23 เมษายน 2547 21:18 น.
อัลมิตรา
..๏ ย่อโลกไว้ที่ปลายนิ้ว..............ให้ใจลิ่วทะยานไกล
ฝากฝันอันเฝ้าใฝ่.......................สู่คนไกลให้ชิดกัน
ยามวันให้หรรษา.......................ด้วยวาจาพาสุขสันต์
ยามคืนให้ชื่นพลัน.....................เพ่งดาวจันทร์อันผ่องพราว
ยิ้มแย้มแต่งแก้มงาม...................ปากเพรียกถามย้ำทุกคราว
คืนวันอันเหน็บหนาว.................อบอุ่นราวคราวผิงไฟ
ยามร้อนไม่ร้อนนัก....................ไมตรีจักช่วยพัดใจ
เปี่ยมรักมากห่วงใย....................ดั่งชิดใกล้ไม่จืดจาง ๚ะ๛
..๏ ฝากสายใยจรดนิ้ว..................นำไป
ฝันส่งผ่านกระแสไฟ...................ลัดฟ้า
ย่อโลกย่อสองใจ..........................จงสนิท
วันสุขคืนส่องหล้า........................สว่างด้วยแสงเดือน ๚
..๏ โอษฐ์เอื้อนคำยิ่งแย้ม...............ยิ้มทา
หนาวเหน็บหายคลายครา.............อุ่นอ้อม
เปี่ยมด้วยรักห่วงหา......................ดั่งชิด ใกล้เฮย
เย็นรื่นไมตรีล้อม.........................ห่อนร้างจางหาย ๚ะ๛
22 เมษายน 2547 15:43 น.
อัลมิตรา
@ ฉันไม่ใช่กวี ..เชษฐภัทร
ฉันไม่ใช่กวี
เพราะไม่มีหัวใจอ่อนไหวหวาน
ไม่อาจสื่อชีวิตจิตวิญญาณ
ถ่ายทอดจินตนาการผ่านถ้อยคำ
ฉันไม่ใช่กวี
ไร้สรรพ์สีของอารมณ์รอบ่มร่ำ
ไม่อาจสื่อวิสัยทัศน์สัจธรรม
สะกดจนคนจำประทับใจ
ไม่อาจเขียนชีวิตด้วยชีวิต
ขาดข้อคิดคำคมสมสมัย
จนผู้อ่านก็แค่อ่านผ่านเลยไป
เพราะยังไร้ประสบการณ์การฝ่าฟัน
มิอาจกล่อมนกน้อยให้คล้อยหลับ
สุดคว้าดาวมาประดับกับความฝัน
ไม่อาจนับเม็ดทรายใต้เงาจันทร์
มาหลอมแก้วแววสวรรค์พรรณราย
และไม่อาจแต้มสีให้ผีเสื้อ
ให้สดใสทุกเมื่อเพื่อฟ้อนส่าย
เคล้ากลิ่นเกสรขจรขจาย
ที่เย้าหยอกดอกไม้ใต้หมอกบาง
ฉันไม่ใช่กวี
ไร้ศักดิ์ศรีสับสนคนถากถาง
ชีวิตจึงอับจนไร้หนทาง
เมื่อเธอหมางเมินค่าคำว่า รัก-
@..ฉันเป็นเพียงกวีคนหนึ่งเท่านั้น ..ปุถุชน
ในโลกของฉันมีแต่สงครามและความอดอยาก
มีความอยุติธรรมและการกดขี่ทั่วแผ่นดิน
เด็กเด็กในโลกของฉันไร้การศึกษาและกำพร้าพ่อแม่
ขณะที่ลูกผู้ลากมากดีมีโรงเรียนได้ศึกษากันในโลกของเธอ
คนหนุ่มสาวในโลกของฉันก็ขาดจิตสำนึก
ขาดการอุทิศตนเสียสละเพื่อปวงชนผู้ยากไร้
พวกเขาศึกษาเล่าเรียนก็เพียงเพื่อเป็นทาสรับใช้นายทุน
มหาวิทยาลัยในโลกของฉันสอนให้คิดตามตามกันไป
มีตำรับตำราขีดเส้นแบ่งชัดแจ้งระหว่างปัญญากับความโง่เขลา
ครูบาอาจารย์ในโลกของฉันสอนให้คิดในกรอบห้ามนอกลู่
มีเส้นแบ่งระหว่างการหลบลู่และการไม่ให้เกียรติ
ปัญญาชนของฉันจึงไร้ความคิดเป็นของตัวเอง
ในโลกของฉันมีผู้รู้มากมายขวักไขว่เต็มถนน
แม้กระนั้นผู้รู้ก็คอยแต่จะพิพากษาคนลงนรก
สาดโคลนโสมมโยนบาปให้แก่กันและกัน
กวีในโลกของฉันหลงใหลในตัวอักษรมากว่าสารถะ
เคลิบเคลิ้มไปกับท่วงทำนองจนลืมแก่นสารของมัน
ในโลกของฉันจึงเต็มไปด้วยท่วงทำนองอันหวานล้ำ
โลกของฉันกับโลกของเธออาจะต่างกัน
แต่สายสัมพันธ์ฉันกับเธอยังไม่ห่างกัน
ฉันเป็นเพียงกวีคนหนึ่งเท่านั้น
ฉันรักเธอทุกคน
ฉันพเนจรร่อนเร่ไปทั่วโลกที่ฉันรัก
@ ข้าฯคือเศษกวี .. อัลมิตรา
..๏ ข้าฯเป็นเพียงเศษกวีที่บังอาจ
ขีดเขียนวาดอักษรตอนเคลิ้มฝัน
เป็นร้อยแก้วร้อยกรองท่องรำพัน
แต่กระนั้นยังมิงามตามที่ควร
ข้าฯเป็นเพียงคนถ่อยด้อยศึกษา
มินำพาบอกใครให้ไต่สวน
ใช้ถ้อยคำสถุลเถื่อนเผื่อนกระบวน
ร้อยเรียงห้วนมิหวานสื่อกานท์ไป
ด้วยเพราะข้าฯห่างชั้นคำบัณฑิต
ท่านจึงคิดตัดสินหมิ่นความใส่
ทีนักปราชญ์บิดเบือนเหมือนตั้งใจ
กลับกราบไหว้พวกเขา...น่าเศร้าจริง
เพราะเราล้วนเป็นกวีที่แตกต่าง
หลากหลายทางดั่งไม้ได้แตกกิ่ง
จะสนใจทำไมใครท้วงติง
ในเมื่อสิ่งที่เราเขียนเจียรจากใจ ๚ะ๛
21 เมษายน 2547 09:15 น.
อัลมิตรา
..๏ ทุกชีวิตมีสิทธิ์จะคิดฝัน
อาจรำพันพร่ำเพ้อเผลอหวั่นไหว
หรือปรุงแต่งแสร้งรักภักดีใคร
ละเมอใฝ่หลงรูปจูบเพียงเงา
พิศอักษรปรากฏบทความสวย
ต่างงงงวยต้องมนตร์ดุจคนเขลา
เพียงภาพวาดมายามาลวงเอา
พากันเข้าข้องเกี่ยวมิเฉลียวตน
หลงรูปลักษณ์ประจักษ์แค่ตาเห็น
ว่างามเด่นเลอเลิศเพริศทุกหน
จึงมอบรักยิ่งใหญ่ในบัดดล
มิสืบค้นภาพแท้ - แค่มายา
ด้วยสาเหตุเป็นไปนัยยะนี้
ทุกข์ทวีรุมเร้าเฝ้าครวญหา
หลงเพียงรูปกอดเพียงเงาเศร้าอุรา
เกินไขว่คว้า ณ โลกจริงที่อิงความ ๚ะ๛
19 เมษายน 2547 15:05 น.
อัลมิตรา
..๏ มวลดอกไม้ !.. ที่พากันเหี่ยวเฉา
เหตุใดเล่ามิงามตามศักดิ์ศรี
เกิดอาเพทหรือไรใครราวี
จึงหลบลี้หรุบกลีบไม่รีบบาน
เคยผลิดอกยั่วยวนชวนหลงใหล
แซมทั่วไพรยามยลชนสนาน
กลิ่นจรุงฟุ้งกระจายในวันวาน
ละมุนซ่านติดตรึงซาบซึ้งจินต์
แดงส้มเหลืองฟ้าเขียวเหลียวมองหา
โอ้ผกา !.. มิประสบภพ ณ ถิ่น
แมลงภู่ผึ้งร่ำไห้ไม่โบยบิน
จนยับสิ้นทิ้งร่างบนทางไพร
โอ้ดอกไม้ !.. ที่พากันเหี่ยวเฉา
ข้าฯแสนเศร้าเหลือเกินกล่าวเกริ่นได้
ยังมิทันชื่นชมจนสมใจ
เจ้าก็โรยราไป...มิให้เชย ๚ะ๛
16 เมษายน 2547 16:19 น.
อัลมิตรา
..๏ ความแปลกใหม่ที่ใจไม่เคยคิด
ถูกหรือผิดอย่างไรใคร่วอนถาม
ดุจหลงฟ้าแผกป่าหานิยาม
ยากก้าวข้ามต่อไป..ให้หวาดกลัว
เพราะหนทางที่ผ่านพบพานทุกข์
มาเร้ารุกล้อมกายหลากหลายทั่ว
จะเหลียวหาผู้ใดคลายมืดมัว
กลบความสลัวภายในให้บรรเทา
ฤๅข้าฯต้องถอยหลังอย่างคราวก่อน
ทบทวนย้อนความจริงอิงตามเขา
กลบเกลื่อนความคิดเห็นเช่นเคยเนา
เพื่อมิเศร้าเหมือนตน คนแปลกปลอม
มิกล้าก้าวต่อไปในอีกครั้ง
ไร้พลังกล้าแกร่งแรงหล่อหลอม
คงเปรียบใจข้าฯสิ้นชีวินตรอม
จำต้องยอมปราชัยไม่คิดเดิน ๚ะ๛