3 กันยายน 2547 10:23 น.
อัลมิตรา
..๏ ภาพความรักยามวาดอาจสุขสันต์
แต่มหันต์ทุกข์จริงเมื่ออิงผล
หากกระโจนหลงใหลในกลอนกล
ฤๅจักพ้นสาเหตุอาเพศภัย
ต่างฐานะต่างศักดิ์ศรีเท่าที่เห็น
คือประเด็นปัญหาคราหวั่นไหว
ต่างสกุลเชื้อชาติอนาถใด
คงยากใกล้หากต่างจิตคิดสวนทาง
ด้วยปัญหามากมายนัยฉะนี้
อาจจะมีผลตามยามเมินหมาง
ยามหยิบยกกระเด็นกล่าวรวดร้าวพลาง
รักเลือนร้างเหือดหายกลายตัวตน
จึงทะนงความหมายคล้ายภูผา
แม้ฝนฟ้าโรมไปไม่เป็นผล
ยังตระหง่านงามสง่าคราเยือนยล
สำนึกตนเจียมรักจำหักใจ ๚ะ๛
2 กันยายน 2547 22:20 น.
อัลมิตรา
..๏ หากดวงใจเธอกล่อมพร้อมเงารัก
สายใยถักสิเนหาคราคิดถึง
โยงม่านมวลดวงดารามารำพึง
บวกความซึ้งศศิธรตอนคืนเพ็ญ
คำสัญญาจะรักไปในทุกชาติ
แสนประหลาดเหลือใจจึงใคร่เห็น
ฤๅเพียงกล่าวเพื่อมอบปลอบลำเค็ญ
ก่อนหลีกเร้นสลายความนิยามเคย
หากเราเพ้อเผลอใจไปเพียงนิด
อาจหลงผิดรักร้าวเศร้าอกเอ๋ย
สี่ในสี่ห้องหัวใจไม่มีเลย
คำเธอเอ่ยจริงหรือหลอกโปรดบอกที
ถึงแม้เธอเขียนกานท์หวานหยดย้อย
อ่านแล้วพลอยยิ้มรื่นชื่นสุขศรี
แต่จำต้องยั้งใจให้พอดี
กลัวรักนี้กลายเป็นลมชมเพียงคืน ๚ะ๛
2 กันยายน 2547 12:03 น.
อัลมิตรา
..๏ เห่เอย..เห่กล่อม........ถ้อยถนอมนฤมล
เทพไทจงดล..................สู่คนห่างไกล
ลมเอยพัดผ่าน..............วอนวานแถลงไข
หนึ่งเดียวในหทัย..........ห่วงใยหมายปอง
.....*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*.....
พิศดวงบุหลัน................รำพันเพ้อสนอง
ยามเจ้ายลตรอง..............เรืองรองภักดี
ดวงดาวแพรวพราย........ดื่นประกายรัศมี
แสงแห่งราตรี................สักขีมั่นคง
.....*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*.....
กลิ่นแก้วเจ้าจอม............เคยดอมลุ่มหลง
กระทบโสตพะวง..........ยามอนงค์ห่างไกล
คนละฝั่งฟ้า...................เจ้าอย่าหวั่นไหว
เรียงร่ายกานท์ไป..........หวังได้กล่อมนวล
.....*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*.....
โอละเห่..พี่กล่อม............เจ้าจอมสุขสรวล
ถวิลรอยรัญจวน..............คนึงหวนภิรมย์
หลับตาให้สนิท..............นฤมิตสุขสม
นยนะกระจ่างชม...........มโนสมจินตนา
.....*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*.....
ใยรักทอถัก.....................พร้อมภักดิ์สิเนหา
เป็นผ้าห่มครา.................นิทราสุขครอง
จุมพิตหน้าผาก...............ดุจฝากความสนอง
ห่างไกลใจปอง...............นวลน้องนิรันดร์ ๚ะ๛
.....*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*.....
........*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*........
จุ ม พิ ต เ ป ลื อ ก ต า........ห ลั บ เ ถิ ด ห น า จ อ ม ข วั ญ
เ จ้ า จ อ ม ด ว ง จั น ท ร์ ...จ อ ม ข วั ญ ก ร ะ ห ม่ อ ม ใ จ
........*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*........
1 กันยายน 2547 09:06 น.
อัลมิตรา
..๏ ริมคลองหนองน้ำยามฝน
หลากล้นปูปลาอาศัย
ปรงปอต่อยอดสอดใบ
หญ้าไทรพืชน้ำงามตา
โม่งน้อยคอยหลีกหลบเร้น
เมื่อเห็นมวลหมู่มัศยา
กบเขียดเรียดฉิวลิ่วมา
จักจั่นร่ำหาพนาไพร
พังพวยสวยสมชมชื่น
เริงรื่นผลิดอกออกใหญ่
บัวผันบัวเผื่อนเกลื่อนไป
สวยไสวชูช่อพองาม
ผักเป็ดกระเฉดแน่นหนา
เต็มนาปะปนล้นหลาม
ผักบุ้งแตกยอดสอดลาม
งดงามยามมองทั้งปวง
ปลากัดเริงล้อวนว่าย
หลากหลายแปลกตาท่าท่วง
อวดสีครีบหางพร่างพวง
หวังช่วงชิงคู่ดูเพลิน
ปลาเสือพ่นน้ำทำซุ่ม
จิงโจ้น้ำดุ่มดุจเหิน
แตะธารลิ่วล่องมองเมิน
จึงเผชิญเภทภัยในนา
รวงข้าวคราวลมโหมพัด
แกว่งกวัดโยกย้ายส่ายหา
เป็นเสียงไพเราะเสนาะพา-
อุรารื่นรมย์สมใจ
โอนอ่อนผ่อนผันสั่นคลอน
กลับย้อนตั้งต้นจนใหญ่
ตราบเมื่อรวงทองผ่องพิไล .
คงได้หมายชมสมจินต์ ๚ะ๛
30 สิงหาคม 2547 23:17 น.
อัลมิตรา
..๏ ฤาลำพังระหว่างเส้นเช่นทางฝัน
มีขอบคั่นจริง-ลวงช่วงอ่อนไหว
ครั้นบรรจงกลั่นกรองทำนองใจ
ด้วยหลงใหลร่ายรจน์ บทกวี
ย้ำหยดหมึกตรึกตรองพ้องอักษร
เป็นกาพย์กลอนฉันท์โคลงบ่งศักดิ์ศรี
ใช่เปรื่องปราดช่ำชองพ้องเมธี
เพียงผู้ที่หัดเขียนเลียนแบบครู
จำจดจารวรรณกรรมนำสื่อสาร
แม้กลอนกานท์ไร้ค่าน่าอดสู
ขอร่ายเรียงจินตนาการอันพร่างพรู
ด้วยความรู้ยังด้อยคอยพากเพียร
วอนเหล่าครูเมตตามาสอนสั่ง
ศิษย์จักฟังอรรถรสแล้วจดเขียน
ยากฤๅง่ายเพียงใดใคร่ร่ำเรียน
ด้วยคำเธียรล้ำค่ากว่าสิ่งใด
จักบรรจงบ่งความตามภาษา
แล้วรจนาเรียงร้อยถ้อยขานไข
อาจผิดเพี้ยนฉันทลักษณ์มากเพียงใด
ขออย่าได้มองเห็นเป็นเศษกลอน
ด้วยยังหมายขยายความตามใจหวัง
หากพลาดพลั้งเผลอบ้างโปรดสั่งสอน
อย่าเหนี่ยวรั้งอุดมการณ์ให้สั่นคลอน
แม้นบทกลอนเป็นดั่งเกร็ด ..เศษกวี.. ๚ะ๛