14 เมษายน 2548 13:49 น.
อัลมิตรา
...แด่เจ้านางฟ้าตัวน้อย
..๏ ชีวิตและจิตใจ.........................ดำรงได้เพราะมีเจ้า
ลมปราณอันแผ่วเบา....................ของนงเยาว์ดั่งเยียวยา-
เพื่อให้ได้ดำรง.............................อย่างยืนยงมั่นคงมา
คราใดได้ชายตา...........................มองใบหน้าอันผ่องพรรณ ฯ
..๏ รอยยิ้มที่เย้ายวน.....................ยิ่งเชิญชวนให้ใฝ่ฝัน
ยามเจ้านิทราครัน.........................ความผูกพันธ์ดั่งเพิ่มพูน
ตราบเมื่อเจ้าพลัดพราก.................ดั่งกระชากชีพดับสูญ
โศกาและอาดูร..............................บ่เสื่อมสูญจางหายไป ฯ
..๏ งามงอนเจ้าจรจาก..................ด่วนพลัดพรากไปแดนไกล
พร้อมฝันอันอำไพ........................ที่อยู่ในหัวใจนวล
อดีตกาลอันผ่านพ้น......................ข้า ฯ คงตนบ่กำสรวล
อยู่ได้อย่างสมควร.........................เพราะเนื้อนวลร่วมชีวี ฯ
..๏ ชีวิตและจิตใจ..........................ดำรงได้เพราะสิ่งนี้
ตราบเมื่อได้รู้ดี..............................ว่าไม่มีเจ้าเคียงกาย
ยอมรับกับความจริง.......................สรรพสิ่งต้องเสื่อมคลาย
สัมพันธ์นั้นห่างหาย.......................ต้องเดียวดายอย่างโศกา ฯ
..๏ สูญเสียเจ้าไปแล้ว...................คงไม่แคล้วต้องห่วงหา-
อาวรณ์ยิ่งนำพา............................ให้จิตข้า ฯ นั้นหมองตรม
คำนึงถึงคราวก่อน.........................ครั้งงามงอนอยู่เคียงสม
วันคืนแสนรื่นรมย์..........................ยังชื่นชมตราบเนิ่นนาน ฯ
..๏ สัมพันธ์อันเลอค่า....................ติดตรึงตราทุกวันวาร
ความรักสมัครสมาน......................ยังกังวานแว่วในกมล
ข้า ฯ นั้นบ่หมายปอง.....................แม้แต่ต้องหลับตาตน
ฤๅแม้แต่จำนน-.............................ต่อนิทราทุกคราไป ฯ
..๏ เนื่องด้วยดวงจิตข้า ฯ...............เฝ้าคะนึงหาและอาลัย
ถึงเจ้ายอดดวงใจ...........................อย่างห่วงไยทั้งผูกพัน
แลข้า ฯ บ่ปรารถนา.......................รำลึกหาสิ่งใดนั้น
คราใดเมื่อได้ฝัน............................ถึงเจ้านั้นยิ่งอาวรณ์ ฯ
..๏ ความฝันอันเปี่ยมสุข...............แท้คือทุกข์ตามหลอกหลอน
อ้างว้างทั้งบั่นทอน-.......................ซึ่งจิตข้า ฯ พาร้อนรน
มิเป็นเช่นความคิด........................ให้สัมฤทธิ์ประสิทธิ์ผล
ด้วยจิตติดวังวน..............................ยังเปี่ยมล้นสิเนหา ฯ
..๏ ติดบ่วงห้วงคำนึง.....................ดุจติดตรึงทุกครั้งครา
ถึงน้องผ่องโสภา...........................ทุกเพลามิเว้นวาง
อีกข้า ฯ บ่ประสงค์........................จิตจำนงถึงทุกอย่าง
ดวงใจคล้ายเคว้งคว้าง..................การปล่อยวางช่างยากเย็น ฯ
..๏ สิ่งหนึ่งซึ่งขวางกั้น-.................จิตเจ้านั้นให้เปลี่ยนเป็น-
กำลังดั่งเคี่ยวเข็น..........................แปรความเห็นเป็นผิดไป
จิตเจ้าราวต่อต้าน...........................อีกทัดทานซึ่งเยื่อใย
ยิ่งเกิดความแคลงใจ.....................ว่าสิ่งใดเจ้าใฝ่ฝัน ฯ
..๏ ข้า ฯ ยังเฝ้าปรารถนา.............ให้พบพาสิ่งมหัศจรรย์
สิ่งใดเจ้าใฝ่ฝัน.............................ขอสิ่งนั้นคือตัวข้า
ขอให้ ฯ ได้จุมพิต.........................ทั้งดวงจิตที่ปรีดา
ประทับ ณ เปลือกตา.....................ด้วยสิเนหาสุมทรวงใน ฯ
..แด่เจ้าดวงใจ
..๏ จิตน้อมพร้อมเคารพ................ขอนอบนบซึ่งพระไตร-
โลกเชษฐ์ที่ทรงให้........................สองเราได้เคียงใกล้กัน
และข้า ฯ เพียงประสงค์................จิตจำนงจงใจมั่น
เยื่อใยสายสัมพันธ์.......................ให้เรานั้นเป็นคู่ครอง ฯ
..๏ ผูกสนิทและชิดเชื้อ..................อีกโอบเอื้อเกื้อปรองดอง
ตลอดไปไม่ขุ่นข้อง.......................นิจนิรันดร์มั่นในกมล
ข้า ฯ นั้นบ่หมายปอง.....................แม้แต่ต้องหลับตาตน
ฤๅแม้แต่จำนน-..............................ต่อนิทราทุกคราไป ฯ
..๏ เนื่องด้วยดวงจิตข้า ฯ..............เฝ้าคะนึงหาและอาลัย
ถึงเจ้ายอดดวงใจ...........................อย่างห่วงใยทั้งผูกพัน
แลข้า ฯ บ่ปรารถนา.......................รำลึกหาสิ่งใดนั้น
คราใดเมื่อได้ฝัน............................ถึงเจ้านั้นยิ่งอาวรณ์ ฯ
..๏ ความฝันอันเปี่ยมสุข..............แท้คือทุกข์ตามหลอกหลอน
อ้างว้างทั้งบั่นทอน-......................ซึ่งจิตข้า ฯ พาร้อนรน
มิเป็นเช่นความคิด.......................ให้สัมฤทธิ์ประสิทธิ์ผล
ด้วยจิตติดวังวน.............................ยังเปี่ยมล้นสิเนหา ฯ
..๏ ติดบ่วงห้วงคำนึง....................ดุจติดตรึงทุกครั้งครา
ถึงน้องผ่องโสภา..........................ทุกเพลามิเว้นวาง
อีกข้า ฯ บ่ประสงค์.......................จิตจำนงถึงทุกอย่าง
ดวงใจคล้ายเคว้างคว้าง................การปล่อยวางช่างยากเย็น ฯ
..๏ ใจหนึ่งไม่ปรารถนา-..............คะนึงหาฤๅพบเห็น-
รอยยิ้มของใครเป็น-....................เสมือนประเด็นเช่นเล่ห์ลวง
ทั้งยังไม่ประสงค์..........................จิตจำนงจงใจห่วง-
คิดถึงซึ่งรอยลวง..........................คือจุมพิตติดตรึงตรา ฯ
..๏ คงเป็นการเหมาะสม.............หากพระพรหมให้พรมา
ได้สุขสมปรารถนา......................เพื่อ เจ้า - ข้า ฯ อยู่เคียงกัน
ดำรงจงใจภักดิ์............................เพื่อพิทักษ์รักคงมั่น
ใกล้ชิดจิตสัมพันธ์.......................ทุกคืนวันบ่เสื่อมคลาย ฯ
..๏ สัมผัสอาจรู้ซึ้ง.......................แสนคำนึงถึงความหมาย
ว่าเจ้าบ่กลับกลาย........................ฤๅห่างหายความผูกพันธ์
ดวงจิตบ่คิดอื่น.............................ยังยั่งยืนบ่แปรผัน
ข้า ฯ ยังยืนหยัดมั่น.....................ในคืนวันที่หมุนเวียน ฯ
..๏ บ่สิ้นสิเนหา..........................ห้วงเวลาแม้แปรเปลี่ยน
ชีวิตแม้นจวนเจียน.....................ยังพากเพียรในบัดดล
ข้า ฯ นั้นบ่หมายปอง..................แม้แต่ต้องหลับตาตน
ฤๅแม้แต่จำนน-...........................ต่อนิทราทุกคราไป ฯ
..๏ เนื่องด้วยดวงจิตข้า ฯ.............เฝ้าคะนึงหาและอาลัย
ถึงเจ้ายอดดวงใจ.........................อย่างห่วงใยทั้งผูกพัน
แลข้า ฯ บ่ปรารถนา.....................รำลึกหาสิ่งใดนั้น
คราใดเมื่อได้ฝัน..........................ถึงเจ้านั้นยิ่งอาวรณ์ ฯ
..๏ ความฝันอันเปี่ยมสุข..............แท้คือทุกข์ตามหลอกหลอน
อ้างว้างทั้งบั่นทอน-......................ซึ่งจิตข้า ฯ พาร้อนรน
มิเป็นเช่นความคิด........................ให้สัมฤทธิ์ประสิทธิ์ผล
ด้วยจิตติดวังวน.............................ยังเปี่ยมล้นสิเนหา ฯ
..๏ ติดบ่วงห้วงคำนึง.....................ดุจติดตรึงทุกครั้งครา
ถึงน้องผ่องโสภา..........................ทุกครั้งครามิเว้นวาง
อีกข้า ฯ บ่ประสงค์........................จิตจำนงถึงทุกอย่าง
ดวงใจคล้ายเคว้งคว้าง...................หมายปล่อยวางช่างสับสน ฯ
..๏ ข้า ฯ นั้นบ่หมายปอง..............แม้แต่ต้องหลับตาตน
ฤๅแม้แต่จำนน-............................ต่อนิทราทุกคราไป
เนื่องด้วยดวงจิตข้า ฯ...................เฝ้าคะนึงหาและอาลัย
ถึงเจ้ายอดดวงใจ..........................อย่างห่วงใยทั้งผูกพัน ฯ
..๏ แลข้า ฯ บ่ปรารถนา................รำลึกหาสิ่งใดนั้น
คราใดเมื่อได้ฝัน...........................ถึงเจ้านั้นยิ่งอาวรณ์
ความฝันอันเปี่ยมสุข....................แท้คือทุกข์ตามหลอกหลอน
อ้างว้างทั้งบั่นทอน-......................ซึ่งจิตข้า ฯ พาร้อนรน ฯ
..๏ มิเป็นเช่นความคิด..................ให้สัมฤทธิ์ประสิทธิ์ผล
ด้วยจิตติดวังวน.............................ยังเปี่ยมล้นสิเนหา
ติดบ่วงห้วงคำนึง...........................ดุจติดตรึงทุกครั้งครา
ถึงน้องผ่องโสภา...........................ทุกครั้งครามิเว้นวาง ฯ
..๏ อีกข้า ฯ บ่ประสงค์.................จิตจำนงถึงทุกอย่าง
ดวงใจคล้ายเคว้งคว้าง.................หมายปล่อยวางช่างสับสน
ข้า ฯ นั้นบ่หมายปอง...................แม้แต่ต้องหลับตาตน
ฤๅแม้แต่จำนน-.............................ต่อนิทราทุกคราไป ฯ
..๏ ด้วยข้า ฯ บ่ประสงค์...............จิตจำนงฤๅฝันใฝ่
ด้วยคะนึงถึงไฉไล.......................ตราบนิรันดร์ไม่จืดจาง ๚ะ๛
10 เมษายน 2548 23:19 น.
อัลมิตรา
..๏ โอ้เดือนดารา.....เสาวลักษณ์นักหนา.....จรัสจ้าวับวาว
เกาะกลุ่มเคียงกัน...เฉิดฉันพรรณพราว...แจ่มกระจ่างกลางหาว
เมื่อคราวค่ำคืน
..๏ ครั้นจ้องตรองตาม.....หมดจดงดงาม.....ยังความสดชื่น
เกิดจินตนาการ..... ตลอดกาลยั่งยืน.....เดือนดาวดาษดื่น
ให้ระรื่นชื่นพลัน
..๏ งดงามพริ้งเพริศ.....ฉวีวรรณบรรเจิด.....ล้ำเลิศเฉิดฉัน
พร่างระยิบพริบระยับ.....ราวกับอวดประชัน.....เปล่งแสงสะคราญครัน
แต่บรรพกาลมา
..๏ เคลื่อนคล้อยลอยเด่น....พริ้มพิลาสชัดเจน...บริเวณเวิ้งนภา
ล้วนระเรื่อเหนือใต้.....เพริศพิไลโสภา.....รัศมีวิภาดา
จรัสฟ้าจรดดิน ฯ
..๏ เดือนดาวทั้งผอง.....แสนพิสุทธ์ผุดผ่อง.....ยรรยองทั้งสิ้น
อยู่ฟ้าเบื้องบน.....ให้นรชนคนดิน.....ได้ชมสมจินต์
จวบสิ้นชีวี
..๏ โอ้เดือนดารา.....เคยอยู่คู่ฟ้า.....ทุกคราราตรี
กลับเคลื่อนเลื่อนคล้อย.....ล่องลอยจรลี.....ร้างเร้นเช่นหนี
หลบลี้โรยรา
..๏ จากฟ้าสู่ดิน.....ก่อนงามโศภิน.....กลับสิ้นวาสนา
ร่วงสู่ปฐพี.....มากมีเหลือคณา......เคว้งคว้างร้างลา
ยังข้าฯอาลัย
..๏ คลาดคล้อยลอยละลิ่ว......เป็นแนวแถวทิว.....พุ่งลิ่วจากไกล
ตกดินถิ่นแปลก......บ้างแหลกแตกไป.....หมดค่าทันใด
อย่างไม่ยั่งยืน ฯ
..๏ จบสิ้นแล้วหนา.....มวลเดือนดารา.....ร่วงฟ้าลาคืน
ตำแหน่งแหล่งที่.....เคยมีดาษดื่น......มิอาจขัดขืน
หรือฝืนกฎเกณฑ์
..๏ รุ่งโรจน์อาจร่วง......เดือนดาวทุกดวง.....จากสรวงสู่เลน
ก่อนเลิศเจิดจ้า.....คู่ฟ้างามเด่น.....ถึงวิบัติชัดเจน
กรรมเวรบันดาล
..๏ แม้นใคร่ปรารถนา.....ให้เดือนดารา.....ทั่วนภาจักรวาล
ใฝ่ฝันมั่นคง.....ยืนยงตลอดกาล.....กลับต้องอวสาน
อันตรธานสาบสูญ
..๏ โอ้เดือนดารา.....อนุจินต์ถวิลหา.....โศกาอาดูร
ความจริงสิ่งสรรพ์.....อาจผันแปรศูนย์.....แม้นงามจำรูญ
เสื่อมสูญได้เสมอ ฯ
..๏ ยศสุขสรรเสริญ-.....ลาภล้ำจำเริญ.....หากเพลินอาจเผลอ
อำนาจวาสนา.....จงอย่าเหิมเห่อ.....ครั้นประสบพบเจอ
คงเสมอเหมือนกัน
..๏ สุริยันจันทร์ดาว......สถิตห้วงสรวงหาว.....ถึงคราวแปรผัน
สิ้นค่าราศี.....รัศมีดับพลัน.....ผลกรรมตามทัน
เช่นฉะนั้นไตรลักษณ์
..๏ ไม่จีรังยิ่งยืน.....เปลี่ยนแปลงเป็นอื่น.....ขัดขืนนิ่งนัก
คราวสนุกสุขใจ.....ควรได้ตรองตระหนัก.....แจ้งใจให้ประจักษ์
ทุกข์มักเยี่ยมเยียน
..๏ เช่นของยืมเขา.....มิใช่ของเรา.....รุกเร้าเบียดเบียน
พบพรากจากลา.....วาสนาแปรเปลี่ยน.....ลาภยศปลดเกษียณ
หมุนเวียนวกวน ฯ
..๏ ชีวิตสั้นนัก.....ตกสู่ไตรลักษณ์....ตามหลักเหตุผล
กำเนิดเกิดแล้ว.....ไม่แคล้วรวยจน.....สุขเศร้าเคล้าระคน
ทุกคนทุกครา
..๏ พึงสร้างกรณีย์.....ภาระหน้าที่.....อย่างมีปัญญา
ชำระสะสาง.....ทุกอย่างอย่าช้า.....พินิจกิจจา
จักพาเปรมปรีดิ์
..๏ ยามรุ่งโรจน์นั้น.....หากหลงระเริงครัน.....ลืมหมั่นทำดี
ด้วยประมาทพลาดพลั้ง.....เมื่อครั้งบารมี.....เสื่อมสิ้นศักดิ์ศรี
คงมีตรอมใจ
..๏ ดุจเดือนดารา.....ส่องสว่างกระจ่างฟ้า.....หมดค่ายังได้
ชีวิตเรานั้น.....หากผันแปรไป.....อ้างอิงสิ่งใด
เหลือไว้สัจจธรรม ๚ะ๛
10 เมษายน 2548 21:46 น.
อัลมิตรา
..๏ กล้าหรือเปล่า ? ..หากกล้าเชิญมาใหม่
จะทำใจเหมือนยอมน้อมรับขวัญ
กลัวไหมล่ะ ? ..หากอกหักเลิกรักกัน
แม้นมิหวั่นพ่อนักเลงเกรงสิ่งใด
อ้างดีกรีความกล้ามาแต่เด็ก
โถ !.. เรื่องเล็กแค่เนี๊ยะเฮียว่าใหญ่
ผลการเรียนแสนกระจอกลอกเรื่อยไป
เอาอะไรวัดค่าควรท้าฤๅ
อ้างคาถาของขลังขมังเวท
คุณไสยเหตุอวิชชาบ้ายืดถือ
พ่อลิเกเร่รักมักเล่าลือ
ควรฝึกปรือจนเชี่ยวชาญค่อยหาญมา
อ้างร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำย่ำมาแล้ว
แค่เส้นแนวแผนที่นิ้วชี้หรา
เฮ้อ ! ..จอมโวโม้มากหลากลีลา
อย่าชักช้า..เก่งไม่กลัวมัวเหนียมไย๚ะ๛
8 เมษายน 2548 17:15 น.
อัลมิตรา
..๏ บังอาจเป็นมาเฟียทั้งเมียผัว
จะเกรงกลัวอาญาก็หาไม่
เที่ยวข่มเหงชาวบ้านระรานไป
อวดศักดายิ่งใหญ่ไร้คุณธรรม
เรียกเก็บค่าคุ้มครองผยองนัก
ใครท้วงทักเหมือนท้าภัยมากล้ำ
มึงแข็งขืนต้องปราบให้หลาบจำ
มันก่อกรรมอวดกร่างกลางธานี
ส่วย !.. ส่วย !.. ส่วย !.. ห่วยแตกเปรตแดกส่วย
มาเฟียรวยแต่พ่อค้าล้าเหลือที่
ฉกต้นทุนปล้นกำไรไล่ต่อยตี
ทรามสิ้นดีพวกจัญไรภัยสังคม ๚ะ๛
7 เมษายน 2548 08:46 น.
อัลมิตรา
โคลงสี่สุภาพ
..๏ ยามวสันต์ตกทั่วฟ้า...................แดนดิน
บ่ขาดแคลนคราวสลิล*................... หลั่งให้
ไหลมาสู่ธรณิน...............................จนเจิ่ง - นองนา
มวลพืชพันธุ์กล้าไม้....................... ป่าล้วนเขียวขจี ฯ
..๏ งามพฤกษชาติต่างโยก- ............เยกตาม
แรงลมอุททาม*ยาม........................แยกย้าย
กิ่งช้อยชดงดงาม............................ใบระบัด
ปรากฏแกว่งขวาซ้าย......................จรดก้านก่ายเกย ฯ
..๏ ลดหลั่นรวนล้วนลู่....................ตามลม
ปั่นป่วนหันเหผสม........................ส่วนสะเทื้อน
มวลแมกไม้ชวนชม.......................นำสุข
ปราศจากทุกข์ระทมเปื้อน-.............เปรอะให้ตรมใจ เราแล ฯ
..๏ รื่นรมย์นักเนื่องได้..................ทัศนา
ควรจักร่วมปรึกษา.........................รักษ์ได้
สมควรเร่งรีบมา............................เพื่อพิทักษ์- ดูแล
เขาป่าพันธุ์พืชไว้..........................อย่าให้คนระยำ ผลาญเอย ฯ
กาพย์ฉบัง ๑๖
..๏ ยามวสันต์ตกทั่วฟ้าแดน..........ดินบ่ขาดแคลน
คราวสลิล*หลั่งให้ไหลมา
สู่ธรณินจนเจิ่งนองนา..................มวลพืชพันธุ์กล้า-
ไม้ป่าล้วนเขียวขจีงาม ฯ
..๏ พฤกษชาติต่างโยกเยกตาม........ ลมเริ่มอุททาม*
ยามแยกย้ายกิ่งช้อยชด
งดงามใบระบัดปรากฏ....................แกว่งขวาซ้ายจรด
ก้านก่ายเกยลดหลั่นรวน ฯ
..๏ ล้วนลู่ตามลมปั่นป่วน................หันเหผสมส่วน-
สะเทื้อนมวลไม้ต่างชวนชม
นำสุขปราศจากทุกข์ระทม..............เปื้อนเปรอะให้ตรม
ใจเราแลรื่นรมย์นัก ฯ
..๏ เนื่องได้ทัศนาควรจัก-...............ร่วมปรึกษารักษ์
ได้สมควรเร่งรีบมา
เพื่อพิทักษ์ดูแลเขาป่า-.....................พันธุ์พืชไว้อย่า-
ให้คนระยำผลาญเอย ๚ะ๛