3 สิงหาคม 2547 22:55 น.
อัลมิตรา
..๏ มองเมฆฝนบนฟ้าพาหวั่นไหว
คำของใครเคยสัญญาตอนหน้าฝน
เสียงกบเขียดเสียดแทงให้สุดทน
เหมือนเรียกคนอยู่ไกลให้กลับคืน
โอ้ ! ฝนเอยฝนพรำทำช้ำนัก
คราคนรักแปรผันใจฉันขื่น
คำเคยแน่แท้ให้ไม่ยั่งยืน
เขาคงกลืนกลับไป-คนใจดำ
กลางสายฝนหล่นรายร้ายรักนี้
ขออีกที-ร้องไห้..จนใจหนำ
เป็นสุดท้ายที่จะปลดเลิกจดจำ
ทิ้งถ้อยคำของใครให้สัญญา
แล้วจะอยู่สู้ฝนคนใจร้าย
อาจแผลพ่ายฝังรากยากรักษา
ก็จะยิ้มถึงแพ้แผ่เมตตา
ลืมรักลวงไร้ค่าลากันที ๚ะ๛
1 สิงหาคม 2547 11:01 น.
อัลมิตรา
++ รมณียรส ++
..๏ พัวพันรรรรักร่วม..................ใจรอน
กรต่อกรกุมกร...........................ก่ายกลุ้ม
ภุชงค์กระหวัดชร........................กลเช่น
แลเร่าระริกรุ่ม............................ผูกร้อนโรมรึง ฯ
..๏ คลึงคลอนบรบุษย์เบื้อง..........บานบง
ผึ้งผ้ายผ่ายผายพง.......................ปีกพล่าน
ผาณิตชิดแนบองค์......................อิงเอิบ
เริงกลั้วตลอดก้าน.......................กลัดสู้เกสร ฯ
..๏ ดอนรินดินชุ่มแช่ม................ชลธาร
กล้าสักปักดิ่งดาน........................เดาะแยก
หนามไหน่ไต่ระพาน...................วัชพืช
รกโร่ละเมาะแมก- .....................ไม้ปลูกปางไหน ฯ
..๏ โซมสินธุ์เสโทท่วม................ถึงพรหม
แรงรื่นอภิรมย์............................หลั่งหล้า
เกษียรสมุทรระดม..................... ดรงค์สาด
ทบท่าวฤทัยท่า...........................เทียบน้องนานฉนำ ๚ะ๛
++ ขุนกระบี่ ++
..๏ คมดาบตราบแอบซ่อน..........ในฝัก
คงไม่อาจแจ้งประจักษ์................ฤทธิ์แล้ว
หากยามเมื่อใครชัก....................ออกจาก- ฝักแฮ
ดาบจักแทงชีพแคล้ว...................มิดด้ามดาบคม ฯ
..๏ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง...........ปฐพี
ดาบดื่มเลือดกี่ที.........................ไป่สิ้น
ชักเข้าชักออกมี.........................โลหิต
โดนปักเสียบด่าวดิ้น....................ร่ำร้องครวญคราง ฯ
..๏ ดาบทื่อทื่อแต่เบื้อง................ปลายดาบ
หากแต่อาจกำราบ......................ทั่วหล้า
ยังสามารถฟันปราบ....................อีกฝ่าย นึงแล
ดาบทื่อท่านอย่าท้า.....................ว่าไร้สรรพคุณ ฯ
..๏ ชักทีมีเลือดคลุ้ง.....................เวหา
แทงยับใช่ชีวา.............................มอดม้วย
ดวงจิตมุ่งปรารถนา.....................รสดาบ- ทื่อแฮ
ขุนศึกต่างคึกด้วย........................ดาบนี้ตลอดกาล ๚ะ๛
++ สาง ++
..๏ ซ่อนพรางไพรพฤกษ์จ้อง.....โจนทะยาน
คว้าตะปบเหยื่อเพียงพราน.........ล่าเนื้อ
สบเขี้ยวคร่าสังขาร....................ทรายรุ่น
เอมโอชรสอาบเอื้อ....................โอษฐ์ด้วยเสน่หา ฯ
..๏ เย็นลมพาแผ่วพลิ้ว..............ยะเยือกกาย
พรมพร่ำหยาดพิรุณคลาย..........พิโรธฟ้า
หนาวใดกว่าหนาวดาย...............เดียวดั่ง นี้นอ
พายุอารมณ์ว้า..........................อกว้างหวั่นไหว ฯ
..๏ ดอมกลิ่นกายกรุ่นเจ้า..........จอมขวัญ
แก้มแนบแก้มนวลพรรณ..........พิลาสไล้
เคล้าเคลียร่างราวสวรรค์...........เสวยสุข
นาสิกกำซาบไซ้........................สนิทแก้มเนียนนาง ฯ
..๏ ครวญครางรินหลั่งน้ำ..........ตาทราย
งามเนตรดุจดาวราย.................เบิกค้าง
หนั่นเนื้อระริกกาย....................ระรัวสั่น
โลมลูบเลียร่างล้าง....................เลือดด้วยชิวหา ฯ
..๏ เอมโอชารสเนื้อ..................ทรายนวล
โลหิตโซมร่างยวน.....................ยั่วข้าฯ
หัวใจแผ่วยามจวน.....................จบชีพ
ควักออกกลืนช้าช้า.....................ชื่นแท้เพียงสวรรค์ ๚ะ๛
อาศรมชาวโคลง..
30 กรกฎาคม 2547 14:09 น.
อัลมิตรา
..๏ แดนดินถิ่นแว่นแคว้น........กันดาร
ซากปรักประภาคาร.................ซ่อนเร้น
ป่ารกปกครึ้มนาน....................นครสงบ
แฝงซึ่งศิลปะเน้น.....................อยู่ใต้ธรณี ฯ
..๏ ภูผาหินตั้งเด่น..................อัศจรรย์
ช่างสลักแสนรังสรรค์..............ซับซ้อน
รูปทรงบ่งพรสวรรค์.................ศิลป์ศาสตร์
นูนต่ำแกะจากค้อน.................เหล็กย้ำสะกัดทรง ฯ
..๏ อัปสรงามเลิศล้วน..............เริงระบำ
จำหลักรูปนูนนำ....................ต่างฟ้อน
หลากรูปลักษณ์ร่ายรำ.............เรียงส่าย- สะโพกเฮย
ปรากฏดั่งควรย้อน.................อดีตครั้งเรืองสมัย ฯ
..๏ ลายนูนดุนขึ้นรูป...............เทวา
เทียบทัศนะศิลป์พา.................ชื่นแท้
นารายณ์ลักษมีครา..................พิศเพ่ง
งามดั่งคงชีพแล้.......................สถิตเบื้องเมืองแมน ฯ
..๏ หินทรายหลายขนาดตั้ง......ตามทรง
ซ้อนทับรับเรียงคง...................เขตขั้น
เป็นปราสาทดำรง....................เกินสหัส- สวรรษแฮ
โดดเด่นเฉกชนชั้น.................เลิศด้วยบารมี ฯ
..๏ ขอบเขตอันกว้างใหญ่.......ไพศาล
งามวิจิตตระการ.....................อวดอ้าง
ยังแฝงซึ่งวิญญาณ..................ผู้เสก- สรรค์นา
เคยถูกปล่อยรกร้าง.................เช่นนี้มานาน ฯ
..๏ พันหมื่นแสนล้านต่าง.......เรียงราย
หินสลักจำหลักหลาย..............ขนาดนั้น
กำเนิดจากพลังกาย................แลจิต
เป็นปฏิมากรรมชั้น-...............เลิศล้ำงานศิลป์ ฯ
..๏ เทวาอารักษ์ล้วน................ดังคง- ชีพแล
ปกปักษ์รักษ์ยืนยง...................คู่ฟ้า
มวลมนุษย์ใดประสงค์.............ลักลอบ-ขายเฮย
จงสาปชนชั่วช้า......................สู่ก้นอเวจี ๚ะ๛
28 กรกฎาคม 2547 08:08 น.
อัลมิตรา
..๏ กาพย์ยานี ๑๑
..๏ กฎเกณฑ์ใช่เช่นกรง..........ที่ประสงค์จะกักกุม
ข่มเหงและครอบคลุม............ขังดวงจิตให้ติดตรวน
วางแบบเป็นขอบเขื่อน..........ข่มจิตเหมือนให้เรรวน
ครั้นขลาดจะกำสรวล..............แสนสลดปรากฏมี ฯ
..๏ สรรพสิ่งที่สิงสู่.....................ดวงจิตรู้แล้วหลีกหนี
อาจซ้ำและย่ำยี........................ให้พ่ายแพ้นิรันดร์กาล
รวนเรร่วมตอกย้ำ....................ดุจตามย่ำประจัญบาน
ขลาดเขลาราวรุกราน...............ดังลวงหลอกให้ลุ่มหลง ฯ
..๏ จองหองคะนองศักดิ์............ทรลักษณ์ทรนง
สิงสู่ดูมั่นคง............................หลอนจิตหลงไม่ตรงจริง
ควรมีเสรีภาพ.........................ให้ซึบซาบปลาบปลื้มอิง
น้อมรับสรรพสิ่ง......................อันปลดเปลื้องเครื่องโซ่ตรวน ฯ
..๏ จินตนาการแสนบรรเจิด.....จักบังเกิดผลตามควร
พินิจคิดใคร่ควร.....................การทั้งมวลล้วนเลิศแท้
ยืนหยัดองอาจเทอญ...............จักจำเริญยิ่งนักแล
โซ่ตรวนล้วนเป็นแค่................สิ่งบังคับกำกับใจ ๚ะ๛
..๏ อินทรวิเชียรฉันท์
..๏ กฎเกณฑ์ ฤ เช่นกรง...........และประสงค์จะย่ำยี
รุกรานหทัยที่............................ผิว์ขยาดและขลาดเขลา
คุกคามมิหวั่นเกรง....................ดุจเพ่งบ่ทำเนา
ข่มเหงและยั่วเย้า......................สติเร่าก็ลนลาน
..๏ หากดวงหทัยรน.................ดนุพลวิกลนาน
ดั่งคล้ายพระเพลิงผลาญ..........ธุระการสิบรรลัย
ควรคิดพินิจทัศน์......................นยะอัธยาศัย
อันต้องจริตใด..........................สละไร้อุปาทาน ฯ
..๏ กอปรกิจประสิทธิ์ผล..........อนุพนธ์พิเคราะห์การ
จักสุขเกษมศานต์....................ปณิธานสิสมปอง
กฎเกณฑ์มิเช่นกรง.................สุริคงจะไตร่ตรอง
ถ้วนสรรพสิ่งผอง....................นิติต้องประจักษ์จริง
..๏ เห็นชัดนิทัศน์แท้..............วิเคราะห์แลตระหนักอิง-
อ้างแบบบุราณสิ่ง-...................สรพันมินิ่งเฉย
หมั่นเร่งและพากเพียร............สิริเกียรติ์สิงอกเงย
ปรากฏละบือเผย.....................สิเจริญสถาพร ๚ะ๛
...ผู้เขียนตั้งใจเขียนถึงเรื่องความหวาดกลัวต่อกฏเกณฑ์ทั้งมวล...
...ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของนัก(อยาก)เขียนที่หวาดกลัวต่อกฏฉันทลักษณ์...
...รวมไปถึงกรอบกั้นขวางจินตนาการของตน...
...ทั้งนี้ ก็เพื่อสะกิดใจตัวเอง..เท่านั้น..มิบังอาจจาบจ้วงมโนผู้ใด...
23 กรกฎาคม 2547 23:51 น.
อัลมิตรา
ไทรเอยไทรโศก
ลมโกรกโยกคลอนทั้งกิ่งก้าน
ใบลู่บ้างรวนคล้ายลนลาน
ขับขานรันทดหาใดเทียม
หนาวเนื้อเหน็บในหทัยแท้
คงแต่คำนึงถึงเจ้าเรียม
เห็นไทรไหวเอนโอ้อกเจียม
แต่เปี่ยมใจภักดิ์สิเนหา
ลมพลิ้วเพรียกแผ่วอีกแล้วหนอ
ใคร่ขอพักพิงอิงพฤกษา
ฝากเอยพระพายจงพัดพา
แจ้งตรมอุราเกินข่มแล้ว
ฤๅน้องนวลงามทรามวัยเจ้า
คงเคล้าคลอเคียงคู่ขวัญแก้ว
ลืมเลือนคนไกลไร้วี่แวว
ไม่แคล้วดับดิ้นสิ้นใจเอย