18 กุมภาพันธ์ 2548 08:36 น.

..๏ ลิงกับเสือ/ค้างคาวกินกล้วย

อัลมิตรา



..๏ แว่วเสียงเพลงยอกใจให้คิดถึง
กาลครั้งหนึ่งนานยิ่งมีลิงสาว
คอยหลอกเสือหลบเล่นเป็นเรื่องราว
ฝากดวงดาวเล่าขานไว้นานมา

เสียงบทเพลงไพเราะเสนาะนัก
แฝงความรักสดใสไร้เดียงสา
ฉายความสุขเป็นภาพอาบนัยน์ตา
ให้สมองแปลมาเป็นหัวใจ

หากบทเพลงแห่งรักมักจบเศร้า
เป็นเรื่องเคล้าน้ำตาน่าร้องไห้
ลิงกับเสือถูกค้างคาวเอาชื่อไป
ปล่อยหัวใจเสือคว้างกลางป่าดง

ลิงเห็นกล้วยถูกใจใช่ไหมหนอ
พอค้างคาวแบ่งรอก็เลยหลง
เสียงเพลงเศร้าของเราต้องจบลง
พร้อมเสียงลิงบอกปลงเถิดเสือไพร ๚ะ๛

 				
17 กุมภาพันธ์ 2548 11:07 น.

..๏ อวสานนักรัก-นักรบ

อัลมิตรา



..๏ รับรู้จากถ้อยคำที่พร่ำหา
ช่างใจกล้าจริงหนอพ่อจอมขวัญ
จากซมซานบุกเดี่ยวเที่ยวหาอัล
แม้ห่างไกลเพียงนั้นยังฝันรอ

ทั้งที่โดนตอกกลับยับเยินเจ็บ
หลากคำเหน็บหยามไปไม่กลัวหนอ
ยังยิ้มสู้เรื่อยไปหวังได้คลอ
มิเคยท้ออดทนรักดลใจ

ยอมหน้าด้านต่อกรออดอ้อนรัก
เป็นนักรัก-นักรบสยบให้
กระทั่งมอบชีวันจนบรรลัย
ฝ่าฟันภัยด้วยจิตพิศวาทเรา

หลากหนที่แพ้พ่ายในกลศึก
กลับเหิมฮึกสู้ไปไม่คิดเขลา
แม้ถูกตีราคาปัญญาเบา
ด่าโง่เง่าคำก่นยอมทนฟัง

จนถึงวันสุดท้ายให้คำตอบ
ความรักมอบประจักษ์ใจในหนหลัง
จวบสิ้นฟ้าสิ้นดินชีวินพัง
เราคงดั่งมิตรเก่าหยอกเย้ามา

ขอจบกลอนตอบคำย้ำบินเดี่ยว
หากคิดเกี้ยวเพราะใจใคร่เสน่หา
ให้จดจำคำนี้ที่สัญญา
ตราบสิ้นฟ้าสิ้นดินมืสิ้นกัน ๚ะ๛




				
17 กุมภาพันธ์ 2548 08:25 น.

..๏ แล้ง ( สัญญาชาวนา )

อัลมิตรา



๑. 
..๏ บึงหนองคลองงวดให้.........แตกระแหง 
ผงฝุ่นปนดินแดง...................ตลบฟุ้ง 
ลมระอุพัดรุนแรง....................ผ่าวผ่าน 
ยังจิตพลันหวาดสะดุ้ง.............สิ่งร้ายหมายเยือน ฯ 
๒. 
..๏ วัวควายรายรอบล้วน.........หิวกระหาย 
มวลหมู่สัตว์มากมาย..............อ่อนล้า 
หนองบึงซึ่งกลับกลาย............แห้งผาก 
ฤๅเทพบนเมืองฟ้า..................สาปให้กรรมหนุน ฯ 
๓. 
..๏ ชีวิตคนสัตว์ต้อง...............ตรอมตรม 
ชวนสลดทุกข์ระทม...............อกไข้ 
เดินตากแดดตากลม.............แสนหม่น-  หมองเฮย 
พืชผักต่างเกรียมไหม้.............หมดสิ้นประดาตัว ฯ 
๔. 
..๏ ชาวนาพาร่างไร้................ความหวัง 
เดินผ่านนาปีปรัง..................เหือดแห้ง 
หมดเรี่ยวแรงกำลัง................บุกบั่น 
ทนทุกข์ถูกฝนแล้ง.................รุกล้ำย่ำยี ฯ 
๕. 
..๏ เคียวคราดผุกร่อนสิ้น.......ความคม 
ไถแอกกองทับถม.................หักสะบั้น 
หมวกงอบกรอบโดนลม.........กรรโชก  ร่วงแฮ 
เรือนซากเถียงนานั้น............ปลวกล้อมรุมทะลวง ฯ 
๖. 
..๏ ชาวนามาหมดสิ้น.............วิญญาณ  แล้วเฮย 
ภัยพิบัติหักหาญ.....................พ่ายแพ้ 
สินทรัพย์ต่างอันตรธาน..........จนหมด 
มีแต่ความท้อแท้....................มากหนี้ทวีคูณ ฯ 
๗. 
..๏ จำนองนาได้จาก.............บรรพชน 
ปลุกเรี่ยวแรงดิ้นรน..............ต่อสู้ 
ความอดอยากยากจน............ตามหลอก-  หลอนแฮ 
พลัดพรากจากมวลผู้..............อยู่เหย้าเฝ้าเฮือน ฯ 
๘. 
..๏ หวังตายเอาดาบหน้า.........พเนจร 
หมายมุ่งยังมหานคร..............จรัสฟ้า 
ทำงานเช่นกรรมกร................บ่เกี่ยง-  ใดเฮย 
เบาหนักจักทนถ้า..................หากได้เงินทอง ฯ 
๙. 
..๏ อาบเหงื่อต่างน้ำบ่............โทษชะตา 
เนื่องจากบุญวาสนา...............เก่าน้อย 
อีกไร้ซึ่งปริญญา.....................มาสมัคร-  งานเฮย 
มีแต่กำลังข้อย.......................แลกด้วยแรงงาน ฯ 
๑๐. 
..๏ เก็บหอมรอมริบไว้...........ทำทุน 
หวังช่วยเหลือเจือจุน.............ถิ่นเหย้า 
กอรปการอย่างหัวหมุน..........สุจริต 
คนอยู่เฮือนคงเฝ้า..................ต่างชะเง้อคอยหา ฯ 
๑๑. 
..๏ รอวันพลิกแผ่นพื้น-...........พสุธา 
กลับสู่ไร่ผืนนา.......................รกร้าง 
วอนภาครัฐเมตตา...................คนยาก 
โปรดช่วยเหลือข้อยบ้าง...........อย่าได้วางเฉย ฯ 
๑๒. 
..๏ นโยบายฤๅปากพลั้ง............เผลอมา 
เคยอวดโอ่วาจา.......................กล่าวไว้ 
 หางานหมดเงินมา................บอกรัฐ 
ยามทุกข์ยากเจ็บไข้..................ช่วยได้ทันที  ฯ 
๑๓. 
..๏ มองนาพาจิตช้ำ.................ทบทวี 
ความทุกข์ยากมากมี...............บีบคั้น 
หาใครช่วยบ่มี.......................ใครยื่น-  มือเฮย 
คงแต่วัวควายนั้น...................แสยะยิ้มยืนมอง ๚ะ๛



				
14 กุมภาพันธ์ 2548 16:04 น.

..๏ อยากให้รักเป็นเช่นนกไฟ...

อัลมิตรา


..๏ ข้างกองไฟในคืนดื่นดาวนั้น
มีเธอฉันเคียงคู่ดูสุขสม
ดาวดวงโน้นดวงนี้ชี้ชวนชม
ไม่อกตรมเหมือนวันนี้ที่จากลา

อบอุ่นในคืนหนาวคราวไฟสุม
ก่าย,กอด,กุม กันไว้ในปรารถนา
แม้หมดฟืนเปลวดับแสงลับตา
เพลิงสวาทยังจ้าจุนเจือใจ

ความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกินคาดฝัน
กลายเป็นวันต้องซ่อนความอ่อนไหว
มิอาจหวังคนเอื้อเติมเชื้อไฟ
ต้องปล่อยให้รักนี้ริบหรี่ลง

ถ้าความรักเรานี้เป็น Phoenix
สองปีกพลิกพลิ้วตามความประสงค์
ที่ทุกเมื่อเติมพลังดังจำนง
ชีพยืนยงเพียงร่างอาบกลางไฟ ๚ะ๛

				
14 กุมภาพันธ์ 2548 11:37 น.

..๏ ไม่สำนึกเสียที

อัลมิตรา


..๏ แค่คนเชียร์มากมายหลากหลายหน้า
เลยอวดกล้าคึกคะนองประลองสู้
โถ ! ..ไก่อ่อนเพิ่งสอนขันริพันตู
ก่อนจะกู่ไม่กลับยับยั้งใจ

หว่านคารมเฝ้าภักดิ์หลงรักข้า
ทำปากกล้ารำพันว่าฝันใฝ่
แม้ขุนเขาทะเลขวางหนทางไกล
มิหวั่นไหวอุตส่าห์ฝ่าผจญ

นี่นะหรือ ! .. ทหารหาญชำนาญเวท
นี่นะหรือ ! .. สาเหตุและเหตุผล
นี่นะหรือ ! .. ผู้กล้ามาร่ายมนต์
นี่นะหรือ ! .. หมากกลวางวนเวียน

ก็แค่กลอนพาไปไร้รสชาติ
ยังบังอาจด้านหน้าหลับตาเขียน
ฟังแล้วคล้ายคลุ้มคลั่งคงนั่งเทียน
แล้วจิตเพี้ยนอวดกล้ามาท้ารัก

หากยังไม่สำนึกในเงาหัว 
มิเกรงกลัวจงจำย้ำแน่นหนัก 
กระบี่ของข้านั้นมิทันชัก
เพียงแค่ฝักสะบัดไปเจ้าตายแล้ว ๚ะ๛



				
Calendar
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัลมิตรา
Lovings  อัลมิตรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอัลมิตรา