21 พฤษภาคม 2547 21:46 น.
อัลมิตรา
...๏ พฤกษาเศร้าหรือไรใครหาญหัก
ลมโลมจักลูบไล้ใฝ่ถนอม
ประคองกิ่งแกว่งไกวมิให้ตรอม
จะกอดกล่อมดูแลรอยแผลกลาย
สะบัดแผ่วพริ้วโบกที่โศกช้ำ
ปลอบโยนย้ำความเศร้าให้เจ้าหาย
คอยเคียงคู่อาทรมิคลอนคลาย
เปรียบสหายเคียงข้างมิห่างพง
ก้านใบแกว่งกิ่งกวัดขนัดแน่น
แผ่เป็นแผ่นพริ้วไหวชวนใหลหลง
เสียงเอียดออกอไผ่หมายบรรจง
เอนต้นลงเอียงอ่อนมิร้อนรน
สายลมแผ่วพริ้วโชยที่โรยเลื่อน
ใบไม้เกลื่อนกลาดไปในไพรสณฑ์
ยามกระแสพัดปลิวลิ่วลมบน
ก็สุขล้นยามโลมโฉมไม้งาม
จันทร์กระจ่างพร่างพรมยามลมต้อง
นกคูร้องพร่ำเพรียกคล้ายเรียกถาม
สิเนหาเลือนไปจะใคร่ตาม
เก็บรอยหวามอ่อนไหวในใจตรม
น้ำค้างย้อยเยือกเย็นเป็นพยาน
ใช่ลมรานหยิบยื่นความขื่นขม
เพียงแผ่วพริ้วพัดหวานผ่านอารมณ์
เชยชิดชมแช่มชื่นทุกคืนวัน
พฤกษาเอ๋ยเจ้าเอ่ยว่าเคยเหงา
จำพรากเงาคู่เคียงร้อยเรียงฝัน
ถ้อยความจารจิตจำคำรำพัน
เขามาหันห่างหายมิกรายคืน
ลมโลมลอบลูบไล้ส่งใจช่วย
อย่าระทวยทุกข์ตรมจงข่มฝืน
แม้หัวใจลาลับมิกลับคืน
เจ้าจงชื่นเถิดหนอยามล้อลม ๚ะ๛
21 พฤษภาคม 2547 16:27 น.
อัลมิตรา
ก็ตัวตนของฉันเป็นอย่างนี้
ใช่ผู้ดีเท้าแดงแสดงบท
ไร้ราศีผุดผ่องมองงามงด
ให้ปรากฏมายามาลวงกัน
อย่าพยายามแปลงฉันให้แปรเปลี่ยน
หรือคิดเพี้ยนสร้างเสริมเติมสีสัน
ใครเขาว่าอย่างไรไม่สำคัญ
คงเป็นฉันคนเก่าโปรดเข้าใจ
แม้นผ้าหุ้มคลุมเห็นเช่นซอมซ่อ
เป็นคราบมอกระดำกระด่างอย่างที่ใส่
กางเกงยีนส์ตูดขาดอนาถใจ
เสื้อซีดไซร้ลายก็หม่นคนเหยียดหยาม
เออ ! .. เขาดูแค่รูปกายภายนอกเห็น
จิตที่เร้นสะอาดไหมใคร่วอนถาม
คนมากมายบ่นบ้าหานิยาม
ชำเลืองตามมายาว่ากันไป
เสื้อแสงที่สะสวยคนรวยสวม
แสนจะอ่วมหมดปัญญาหาซื้อใส่
แต่ละชิ้นแต่ละชุดต้องฉุดใจ
ยับยั้งไว้เพราะโคตรแพงแสดงเกิน
มันก็แค่ผ้าห่อพอคลุมร่าง
มาอำพรางคนจ้องพ้องสรรเสริญ
ว่าสง่างามสมชมเพลิดเพลิน
แหม !.. เจริญแต่ภายนอกหลอกคนมอง
เพราะว่าฉันยังเป็นฉันในวันนี้
ห่วยสิ้นดีเขาหยามย้ำให้หมอง
ผ้าขี้ริ้วห่อร่างร้างคนปอง
เหมือนติงต๊องหัวหูดูแปลกตา
ฮ่วย !.. ก็แล้วจะวุ่นวายทำไมหนอ
หรือฉันขอทานกินหมิ่นความหา
แม้นแต่งกายไม่เลิศเพริศโสภา
ยังดีกว่างามที่ขนแต่หม่นใจ
20 พฤษภาคม 2547 10:47 น.
อัลมิตรา
..๏ ผู้ใดหนอจักเป็นเช่นนภา
โอบจันทราแนบเคียงเยี่ยงสนม
มิแปรผันวันคืนระรื่นชม
ร้อยอารมณ์นิพนธ์กานท์สราญใจ
ฤๅจะเป็นเพียงฝันวันที่ท้อ
เขาลวงล่อหลอกเราเย้าไฉน
อ่อยคำหวานหยอกเอินจนเพลินใจ
หากหลงใหลคงเศร้านะเจ้าจันทร์
เพราะโดดเดี่ยวเดียวดาย ณ ปลายฟ้า
ไร้คุณค่าต่ำต้อยด้อยสีสัน
ต้องอาศัยลำแสงแห่งตาวัน
กระทบจันทร์สะท้อนย้อนประกาย
แม้นผ่านคืนและวันมิผันเปลี่ยน
จวบกาลเวียนขึ้นแรมแย้มความหมาย
ว่าหรุบแสงวงเรียวเสี้ยวจันทร์กลาย
แลหลากหลายภาพเด่นเขาเค้นมอง
ต่างยกยอปอปั้นว่าจันทร์สวย
เลิศเลอด้วยรูปลักษณ์ประจักษ์ผอง
เพียงแค่เห็นยังละเมอเพ้อใจปอง
ศศิ* พ้องหรือไรจึงใฝ่ชม
จะขอเป็นบุหลันครั้นราตรี
สถิตที่นภาแดนแม้นขื่นขม
ผู้ใดจะมอบรักภักดิ์ภิรมย์
เป็นคู่ชมชื่นจิตนิจนิรันดร์...๚ะ๛
15 พฤษภาคม 2547 23:56 น.
อัลมิตรา
..๏ หลับตาย้อนคำนึงถึงวันเก่า
เป็นเรื่องเล่าท่องไป ณ ไพรสณฑ์
ท่ามกลางแสงดาวเดือนเกลื่อนสกล
ดั่งเทพดลเราสองครองรักกัน
แต่ละวันแต่ละคืนชื่นสนอง
ร่วมประคองสมานใจให้สุขสันต์
เห็นเงือกไพรบินผ่านขานรำพัน
รักเรานั้นจะเสถียรมิเพี้ยนลวง
เปรียบเราเป็นนกเงือกเลือกรักแท้
มิปรวนแปรดวงจิตให้คิดห่วง
จะรักมั่นครั้นว่าสุดาดวง -
ชีพลับล่วงร่างสลายไปกับกาล
ถ้อยรำพันสัญญาคราเห็นนก
ใช่เพ้อพกเพียงกล่าวเล่าบทขาน
รักมันนั้นใหญ่ยิ่งอิงตำนาน
อธิษฐานขอเป็นเช่นนกไพร
วันที่ต้องจากไปให้ขื่นขม
ทุกข์ระทมซ่อนสะอื้นยากฝืนไหว
เสียงกระซิบเครือสั่นดุจคว้านใจ
แม้นจากไกลจงจำคำสัญญา
ตาต่อตาสบนิ่งยิ่งหม่นหมอง
เหมือนร่ำร้องวันชื่นให้คืนหา
ยามพลัดพรากจากกันหวั่นอุรา
ดุจชีวาแตกสลายมลายจินต์
สองมือโอบกุมกระชับกับหัตถ์น้อง
จูบประคองสองปรางพลางถวิล
รอยจารึกจารใจให้ยุพิน
อย่าสร่างสิ้นเสน่หาเมื่อลาจร
ปฏิญาณสัตย์เช่นเป็นดั่งนก
มิเพ้อพกถ้อยคำย้ำสมร
แม้นไกลกันกานดาอย่าอาวรณ์
รักจักย้อนตามไปในนิรันดร์
ขอนวลจงอย่าโศกวิโยคหวน
สุขทั้งมวลใช่หายกลายแปรผัน
แม้พลัดพรากครานี้ย่อมมีวัน
จะสานฝันสืบไปหัวใจครอง
แม้นจันทราสุรีย์หลบลี้หาย
มิคลอนคลายภักดีพี่สนอง
เฉกนกเงือกมั่นรักประจักษ์ปอง
หัวใจพ้องดั่งเราเคล้าคู่เอย ๚ะ๛
12 พฤษภาคม 2547 23:06 น.
อัลมิตรา
..๏ ปลิดปลิวเพลินพริ้วร่อน................กลางหาว
หมุนเปลี่ยนแปลงแรงราว..............ร่อนคว้าง
เรียงรายหลากลักษณ์คราว..............คราเคลื่อน- คลาดแฮ
ลดหลั่นแข่งขันร้าง........................เลื่อนคล้อยลอยลม ๚
..๏ สูงเด่นเทียมเทียบชั้น..............เมฆา
ผลผลิตพันธุ์พฤกษา.....................ใหญ่น้อย
คราวสุกลูกยางนา..........................ดูดาษ- ดื่นแฮ
บ้างเบียดเสียดขั้วห้อย-...................ติดก้านกิ่งโต ๚
..๏ ลมแผ่วพลอยโยกย้าย...............สั่นคลอน
กระโชกโกรกบั่นทอน...................พรากต้น
หมุนติ้วลิ่วล่องสลอน.....................แซงสลับ
บ้างห่างเหินเพลินพ้น...................ผ่านพริ้วทิวแถว ๚
..๏ ลอยสูงยังมุ่งพลิ้ว......................เริงลม
ปานแข่งขันเชยชม.......................ฟากฟ้า
สายลมพัดเพลินสม-......................หมายมั่น
พลัดพรากต้นจนล้า.......................หล่นพื้นธรณิน ๚
..๏ ลูกไม้ไกลจากต้น...................เคยอา- ศัยเฮย
พลัดถิ่นฐานโรยลา.......................แหล่งเหย้า
ลืมต้นเติบโตมา...........................คราก่อน แลฤา
ลมพัดผลักเร่งเร้า..........................ขาดขั้วจรลี ๚
..๏ สูงเยี่ยมเทียมเมฆแม้น-..........เมืองสวรรค์
อาจร่วงหล่นโดยพลัน..................เกลือกพื้น
ลูกยางดั่งเดียวกัน........................ดังอุป- มาแฮ
สูงต่ำสุขทุกข์มลื้น........................เปลี่ยนได้กลายเสมอ ๚
..๏ เริงลมชมฟากฟ้า.....................นภาลัย
ชมหมู่ลูกยางไพร.........................ผ่านต้น
ตกดินถิ่นแดนใด..........................คงเติบ- โตนา
ผ่านขวบจวบปีพ้น........................เด่นสล้างข้างกัน ๚
..๏ อุกอาจมาดมั่นคล้าย................ลูกยาง
หมายมุ่งด้นดั้นพลาง....................แยกย้าย
คงเด็ดเดี่ยวเดินทาง......................แสวงสิ่ง- ใดนอ
จงบุกบั่นดุจคล้าย.........................ลูกไม้เริงลม ๚ะ๛