14 กุมภาพันธ์ 2547 13:54 น.
อัลมิตรา
..๏ ท่านสุภาพบุรุษและท่านสุภาพสตรี ณ ที่นี้เอ๋ย
ข้าฯขอยอมสังเวยด้วยคำประณามหยามเกียรติ์ทับถม
จงเหยียบย่ำก่นด่าจวบชีวาข้าย่อยยับดับจม
ฤๅจนกว่า..แผ่นผืนฟ้าจะล่มพสุธาแตกแยกสลาย
..๏ ท่านสุภาพบุรุษและท่านสุภาพสตรี..เท่าที่ข้าฯได้พบเห็น
ใจท่านซ่อนเร้นและอำพรางมิใสกระจ่างอย่างมิตรสหาย
เพียงสถานการณ์พลิกผันไมตรีก็สิ้นคนในถิ่นก็ออกลาย
ประดุจคอยจ้องจะทำร้ายเมื่อข้าฯพลาด..โอ้อนาถนัก
..๏ ท่านสุภาพบุรุษและท่านสุภาพสตรีที่ข้าฯพยายามเคารพ
เหตุใดเล่าจึงเลี่ยงหลบอักษรตอนข้าฯแย้งแสดงให้เห็นประจักษ์
คงเทียบค่ามิได้เลยกับเศษเสี้ยวหนึ่งซึ่งก่อนเคยมีใจภักดิ์
ข้าฯแสนจะตระหนัก..ยามถูกพวกท่านหาญหักด้วยทุรจิตริษยา
..๏ พอกันทีเถิดหนอ..ท่านสุภาพบุรุษและท่านสุภาพสตรี
นับตั้งแต่บัดนี้อันว่ากรอบที่เคยครอบรายรอบตัวข้าฯ
ขอกระชากแหกกฏเฉกกบฏด้วยจิตคิดอหังการ์
ประกาศก้องด้วยใจกล้า..มิหวั่นผู้ข่มเหง..มิเกรงภัย
..๏ เพียงหนึ่งวิญญานข้าฯ..หยัดยืนในศักดิ์ศรี
จะขอต่อสู้เท่าที่อิสตรีผู้หนึ่งพึงกระทำได้
ตอนนี้..เชิญเถิด เชิญเยาะหยันหากสิ่งนั้นทำให้ท่านสุขใจ
เพราะเกียรติยศของพวกท่านไซร้ ..หด..หาย..กระทั่งสลายกลายเป็นศูนย์ .....
..๏ เขียนอักษรย้อนความตามภาษา
ผูกคำมาบรรยายให้คลายหมอง
หลากคนคิดจิตพ้องต้องทำนอง
บ้างยืนจ้องเห็นแปลกผิดแผกไป ๚
..๏ เหตุใดเอยจึงเปรยว่า..ขบถ
ทุรยศประณามหยามจากไหน
จึงประกาศโองการขานคับใจ
ฤๅเซ่นไหว้สังเวยเยาะเย้ยตน ? ๚
..๏ คำที่ท่านเสียดสีศักดิ์ศรีข้าฯ
คำก่นด่าถากถางในบางหน
คำสาปแช่งแหล่งร้ายใครบางคน
คำนี้ฤๅจักพ้นขอด้นคืน ๚
..๏ ท่านก็ชีพข้าฯก็ชีพเทียบเท่าค่า
ประกาศท้าด้วยใจหมายหยิบยื่น
ยามที่ข้าฯเซซังมิรั้งยืน
ท่านคิดขืนย่ำยีบีฑาซ้ำ ๚
..๏ วันใดที่ข้าฯด้อยแรงน้อยสู้
ความอดสูท่านให้คล้ายกระหน่ำ
ประดุจหนุนเจ็บตอกยอกใจจำ
นี่หรือการกระทำของผู้ดี ๚
..๏ เมื่อข้าฯก้าวขึ้นมากล้าอีกครั้ง
ลืมความหลังท่านทำย้ำบัดสี
ให้รู้เถิดยากลบเลือนสิ่งเตือนมี
คำบ่งชี้คือ ขบถ กฏพวกท่าน ๚ะ๛
13 กุมภาพันธ์ 2547 00:14 น.
อัลมิตรา
..๏ เงาโศกแผ่ปกครึ้ม..........คราวคืน
ลมพัดผ่านดังขืน..................กิ่งไว้
โยกคลอนอ่อนเอนฝืน..........ใบระบัด
จนดอกร่วงโลมไล้.................ภาคพื้นธรณี ๚
..๏ วิเวกอีกว้าเหว่..................เดียวดาย
ยามดอกโศกเรี่ยราย..............เกลื่อนต้น
เพียงซากเหี่ยวเกินหมาย........ดอมกลิ่น
ให้หม่นหมองเกินพ้น..............โศกเศร้าแสบทรวง ๚
..๏ ลมพัดกรายผ่ายพริ้ว.........ปลิวไสว
ก้านกิ่งกวัดแกว่งไกว..............โยกย้าย
โอ้อกคร่ำครวญใด..................เกินกล่าว
ยามโศกเยือนโศกคล้าย..........ยิ่งย้ำความขม ๚
..๏ หมายหอมดอมเด็ดให้.......คลายตรม
ไยมิอาจต้านลม......................ลอบย้ำ
ฤๅดอกโศกหลงชม.................พระพายแผ่ว
ยามหมดกลิ่นดอกช้ำ...............ร่วงพื้นลำพัง ๚
..๏ พักพิงอิงร่มไม้-................โศกศัลย์
คงร่ายโคลงรำพัน..................โศลกใว้
อกขมขื่นเกินบรร-...................เทาหม่น- หมองนา
ขอซบนอนซมใต้.....................กิ่งก้านอันครึ้ม บารนี ๚ะ๛
12 กุมภาพันธ์ 2547 16:39 น.
อัลมิตรา
๑.สัญจร มาไกล จากใจข้า
ดูฤๅ เหว่ว้า ฤๅไฉน
ตามหา เหว่ว้า สุดฟ้าไกล
เพื่อพบ กระไร ไม่รู้เลย
๒.สัญจร มาไกล ตามใจกู่
ตามรอยที่รู้ พธูเฉลย
ตามรอย เคยคุ้น ละมุนเคย
ละเมียดละไม ใจเอ่ย เผยอุ่นอิง
๓.สัญจร มาไกล ตามใจก้าว
หนทาง ยืดยาว มีดาวผิง
อุ่นอก แอบอก สะทกจริง
ไออก ตกประวิง ประหวั่นใจ
๔.สัญจร มาไกล ให้ใจเก็บ
รู้ว่า ใจเจ็บ แต่ใจให้
เช่นนี้ เช่นนี้ อยู่ที่ใด
ก็รู้ สุขใน แม้ใจชา ฯ
12 กุมภาพันธ์ 2547 14:58 น.
อัลมิตรา
...เรื่องกรอบ...และเครื่องผูกมัด...
...เรื่องกรอบและการจำกัดตัวตนเอง...และจิตใจของตน...
...แม้แต่การคาดหวังหรือมุ่งตีกรอบผู้อื่น...
...ขีดกรอบดูสิ แล้วออกมายืนนอกกรอบ...
...จากนั้นมองเข้าไปในกรอบที่ขีดไว้ใหม่ ...
...บางที อาจจะเห็นมุมมองใหม่ ๆ ที่ไม่ใช่แค่กว่า หรือ ที่สุด...
...พูดถึงกรอบ เวลามองอะไรๆสักอย่างหรือหลายอย่าง...
...ปัญหาของคน ก็คือ มีกรอบ(โดยธรรมชาติ หรือที่เราสร้างไว้)...
...แล้วเราก็อยู่ในกรอบ...
...มองในกรอบ คิดในกรอบ ก็จะเห็นตามที่เห็นในกรอบ...
...ทว่า ! หากออกมายืนอยู่นอกกรอบ...
...คุณก็จะเห็นกรอบ และนอกกรอบ...
...และรู้ว่า... ที่จริง มีอะไรที่มากกว่ากรอบ
...และในกรอบ ก็มีอะไรที่แตกต่างกับที่ยืนอยู่ในกรอบแล้วมองเห็น...
...กรอบที่ไม่มีตัวตน ไม่มีรูปร่าง แต่จิตสัมผัสได้ว่าเป็นกรอบ...
...ความรู้สึกครอบงำ ไม่อิสระเสรีภาพ...
...เราคิดอย่างนั้นเพราะเราไม่กล้าก้าวออกมาจากกรอบที่ครอบเราไว้...
...หรืออาจบางทีใช่ แต่อาจบางที เพราะไม่รู้ และเชื่อตามๆกันมา...
...การเชื่อโดยที่ไม่บริหารวิทยปัญญาของตนเองนั้น ...
...เป็นที่น่าเสียดาย...
...และผู้เขียน รักในอิสระเสรีภาพและสิทธิของตนและผู้อื่นเสมอ...
...ในบางครั้ง...เมื่อยามถูกตีกรอบหรือถูกริดรอนสิทธิเสรีภาพ...
...แม้แต่เห็นผู้อื่นเป็นเช่นนี้...ก็อดคิดอึดอัดไม่ได้...
...หลายครั้งจึงพยายามฉีกกฏและทำลายกรอบเครื่องพันธนาการต่าง ๆ
...แต่มิใช่ว่ากรอบจะไร้ประโยชน์เสมอไป...
...เรายังเห็นประโยชน์ของกรอบและการกำหนดกฏเกณฑ์ต่าง ๆ เสมอ..
...เพียงแค่ขอให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม...
...กรอบนั้น ๆ จะมีประโยชน์มากมาย...
...การหลุดพ้นจากกรอบขอบกั้น...
...ย่อมได้ความรู้สึกที่แตกต่างจากเดิม...
...และมีหลายเหตุการณ์...ที่พยายามดิ้นร้นและต่อสู้...
...เพื่อให้ได้สิทธิ์ในการลิขิตตนเอง...
...งานเขียน...วรรณกรรม...หรือการสื่อความทางภาพเขียน...
...แต่ไม่ใช่การพ้นจากกรอบโดยไร้เครื่องยึดเหนี่ยวใด ๆ...
...เพียงแต่... ใส่ความอิสระเข้าไป...
...แต่แปลกจัง...ผู้ต่อสู้เรื่องอิสระภาพ...ในแง่มุมต่าง ๆ...
...มักได้รับผลกระทบเสมอเลย...
...ขอมอบความปรารถนาดี...แด่ผู้รักอิสระเสรีภาพทุกท่านค่ะ..
10 กุมภาพันธ์ 2547 00:23 น.
อัลมิตรา
...๏ ผังตารางชีวิตลิขิตไว้
จงก้าวไปข้างหน้าตามหาฝัน
เช่นหมากรุกจงคิดพินิจพลัน
ล้วนต้องหมั่นใช้ปัญญาคราจับวาง
หกสิบสี่ช่องกระดานดังการศึก
เล่ห์เหลี่ยมลึกตรึกตรองมองแบบอย่าง
หลากหลายแผนลึกล้ำล้วนอำพราง
ยุทธการวางหมากนั้นมั่นเอาชัย
อุปโลกน์ตัวเอกเฉกขุนศึก
เดินคล่องคึกทั่วทิศคิดการใหญ่
บงการทัพเดินทางอย่างเกรียงไกร
หลักพิชัยสงครามตามตำรา
มีกองเรือยกทัพจับศึกด้วย
สองลำช่วยยุทธวิธีที่หนักหนา
ต่างรีบรุดสี่ทิศฤทธิ์เดชา
ลอยลำมาเพื่อช่วยอำนวยทัพ
มีนายพันทหารม้าขนาบข้าง
เชี่ยวชาญทางฟาดฟันมั่นแตกดับ
ช่วงชิงชัยชั้นเชิงอย่างทั้งรุกรับ
คราวโขกขยับกระโจนไปไร้กังวล
ยังมองเห็นตัวม้ามายืนเรียง
สองตาตรงหนึ่งเฉียงเยี่ยงสับสน
แผลงกว่าพวกเดินแปลกแผกพิกล
ดั่งตัวคนคิดตะแบงดุจแล้งใจ
มีโคนคู่เคียงข้างอย่างองอาจ
เดินประกาศศักดาห้าแฉกได้
แต่มิอาจถอยหลังได้อย่างใจ
กลับหลังไปทางตรงคงผิดการ
หนึ่งตัวเม็ดเดชเลื่องกระเดื่องภพ
ต่างเจนจบการศึกคึกห้าวหาญ
เดินเฉียงไปจตุรทิศคิดรอนราญ
เพื่อล้างผลาญไพรีพ่ายได้แยบยล
แปดตัวเบี้ยประจันบานร่วมการรบ
มาสมทบกองทัพอันสับสน
แรกยังคว่ำเดินได้คล้ายเร่งพล
เดินหน้าจนมุ่งประจันมั่นราวี
หากพบปะข้าศึกนึกฉงน
ดูสับสนเหลือใจไม่หลบหนี
กำจัดมวลศัตรูผู้มากมี
แล้วแทนที่หน้าเฉียงเยี่ยงเหิมเกริม
เร่งเดินหน้าทันใดไม่กลับหลัง
ยังมุ่งหวังเลื่อนขั้นชั้นยศเพิ่ม
ถึงเขตแดนศัตรูดูคระเมิม*
ยศขั้นเพิ่มศักดินาสามตาท้าย
จึงเดินเฉียงหน้าหลังดังใจนึก
ร่วมการศึกคึกคนองมองผึ่งผาย
ดั่งตัวเม็ดเดชเดื่องเฟื่องกำจาย
โอ้เบี้ยหงายน่าอัศจรรย์ในชั้นเชิง
ขุน,โคน,เรือ,เม็ด,ม้า,เบี้ยน่ามอง
ให้ไตร่ตรองมองหมากหลักยุ่งเหยิง
หลากเล่ห์ล้ำเหลี่ยมลึกศึกกำเกิง
อย่าหลงระเริงฤๅโศกสลดปรากฏมี
เดินหมากรุกจงฉุกคิดความผิดถูก
เชื่อมโยงผูกเล่ห์อุบายหลากหลายที่
เพ่งพินิจไตร่ตรองมองให้ดี
ประโยชน์มีมากมายในกระดาน
ตัวหมากรุกยึกยักขยักขย่อน
ความยอกย้อนแจ้งชัดประหัดประหาร
บ้างสุขสงบบ้างท่วงทีตะลีตะลาน
แล้วแต่การเดินที่พิถีพิถัน
หนึ่งชีวิตลิขิตได้ดังใจหวัง
อย่าหยุดยั้งอ่อนล้าตามหาฝัน
แม้พ่ายแพ้จงเข้มแข็งกล้าแกร่งพลัน
คงมีวันถึงเส้นชัยที่หมายปอง ๚ะ๛