14 กรกฎาคม 2547 12:11 น.
อัลมิตรา
..๏ คืนนี้เดือนดาว........ผุดผ่องพรรณพราว.............สุกสกาวงดงาม
แต่งแต้มราตรี...........จรัสศรีล่วงยาม.....................ยังรุ่งเรืองอร่าม
เกินห้ามหัวใจ
..๏ ขอร่ำคำวอน..............กาพย์ร่ายหมายพร..............ดังก่อนกาลใด
ขอแก้วขอแหวน...........หากแม้นเป็นไป...................ดังจิตฝันใฝ่
คงได้เปรมปรีด์
..๏ ขอม้าคชสาร.................พาเที่ยวอุทยาน..............แสนสราญรื่นฤดี
ชมนกแมกไม้..................พฤกษ์ไพรมากมี...............เยือนแคว้นปฐพี
ดังที่หมายชม
..๏ ขอแหย่งตั่งเตียง...........หมายนั่งข้างเคียง.........หวังเพียงรื่นรมย์
อบอุ่นใจเกิน.................เพลิดเพลินสุขสม.............ร่ายคำนำชม
อภิรมย์ชมจันทร์
..๏ คืนนี้จันทรา.............แจ่มจรัสเจิดจ้า.............ดาราวาววรรณ
เพรียกพร่ำคำวอน........ขอละครเฉิดฉันท์........พร้อมโขนสารพัน
ครบครันตระการตา
..๏ ขอวงปี่พาทย์.............ปรีชาสามารถ...เก่งฉกาจลีลา
บรรเลงเพลงกล่อม.........พรักพร้อมกิริยา......สดับพลันหรรษา
จนกว่ารุ่งเยือน
..๏ ขอผู้เห่กล่อม............ร้องร่ายนอบน้อม............ขับกล่อมชมเดือน
สำเนียงเสียงเสนาะ.....ไพเราะเพราะเหมือน-......เห่กล่อมเป็นเพื่อน
บ่เลือนร้างลา
..๏ โอ้แสนอภิรมย์...........ชมชื่นรื่นสม............ยามลมแผ่วมา
ผูกพันมั่นรัก................ล้วนประจักษ์อุรา.....ทั้งคืนทุกครา
ตราบฟ้าแจ้งพลัน ๚ะ๛
13 กรกฎาคม 2547 14:49 น.
อัลมิตรา
..๏ จะเขียนกลอนเหตุใดใจติดขัด
เหมือนอ่อนหัดตัวเราเขลาจริงเหวย
คิดร่ายโคลงโยงกลอนอ้อนอย่างเคย
ก็ดันเชยล้าสมัยไม่นิยม
ครั้นหยิบยกความเห็นประเด็นวุ่น
โจทก์อาจขุ่นเคืองใจไม่เหมาะสม
ถ้างั้นเราจะเขียนกลอนตอนระทม
รักคุดขม แหม ! คงดีนี่กระไร
เก่งแต่ปาก..หากลองเขียนเพี้ยนทุกครั้ง
จึงมานั่งครุ่นคิดจิตสงสัย
เออ ! นี่เราหมดมุขตกยุคไป
เค้นเท่าใดก็มิเป็นเช่นคำกลอน
หัวขี้เท่ออย่างเราเศร้าใจหนอ
ชักเริ่มท้อมิกล้าฝันปั้นอักษร
จะมีไหมใครก็ได้ใคร่วิงวอน
ช่วยสั่งสอนให้ฉลาดดุจปราชญ์เอย ๚ะ๛
8 กรกฎาคม 2547 23:25 น.
อัลมิตรา
..๏ หอมดอกสายหยุดย้ำ...............ความหอม
หอมบ่หน่ายหมายดอม................เด็ดได้
หมายใจใคร่ทะนุถนอม...............เชยชื่น- ชมแฮ
สายบ่หน่ายลูบไล้........................กลีบซ้อนแซมสวย ฯ
..๏ ดอกงามยามพรุ่งพร้อม............ผลิบาน
หอมกรุ่นกลิ่นเนิ่นนาน................ตราบเช้า
มวลหมู่ภู่ผึ้งปาน..........................หมายล่วง- เกินเฮย
คงต่างมุ่งใฝ่เฝ้า............................เพื่อได้เชยชม ฯ
..๏ สายเอยสายหยุดสิ้น...............หอมยาม- สายนา
กลิ่นจืดจางอย่างนาม...................ชื่อเจ้า
คงเป็นเช่นนิยาม........................ธรรมชาติ
หอมมิอาจคงเค้า..........................กลิ่นคลุ้งยามสาย ฯ
..๏ เปรียบความหอมแห่งเนื้อ.......นวลสงวน
สายบ่ายยิ่งเชิญชวน....................ชิดเชื้อ
แม้เหินห่างยังหวน......................คะนึงกลิ่น- กายแม่
หอมบ่จางกลิ่นเนื้อ......................แห่งน้องอรอนงค์ ฯ
..๏ เช้าสายบ่ายค่ำแล้ว..................ราตรี
หอมกรุ่นยิ่งยินดี..........................มากแล้
ดั่งความรักไมตรี...........................แม่ยุ- วดีเฮย
คงมิตรภาพมั่นแท้.........................บ่สิ้นสิเนหา ๚ะ๛
5 กรกฎาคม 2547 08:45 น.
อัลมิตรา
เรื่องมีอยู่ว่า ..
ชายผู้หนึ่ง หลงรักสาวที่เขาไม่มีสิทธิ์จะรัก
แต่ละวันที่ผ่านไป เขาพยายามแล้วที่จะหักห้ามความคิดในรักนี้
แต่ก็ไม่เคยสักครั้งที่จะเป็นผลสำเร็จ
จนกระทั่งวันหนึ่ง ..
ชายผู้นี้เดินไปเจอแผ่นไม้ ซึ่งเข้าใจว่าเคยเป็นฝากระดานบ้านมาก่อน
เห็นกระดาษแปะติดกับแผ่นไม้นั้น จึงหยิบขึ้นมาดู
เจอข้อความเขียนไว้เป็นกระดาษแปะที่แผ่นไม้นั่น
มีข้อความเขียนไว้ว่า จงอยู่กับความเป็นจริง
เพียงประโยคเดียวเท่านั้น ที่ทำให้ ชายผู้นั้นสะอื้นในอก ..
..๏ ยามที่ใจอ่อนแอเพราะแพ้พ่าย
ก้าวพลาดจากจุดหมายปลายทางฝัน
ดำเนินชีพเลื่อนไหลในแต่ละวัน
คงซากนั้นแต่ไร้สิ้นวิญญาณครอง
เหตุจากรักเกินหักแน่นหนักอก
จึงปลงตกเหตุผลด้วยกลสมอง
ขออยู่อย่างนัยจริงพึ่งพิงตรอง
แม้จะต้องทรมาข้าฯเข้าใจ
ด้วยความต่างจึงแตกแยกทางอยู่
ทั้งที่รู้ว่าปวดร้าวเศร้าเพียงไหน
แต่ยังคงเลือกทางอย่างเป็นไป
ทุกข์สาหัสเท่าใดใจยอมทน
เพราะหัวใจอ่อนแอจึงแพ้พ่าย
มองจุดหมายไกลห่างทางขัดสน
เศษชีวิตที่คงค่าความเป็นคน
จะต้องทนอีกเท่าใดในความจริง ๚ะ๛
25 มิถุนายน 2547 22:15 น.
อัลมิตรา
..๏ สองมือนอบน้อมวันทา.............จอมปราชญ์เมธา
เกริกเกียรติแกล้วกล้ากลอนกวี
เลิศล้ำสุนทรวาที...........................ช่ำชองกรณีย์
กลอนกาพย์โคลงฉันท์พรรณนา
บรรยายอุปมัยอุปมา......................เด่นชัดนักหนา
เกินกว่าผู้ใดในนคร
อีกร่ายฉันทลักษณ์อักษร...............ทฤษฎีด้านกลอน
ดุจสั่งดังสอนให้จำ ฯ
..๏ หลากเรื่องสนับสนุนคุณธรรม...เปรื่องปราดฉลาดนำ
ย้อนย้ำให้เห็นเป็นจริง
เดินเรื่องด้นรจนาอิง-......................อ้างรับสรรพสิ่ง
บ่ทิ้งรสความดำเนิน
รสคำไพเราะเสนาะเกิน..................ล้ำเลิศเพลิดเพลิน
คราวเกริ่นครั้งกล่าวย้ำยวน
บรรยายจำเริญเชิญชวน.................พร้อมพรั่งทั้งมวล
หลากล้วนชี้ชัดอัศจรรย์ ฯ
..๏ วิถีชีวาสามัญ............................ล้วนครบขบขัน
รังสรรค์นิทัศน์กาจกวิน
เป็นปราชญ์รัตนโกสินทร์...............สรรสร้างสมจินต์
บ่สิ้นชื่อเสียงสรรพนาม
คงอยู่คู่ฟ้าแดนสยาม......................จอมกวีนิยาม
น้อมนำเชิดชูครูกวี
แด่ท่านจอมปราชญ์เมธี..................โรจน์รุ่งกรุงศรี ฯ
ควรที่เคารพบูชา ฯ
..๏ ท่านสุนทร ภู่ สมัญญา..........คือชื่อฤๅชา
บ่ หาผู้ใดหมายเทียม
กาพย์กลอนฉันท์โคลงควรเคียม*.....น้อมนบสงบเสงี่ยม
ดวงจิตตั้งมั่นกตัญญู
ด้วยจิตแห่งข้า ฯ เชิดชู......................แด่ท่านบรมครู
ท่านสุนทร ภู่ จอมกวี
บังเกิดปัญญาบารมี...........................รจนาบทกวี
จงมีดั่งท่านกระนั้นเทอญ ๚ะ๛