10 มิถุนายน 2547 15:16 น.
อัลมิตรา
ผู้ชายคนหนึ่ง กล่าวกับหญิงคนที่เขารักว่า
..คุณไม่เคยเอ่ยปากบอกรักผมเลย หรือว่าคุณมีคนอื่นในใจ..
หญิงคนนั้นตอบ
..คำว่ารักนั้น ใช่ว่าเป็นเพียงคำรำพัน ที่คิดจะบอกก็บอกใครได้ง่ายๆ
ก่อนหน้าที่เธอจะพบฉัน เธอเองก็เคยมีรักมากมาย
และหัวใจของเธอแจกจ่ายให้กับหญิงเหล่านั้นไปจนทั่ว
ฉันเองทั้งที่ปวดปร่า แต่ต้องแกล้งทำเหมือนไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ
รักของเธอและของฉัน นิยามอาจจะแตกต่างกัน
คำว่ารักของฉัน คือ ทั้งชีวิตและวิญญาณ์
และถึงแม้ว่า ตอนนี้เธอจะรักฉันด้วยเศษเสี้ยวหัวใจที่เหลืออันน้อยนิด
ฉัน.. ผู้มาทีหลัง ก็จะไม่ปริปากถามเธอเลย ว่าเคยรักใครในวันวาน..
..๏ มั น ค ง ย า ก ห า ก เ พ้ อ เ ผ ล อ จำ น ร ร จ์
ค ว า ม รั ก นั้ น มี ค่ า ก ว่ า สิ่ ง ไ ห น
เ พี ย ง คำ ห นึ่ ง ซึ่ ง ย า ก ห า ก บ อ ก ใ ค ร
โ ป ร ด เ ข้ า ใ จ ฉั น บ้ า ง อ ย่ า ร้ า ง ล า
ก่ อ น เ ธ อ นั้ น แ จ ก จ่ า ย ใ จ จ น ทั่ ว
ห ญิ ง พั น พั ว ม า ก ม า ย ก ร า ย เ ข้ า ห า
ห ว่ า น คำ รั ก ป ร า ก ฏ บ ท พ ร ร ณ า
ฉั น ก็ แ ส ร้ ง ทำ ท่ า เ ห มื อ น ช า ชิ น
รั ก ข อ ง เ ธ อ แ ล ะ ฉั น นั้ น แ ต ก ต่ า ง
อ ย่ า อำ พ ร า ง ห ล อ ก ใ จ ใ ห้ สู ญ สิ้ น
ค่ า แ ห่ ง รั ก ย า ก ยิ่ ง นั ก ห า ก ย ล ยิ น
นั่ น คื อ วิ ญ ญ์ แ ล ะ ก า ย นั ย นิ ย า ม
แ ม้ น เ ธ อ ค ง เ ห ลื อ ใ จ ใ ห้ น้ อ ย นิ ด
เ พ ร า ะ ชี วิ ต รั ก ก่ อ น นั้ น มั น ล้ น ห ล า ม
ฉั น.. ค น ม า ที ห ลั ง ข อ ยั้ ง ค ว า ม
จ ะ มิ ถ า ม เ ธ อ รั ก ใ ค ร ใ น วั น ว า น ๚ะ๛
9 มิถุนายน 2547 22:16 น.
อัลมิตรา
..๏ มองไกลสุดปลายสายฟ้า..............เมฆาลาเลื่อนเคลื่อนหาย
บังเกิดอัศจรรย์พลันกลาย..................โปรยปรายเป็นเม็ดเกร็ดงาม
สวยใสต้องกายเย็นฉ่ำ.......................สุขล้ำเกลื่อนกล่นล้นหลาม
กระเซ็นเป็นละอองฟองตาม...............ยังความสดชื่นรื่นรมย์ ฯ
..๏ กี่เม็ดโปรยปนหล่นฟ้า.................แหงนหน้าเพ่งมองสวยสม
กายเปียกเย็นฉ่ำตามชม.....................ยามลมล่องแผ่วพัดพา
เมฆฝนบนฟ้าครากลาย......................ควรหมายสุขสันต์หรรษา
ชมวสันต์พลันเพลินเจริญตา..............จนกว่าซาสร่างร้างกลาย ฯ
..๏ สองมือชูรับจับน้ำ.........................ดื่มด่ำความเย็นกระเซ็นสาย
น้ำฝนกลางหาวราวคลาย....................ดับกระหายโหยหิวกิ่วท้อง
ฝูงนกเริงร่าหฤหรรษ์..........................เฉกฉันไม่ขยับจับจ้อง
ปรารถนาเห็นรุ้งเรืองรอง....................ขอบฟ้าสีทองอำไพ ฯ
..๏ สายฝนโปรยปรายคล้ายเคลื่อน......คล้อยเลื่อนลอยห่างทางไหน
คงเหลือดินชุ่มพุ่มไม้.........................สวยใสสดชื่นตื่นตา
ต่างแย้มดอกตามความฉ่ำ-..................ชื่นล้ำรับรองพฤกษา
เสกสรรค์หลากสีลีลา...........................เกินกว่าบรรยายในกวี ฯ
..๏ สายรุ้งพุ่งพานภาเพริศ...................ล้ำเลิศปาฏิหาริย์วรรณฉวี
สัตตพรรณช่างล้ำงามมี........................บังเกิดยามที่ฝนคลาย
ต้องแสงสุรีย์ฉายกลายเปลี่ยน...............ล้อเลียนฝนฟ้าคราหาย
สดชื่นแจ่มใสใจสบาย.........................เรียงรายงดงามยามมอง ๚ะ๛
3 มิถุนายน 2547 08:35 น.
อัลมิตรา
..๏ บ น ล า น จั น ท ร์ รั ญ จ ว น อ บ อ ว ล รั ก
เ ยื่ อ ใ ย ถั ก แ ท น แ พ รบ า ง ห่ ม ร่า ง ข วั ญ
ร า ต รี เ ริ่ ม ม น ต์ ร่ำ ส า น สั ม พั น ธ์
ก ร ะ ซิ ก สั่ น ก ร ะ ซิ บ แ ก้ ว เ พี ย ง แ ผ่ ว เ บ า
แ ส ง จั น ท ร์ น ว ล เ นื้ อ เ นี ย น ใ จ เ จี ย น ข า ด
ไ ฟ ส ว า ท อ่ อ น โ ย น แ ต่ โ ช น เ ผ า
เ นื้ อ ต่ อ เ นื้ อ อิ ง แ น บ แ อ บ อุ่ น เ น า
ก า ย ใ จ เ ร า ร่ ว ม ผ ส า น ห ว า น ล ะ มุ น
โ ด ย ดื่ ม ด่ำ ล้ำ ลึ ก รู้ สึ ก ไ ด้
ล่ อ ง ล อ ย ใ น ค ว า ม ฝั น อั น อ บ อุ่ น
ทุ ก นุ่ ม น ว ล เ ส น่ ห์ เ นื้ อ เ ธ อ เ จื อ จุ น
ค ว า ม ห อ ม ก รุ่ น ก ล่ อ ม ใ ห้ ใ จ ร ะ รั ว
ร า ว ค ลื่ น โ ถ ม โ ล ม ห า ด ไ ม่ ข า ด ส า ย
จ น ห ลื บ ท ร า ย ซั บ ฟ อ ง เ จิ่ ง น อ ง ทั่ ว
ห ย า ด น้ำ ผึ้ ง พ ร ะ จั น ท ร์ ยิ่ ง ก ลั่ น ตั ว
ยิ่ ง พั น พั ว พ ร่ำ พ ล อ ด ต ล อ ด คื น ๚ะ๛
24 พฤษภาคม 2547 00:00 น.
อัลมิตรา
..๏ ลมมิเคยยอกใครให้บอบช้ำ
หรือลอบย้ำจนผิวเป็นริ้วสาย
มีแต่ความอบอุ่นละมุนกาย
เมื่อพระพายพัดแผ่วเนวเนื้อนวล
อย่าหลบเลี่ยงเพียงลมพรมพริ้วผ่าน
ใช่รอนรานให้เจ้าเศร้ากำสรวล
ด้วยใจภักดิ์รักมอบมิกอบทวน
ทุกสิ่งล้วนจากจิตจงพิศนัย
ฤๅเรื่องราวคราวก่อนตอนโศกศัลย์
คงหวาดหวั่นกลัวจิตคิดสงสัย
ว่าลมโลมโลมรักจักแปรไป
สุดหมองไหม้เจ้าเห็นเป็นลมลวง
จะยังคงพัดเฉื่อยเอื่อยเอื่อยไล้
แม้นเจ้าไม่ศรัทธาว่าลมห่วง
ความหวังดีทั้งหลายในแดดวง
ก็มิทวงกลับคืนแม้ขื่นตรม
ขอเพียงแค่ชิดชื่นดุจคืนก่อน
แม้คำย้อนเจ้าเหน็บให้เจ็บถม
เปลี่ยนนิยามความรักภักดิ์ภิรมย์
เป็นคำขรมว่าลวงดั่งล่วงมา
โอ้ตัวเราเยี่ยงลมระทมแท้
คิดเผื่อแผ่ปลอบไม้ให้หรรษา
เพียงพัดแผ่วหยอกเย้าเคล้าอุรา
กลับเทียบค่าเราเป็นเช่นลมลวง ๚ะ๛
22 พฤษภาคม 2547 14:51 น.
อัลมิตรา
..๏ แนวกวีหลายหลากมากรูปแบบ
วางกฏแนบหลักเกณฑ์เน้นเงื่อนไข
หากถือกรอบวางรอบครอบงำใจ
คงเทียบใช่กะลา อัตตาตน
ฤๅตัวเราลมแล้งแผลงพัดผ่าน
ร่ายฟุ้งซ่านเป็นกลอนตอนสับสน
ไร้สาระคุณค่าศรัทธาชน
เพียงพร่ำบ่นลอบย้ำ คำกวี
เพราะเราคือเจ้าของครองลิขสิทธิ์
จะยึดติดทำไมในวิถี
เทียบรากหญ้าต่ำต้อยด้อยความดี
จะสุนทรีย์แค่ไหนไม่อยากวัด
อยากแหกกฏบทกวีที่คับแคบ
ขอเพี้ยนแบบสักคราอย่าเพิ่งขัด
อย่าตัดสินหมิ่นความหยามชี้ชัด
ว่าอ่อนหัดทำตาม อำเภอใจ
หลากความคิดแนวกวีที่เปิดกว้าง
อาจมีบ้างถูกผิดติดขัดได้
ถึงเข้ารกเข้าพงหลงทางไป
อย่าหวั่นไหวก้าวต่อมิท้อพลาง
ขอเพียงใจส่องไฟในความมืด
อย่าขี้ตืดอารมณ์พร่างพรมกว้าง
จงสานฝันเถิดหนาอย่าเลือนลาง
เพราะหนทางแห่งศิลป์ไม่หมิ่นกัน ๚ะ๛
๏ วาทะจอมยุทธ์ ๏
คมดาบยิ่งฝนยิ่งคม
มนุษย์ไยมิใช่เป็นเช่นกัน
มนุษย์มากหลายในโลกนี้
ไยมิใช่เติบโหญ่ในท่ามกลาง
...ความปวดร้าวขมขื่น...
..จาก : ฤทธิ์มีดสั้น