้ายสุดท้อขอลาที
..............................................................
..............................................................
..............................................................
..............................................................
18 พฤศจิกายน 2546 23:25 น.
อัลมิตรา
รัตติกาลห่อนไร้ดาวรายล้อม
เพ็ญจันทร์ย่อมแจ่มจ้าเวหาหาว
สวยสล้างเรืองรองผ่องสกาว
ยังเพริศพราวเพียงให้ได้เชยชม
กระพริบพร่างพราวพรายหลากหลายแท้
ชายตาแลยังงามวับวามสม
ประดับห้วงโลกหล้านภาพรหม
ให้รื่นรมย์สมสุขทุกครั้งครา
ผู้ต่ำต้อยอยู่ใต้แสงพรายพร่าง
ฤๅอวดอ้างยึดครองปองใฝ่หา
สูงเกินหมายเอื้อมโอบซบดารา
เพียงไขว่คว้าเพ้อฝันสะท้านทรวง
ต้องเจียมตนทนหนาวรวดร้าวนัก
แจ้งประจักษ์ความจริงสิ่งใหญ่หลวง
ความเหมาะสมสรรพสิ่งจริงหรือลวง
ยากเกินทวงถามไถ่ให้ยืนยง
ครั้นรุ่งแจ้งแสงฉายอุไรแล้ว
คงไร้แววแสงงามตามประสงค์
เดือนดาวเลื่อนหลบเร้นเช่นให้ปลง
อย่าลุ่มหลงฝันใฝ่ให้เกินตน
คงหมดสิ้นแสงสายพิไลล้ำ
เกินพรอดพร่ำปรารถนาพาสับสน
หากดวงจิตคิดยื้อความดื้อปน
ยังร้อนรนรุ่มหลงตรงฟ้าคราม
ให้คงคืนวันไว้ไม่แปลงเปลี่ยน
ยังพากเพียรอ้อนคำย้ำหวงห้าม
อย่าเคลื่อนคล้อยกลับกลายในนิยาม
ให้เป็นตามคำนี้ที่อ้อนวอน
แม้นต่ำต้อยเกินใจจะไขว่คว้า
เพียงปรารถนาเชยชมภิรมย์ก่อน
เสี้ยวแห่งกาลผันแปรแม้บั่นทอน
คงอาวรณ์เกินรั้งยับยั้งใจ
มาพบกันดุจกรรมนำเสกสร้าง
เคยเคียงข้างเคล้าคลอฉอเลาะใกล้
สวรรค์สาปเราพลัดพรากยากทำใจ
เหมือนอยู่ไกลเกินหยั่งดั่งฟ้าดิน
ความแตกต่างกั้นกลางระหว่างรัก
ดุจปฏักตอกย้ำยามถวิล
ขอโอบกอดอิงกายให้สมจินต์
ตราบสูญสิ้นสิเหน่หา...แล้วลาไกล ฯ
18 พฤศจิกายน 2546 22:51 น.
อัลมิตรา
๏ เพียงกริชมีดเล่มน้อย.............เจียมตน
หาเทียบทวนดาบสกล...............หอกง้าว
โคลงบทหนึ่งดังดล...................ใจนอบ- น้อมนา
หวังเหล่าปราชญ์แดนด้าว..........บ่งชี้หลักการ ๚
๏ นิยามความลึกล้ำ..................วิทยา- ยุทธเฮย
กระบี่เดียวอาจพา....................ชีพม้วย
ดุจโคลงเฟื่องภาษา...................สรรพศาสตร์
บทหนึ่งอาจแฝงด้วย.................สิ่งเร้นเห็นความ ๚
๏ โยน...ดาบมากราบผู้..............เล่าฮิว
...หิน...แกร่งใช่เพียงผิว.............นอกนั้น
...ถาม...ไถ่ท่านโฉบฉิว..............ไยหลบ เลี่ยงนอ
..ทาง...มากเพียงอยากรั้น............เร่งเท้าตามเธียร ๚ะ๛
16 พฤศจิกายน 2546 23:29 น.
อัลมิตรา
ใจเหว่ว้าผวาหวั่นฝันเพียงสุข
วันคืนทุกข์ฝืนทนจนเสียขวัญ
ขวัญเสียจนทนฝืนทุกคืนวัน
สุขเพียงฝันหวั่นผวาว้าเหว่ใจ
คืนวันล่วงห่วงไยในทรวงร้อน
ใครเคียงตอนอ้อนคำยามชิดใกล้
ใกล้ชิดยามคำอ้อนตอนเคียงใคร
ร้อนทรวงในไยห่วงล่วงวันคืน
โลมแลไล้ใจชื่นตื่นสวาท
ยืนยันหยาดนาฏนุชฉุดแรงฝืน
ฝืนแรงฉุดนุชนาฏหยาดยันยืน
สวาทตื่นชื่นใจไล้แลโลม
คำร้อยครวญนวลโน้มโค้มคืนฝาก
โรมรันอยากยากฝืนชื่นชมโฉม
โฉมชมชื่นฝืนยากอยากรันโรม
ฝากคืนโค้มโน้มนวลครวญร้อยคำ