10 กันยายน 2547 13:46 น.
อัลมิตรา
..๏ นั่งให้ดีหน่อยน้องขอร้องเถิด
กระโปรงเปิดถึงเป้าเจ้าเห็นไหม
เขารู้หมดถึงขนาดอนาถใจ
กางเกงในสีเขียวแหมเปรี้ยวจริง
เห็นเสื้อน้องคับอกจึงอึดอัด
อยากช่วยจัดคัพใส่ให้น้องหญิง
โอ้โฟรโมสต์ล้นทะลักอยากทักติง
มันใหญ่ยิ่งหรือไรไยอวดจัง
ก็เนื้อน้องนูนเน้นเห็นตรงหน้า
จะปิดตาก็เสียดายคล้ายมนต์ขลัง
ไม่กลัวชายน้ำลายหยาดซูดซาดดัง
ไม่อินังเลยนะน้องจงตรองดู
พี่ก็เพียงผ่านตามามองเห็น
อย่าเพิ่งเข่นก่นด่าว่าหนวกหู
เพราะรักดอกบอกไว้ใจอุ้มชู
โปรดรับรู้เถอะน้องหญิงด้วยจริงใจ ๚ะ๛
9 กันยายน 2547 13:51 น.
อัลมิตรา
..๏ ขอเรียงร้อยถ้อยคำลำนำนี้
ณ คืนที่ฟ้าหม่นคนรักหาย
ดุจดวงดาวดับแสงแห่งเรือนกาย
เฉกจันทร์ฉายเลื่อนลับมิกลับเยือน
โอ้ตัวเราเฝ้าชะแง้แลจันทร์เจ้า
ใจโศกเศร้ายิ่งนักใครจักเหมือน
แลนภาเมฆหมอกกั้นพลันลางเลือน
ปกปิดเบือนมิให้เห็นเช่นเคยมอง
โอ้จันทร์เอยเคยชมภิรมย์คู่
บัดนี้อยู่เดียวดายใจกายหมอง
ณ ริมฝั่งธาราน้ำตานอง
ยังร่ำร้องถวิลหาคราครวญรอ
ริมโคนไทรในคืนอันขื่นขม
แว่วเสียงลมพัดอู้อดสูหนอ
กระทบกายหวั่นไหวไร้ใครคลอ
สายลมล้อเสียดไผ่ใจไหวเอน
เสียงลู่เรียงพริ้วไหวปานใจนี้
ชอกช้ำทวีเพียงใดใครจักเห็น
หนาวสะท้านปานว่าคราลำเค็ญ
ประหนึ่งเช่นไร้เดือนดาวสกาวพราย
โอ้ว่าไทรไหวโยกเหมือนโศกเสียง
ย้ำสำเนียงขื่นขมสุดข่มหาย
กิ่งก้านโกรกโยกแกว่งสำแดงกาย
สไบชายดูพลิ้วลิ่วลมลอย
ยินนกร้องหาคู่กู่ขานเสียง
แล้วคลอเคียงบินไปใจกลับหงอย
ช่างต่างกับตัวเราเฝ้าหลงคอย
กระต่ายจ้อยเทียมเราเศร้าเอกา
ขอลิขิตอักษรตอนจิตเหงา
คืนที่เราพ่ายพระจันทร์รำพันหา
ยามที่อยู่โดดเดี่ยวเปลี่ยววิญญาณ์
ประหนึ่งคนบ่นบ้าอาดูรครวญ
ที่ทำได้คือพร่ำไปให้ยินถึง
อาจซาบซึ้งกระทบจิตใครคิดหวน
จากเศษเสี้ยวความช้ำย้ำกลอนทวน
บ่งบอกถ้วนเรื่องจริงอิงสื่อนัย
เพราะเสียงแผ่วเพียงลมพรมพลิ้วผ่าน
จึงยากขานโน้มจิตมาชิดใกล้
ดุจดาวเดือนลางเลือนเสมือนไกล
คงร่ำไห้หมองหม่นทุกข์ทนรอ ๚ะ๛
...คื น นี้...
...ย า ม ร า ต รี ไ ร้ แ ส ง จั น ท ร์...
...ดั่ ง ใ จ เ ร า นั้ น... ห วั่ น ไ ห ว...
...แ ล ล ม ห ว น...ปั่ น ป่ ว น ใ จ...
...ช่ า ง เ ดี ย ว ด า ย... ไ ร้ เ ดื อ น ด า ว
9 กันยายน 2547 08:02 น.
อัลมิตรา
..๏ เห็นแสงแรงเงา......ขีดร่างสร้างเค้า............บอกเล่ากล่าวความ
เล่นแสงแปลงสี...........ควรที่ตรองตาม............สวยสดงดงาม
เมื่อยามยลชม
พู่กันมั่นหมาย............สีหลากมากหลาย...........ลักษณ์ลายเหมาะสม
บ่งเน้นเส้นชัด............คราวทัศนาชม.................ควรที่อภิรมย์
ชื่นชมสมใจ
ล้ำจินตนาการ..............เขียนป่าหิมพานต์............แสนสราญหฤทัย
มวลนางกินรี................ดรุณีไฉไล.........................เริงรำคล่ำไป
เขียนได้ดั่งจริง
แมกไม้ไพรวัลย์............รูปร่างต่างกัน..................สัตว์พลันพักพิง
กระเวนไพรไก่ป่า.........สกุณาแอบอิง..................เก้งกวางค่างลิง
พึ่งพิงเพลิดเพลิน ฯ
..๏ เห็นสระอโนดาต.....มากมวลปทุมชาติ.........ล้ำพิลาสเหลือเกิน
มัศยาแหวกว่าย.............หลากหลายนับประเมิน...งามล้ำจำเริญ
ควรเมิล*เพลินมอง
มากมวลมาลา................ผุดผ่องต้องตา..................ควรค่าครอบครอง
เผลอใจใคร่เด็ด.............ดอกเผล็ด*ชวนมอง........งามเฟื่องเรืองรอง
ไตร่ตรองตรึงตรา
อีกนางอัปสร..................อ้อนแอ้นอรชร..................ออดอ้อนเทวา
กระเซ้าเย้าแหย่..............เหลือบแลสบตา................มากมีสิเนหา
ต้องตาตรึงใจ
จิตรกรรมงามนัก...........คราเห็นเช่นประจักษ์.........เอกลักษณ์ของไทย
เส้นคมสมค่า.................ควรน่าพิศมัย......................เลิศล้ำงามพิไล
สุขใจเหลือเกิน ๚ะ๛
8 กันยายน 2547 15:01 น.
อัลมิตรา
..๏ อลังการผ่านฟ้า.................อโย- ธยาเฮย
เรืองรุจน์สุดภิญโญ..................โอ่อ้าง
ดุจพิษณุเทพเดโช...................นิรมิตร
ปราสาทราชฐานค้าง-..............โศลกหล้าเหลื่อมสวรรค์ ฯ
..๏ เศวตรฉัตรชั้น...................เฉิดเฉลิม
เฉกฉัพพรรณพราวเติม.............เดื่องด้าว
ยังเกียรติเกริกไกรเสริม.............ยศยิ่ง
ประดุจมัฆวานท้าว...................เทพไท้มไหศวรรย์ ฯ
..๏ จากอิฐนิดก้อนเนื่อง..........นับคณา
ปูนโบกทาบปิดทา...................แต่งแต้ม
จำหลักเจิดเพริศตา...................วิจิตร
เวียงวัดทัศน์สง่าแฉล้ม..............เฉกชั้นดาวดึงส์ ฯ
..๏ ทวยราษฏร์ปราศทุกข์ร้าว....นอนขม
สรรค์สุขเกษมภิรมย์..................ทั่วหล้า
ประกอบกิจการสม....................สำเร็จ
ใครใคร่ขายใดค้า.....................เกลื่อนร้านชานเรือน ฯ
..๏ สำเนียงเสียงหยอกเย้า........บรรลือ ขจรแฮ
โขนขับประโคมฮือ...................ห่อนร้าง
จอแจขวักไขว่ถือ.......................แขนเกี่ยว เมียงนา
สมโภชโรจน์อาจอ้าง.................ไป่ร้างกรุงศรี ฯ
..๏ สองมือถือธูปตั้ง..................เทียนถวาย
ผ่องผุดโกมุทผาย.....................จรดคิ้ว
หมายองค์พุทธพรรณราย.........งามยิ่ง
กำจัดนิวรณ์กริ้ว.......................เกลือกกลั้วอวิชชา ฯ
..๏ หากกาลผันผ่านพ้น..........นักษัตร
เมืองมิ่งกลับวิบัติ.......................คลาดคว้าง
ไตรลักษณ์ประจักษ์ชัด.............เฉกเช่น ธรรมเฮย
หาอยู่ดูสมอ้าง..........................เกลือกกลั้วมัวดิน ฯ
..๏ ยังเพลินเดินรอบรั้ว............เวียงวัง
หากจิตพิศดารยัง.....................ดั่งแกล้ง
โหยหาอดีตหลัง.......................กาลเก่า
อยุธยาพาแจ้ง...........................จิตรรู้ปริศนา- ธรรมเฮย ฯ
..๏ ยืนยงฤๅมอดม้วย...............ดุจกัน
สรรพสิ่งอาจพลิกผัน.................แผกดิ้น
คือธรรมแห่งสามัญ-..................ญลักษณ์
กำหนดปรากฏสิ้น.....................สืบได้นัยความ ฯ
..๏ ตาม...เมืองอันเฟื่องฟ้า.......อดีตกาล
รอย...ภาพจินตนาการ.............จิตยั้ง
ครู...เผยเอ่ยวิจารณ์.................ขอนบ- นอบนา
โคลง...คร่ำครวญอีกครั้ง...........ดั่งเอื้อนเยือนเมือง- เก่าเอย ๚ะ๛
7 กันยายน 2547 00:10 น.
อัลมิตรา
..๏ จินตนาการเถิดว่าเวลานี้
จักไม่มีสรวงสวรรค์ตระการไหน
มันง่ายนักหากเธอมิเผลอใจ
ครั้นจิตใฝ่ฟันฝ่าพยายาม
จินตนาการเถิดว่าเวลานี้
จักไม่มีขุมนรกให้อกหวาม
อีกที่สุดโลกหล้าคราตรองตาม
คงได้ความหากชำเลืองเบื้องล่างเรา
เพราะเบื้องบนตนหรือคือฟ้ากว้าง
แจ่มกระจ่างสดใสคลายอับเฉา
จินตนาการเถิดว่าประชาเรา-
ปราศโศกเศร้ายังยืนหยัดในปัจจุบัน
จินตนาการเถิดว่าอาณาจักร
จักตระหนักว่าประเทศไร้เขตกั้น
มิยากนักหากเราเข้าใจกัน
แล้วมุ่งมั่นฟันฝ่ามาร่วมทาง
ไม่มีเหตุเลศนัยใช้เข่นฆ่า
ปราศบีฑาผู้ใดใครขัดขวาง
ปราศคนเจ็บล้มตายไร้ครวญคราง
ไร้แนวทางลัทธิมิแบ่งใคร
ความแต่งต่างทางศาสน์มิอาจกั้น
อยู่ร่วมกันอย่างสันติต่างมีให้
จินตนาการเถิดว่าถ้าร่วมใจ
ทุกคนไซร้มีชีวิตจิตเสรี
จินตนาการเถิดว่าประชาชาติ
ล้วนมุ่งมาตรความสุขในทุกที่
ดำรงชีพแนวทางอย่างเสรี
แต่อาจมีผู้เห็นฉันเพ้อฝันไป
เธออาจคิดว่าฉันนั้นพร่ำเพ้อ
แต่หากเธอไตร่ตรองมองเงื่อนไข
มีเพียงฉันผู้หนึ่งซึ่งมั่นใจ
ฤๅมีใครยังหวังอย่างเดียวกัน
ยังปรารถนาว่าเธอจักร่วมด้วย
ต่างมุ่งช่วยก่อร่างสร้างความฝัน
ให้ปรากฏแจ้งจิตสัมฤทธิ์พลัน
แล้วโลกนั้นจะหลอมเป็นเช่นหนึ่งเดียว
จินตนาการเถิดหนาถ้าอำนาจ
สิทธิ์ผูกขาดต้องแตกแหลกเป็นเสี้ยว
ปราศผู้ชอบครอบครองปองผู้เดียว
เธอคงเหลียวเฉลียวจิตคิดแปลกใจ
เพราะหากเธอทำไปได้เช่นนั้น
ผู้โลภโมโทสันอันมักใหญ่
ผู้หิวโหยโรยแรงแห่งหนใด
จักหมดไปจากโลกคลายโศกตรม
ความถือพี่มีน้องต้องบังเกิด
สิ่งประเสริฐสรรสร้างอย่างเหมาะสม
จินตนาการเถิดหนาพารื่นรมย์
ความชื่นชมแบ่งปันพลันเกิดมี
คนทั้งมวลล้วนชอบมอบความรัก
ต่างร่วมภักดิ์สงบสุขทุกถิ่นที่
มีเมตตากรุณาเอื้ออารี
โลกเรานี้จักงดงามล้ำพิไล
( สร้อย ) เธออาจคิดว่าฉันนั้นพร่ำเพ้อ
แต่หากเธอไตร่ตรองมองเงื่อนไข
มีเพียงฉันผู้หนึ่งซึ่งมั่นใจ
ฤๅมีใครยังหวังอย่างเดียวกัน
ยังปรารถนาว่าเธอจักร่วมด้วย
ต่างมุ่งช่วยก่อร่างสร้างความฝัน
ให้ปรากฏแจ้งจิตสัมฤทธิ์พลัน
แล้วโลกนั้นจะหลอมเป็นเช่นหนึ่งเดียว ๚ะ๛