21 มิถุนายน 2548 14:19 น.
อัลมิตรา
...ฉันอาจไม่มีเวลาเหลือ สำหรับวันพรุ่งนี้
...ฉันจึงทำทุกอย่างวันนี้ให้ดีที่สุด สำหรับเรา
...อย่างน้อย คำว่าคนเคยคุณเคย
...ก็จะยังฝังลึกในใจของเธอ
...ให้เธอระลึกเสมอ...
...เพื่อเธอจะได้หลับตาย้อนไปถึงคืนวันที่งดงาม
...ฉันอาจไม่มีเวลาเหลือ สำหรับวันพรุ่งนี้
...ขอเถอะคนดี อย่าเอ่ย อย่าตั้งคำถาม
...รักเท่านั้นจะแทรกซึมเรา ไปทุกโมงยาม
...และอย่าปราม...
...เพราะฉันไม่สามารถหักห้ามน้ำตา
...ฉันอาจไม่มีเวลาเหลือ สำหรับวันพรุ่งนี้
...และ เท่าที่เป็นไป เท่าที่มี ทุกวินาที จึงมีคุณค่า
...เพียงหนึ่งใจ ที่ฉันเคยได้ เมื่อก่อนนั้นมา
...ยังปรารถนา จะเป็นเช่นนั้น...ตลอดไป
...ฉันอาจไม่มีเวลาเหลือ สำหรับวันพรุ่งนี้
...ฉันจะทำทุกอย่างให้ดี เพื่อที่เธอจะไม่ต้องร่ำไห้
...เมื่อถึงเวลา ฉันจะลาจากไกล
...แต่โปรดรู้ไว้...หัวใจยังคงอยู่กับเธอ
...ฉันอาจไม่มีเวลาเหลือ สำหรับวันพรุ่งนี้
...ขอให้เธอคนดี จดจำคำนี้ไว้เสมอ
...ฟังสิ คำที่เธออยากได้ยิน . .
...ฉันรักเธอ..ฉันรักเธอ.....
...ถึงแม้ว่าที่ผ่านมา
...เธอเคยเก้อ พร่ำเพ้อเพียงผู้เดียว
17 มิถุนายน 2548 08:09 น.
อัลมิตรา
๑.
..๏ ปล่อยใจให้พลิ้วปลิวลม
เบิกฟ้านภาพรหม
สูงลิ่วเริงรมย์สมฤดี
ปล่อยใจอิสระเสรี
สุขเกษมเปรมปรีดิ์
เกินที่พรรณนาสาธยาย
มุ่งสู่สรวงสวรรค์พรรณราย
รุกล้ำกล้ำกลาย
คาดหมายพบสิ่งมหัศจรรย์
แทรกสู่เมฆาสารพัน
เสมือนม่านแพรพรรณ-
พิลาสอัศจรรย์งามจริง ฯ
๒.
..๏ ลึกลับซับซ้อนจนประวิง
หวาดระแวงในสิ่ง-
แอบสิงซุกซ่อนหลอนลวง
เกินหยั่งชั่งใจทั้งปวง
เกรงจิตติดบ่วง
เล่ห์ร้ายในปวงเมฆา
พุ่งผ่านยิ่งสะท้านอุรา
แม้นมาดปรารถนา
ยิ่งประหม่ายังประเมินเหตุการณ์
ร้อนรุ่มคลุมจิตพิสดาร
สับสนลนลาน
ซาบซ่านทั้งสนุกสุขแสน ฯ
๓.
..๏ อัสนีลือเลื่องเมืองแมน
ปรากฏทดแทน
ทั่วแดนอึกทึกครึกโครม
ลมพลันกรรโชกโกรกโพยม
ฤๅสวรรค์บรรโลม
หักโหมห้าวหาญกระนั้นเอง ?
ร้อนผ่าวหนาวสั่นหวั่นเกรง
สับสนอลเวง
โคลงเคลงเคลื่อนคล้อยลอยลำ-
บ้างสะเทือนเลื่อนลั่นพลันนำ-
ลำบากตรากตรำ
ยิ่งย้ำความสุขปลุกใจ ฯ
๔.
..๏ เสียดสีบรรยากาศไป
เสียงสนั่นทันใด
เหตุไฉนร้อนผ่าวหนาวเย็น
มวลเมฆเสกสรรธารกระเซ็น
หลั่งชโลมให้เห็น
แท้เป็นเช่นฉะนี้แลฤๅ
อัสนีสาปสั่งพลางระบือ
สรวงสวรรค์บันลือ
หัวตื้อทั้งตัวตื่นตะลึง
สยิวกายไฉนกันมั่นตะบึง
ฝ่าเสียงอื้ออึง
ปานประหนึ่งซึ่งให้ใจคะนอง ฯ
๕.
..๏ เบื้องลึกนึกชอบตอบสนอง
ด้วยใจใคร่ลอง
แคล่วคล่องเคว้งคว้างกลางนภา
เมฆแยกแตกรูปแปลกตา
ชวนให้หรรษา
แผลงท่าฉวัดเฉวียนเวียนวน
ผาดโผนโจนทะยานซ่านกมล
กลางเมฆแลฝน
หนาวร้อนคละระคนจนสะท้าน
ล่วงกาลผ่านยามสำราญ
เริงระรื่นชื่นบาน
ซาบซ่านพลันสุขสนุกนัก ฯ
๖.
..๏ เครื่องบินโฉบเฉี่ยวให้ประจักษ์
แม้นนึกคึกคัก
แล้วจักพักเครื่องผ่อนคลาย
จึงได้ถลาเลี้ยวดังหมาย
พ้นเมฆประปราย
ผ่านสายวสันต์ก่อนร่อนลง
ปรากฏการณ์นี้ยังคง
ชวนให้ใจหลง
ยิ่งประสงค์อีกครั้งดั่งเดิม
ความสุขสนุกนั้นพลันเสริม-
สร้างให้ใจเหิม
ขอเริ่มขึ้นเครื่องอีกคราว ๚ะ๛
15 มิถุนายน 2548 22:46 น.
อัลมิตรา
..๏ จักดำรงคงอยู่ด้วย............ปรารถนา
วอนอย่าเอ่ยคำลา..................เยี่ยงนั้น
เสมือนมีดกรีดใจพา..............ระทมทุกข์ ยิ่งเฮย
ขอแม่อย่าบีบคั้น...................จิตข้า ฯ ขอวอน ฯ
..๏ พลัดพรากจากแม่แล้ว......เสมือนดับ ชีพแล
ไยแม่บ่คืนกลับ.....................ร่วมห้อง
เสมือนหนึ่งแม่ฟันสับ...........จิตแหลก ละเอียดเฮย
คงมิอาจร่ำร้อง......................แม่ให้หวนคืน ฯ
๑.
..๏ ข้าฯขอพยากรณ์........ว่างามงอนต้องจรไกล
ครานี้ยิ่งแน่ใจ............... .ถึงอย่างไรจำร้างลา
แว่วเสียงสำเนียงแห่ง-... หีบผ้าแปร่งแทงอุรา
กังวานบีบคั้นข้า ฯ........... ดั่งคำลาพธูงาม ฯ
๒.
..๏ ดวงใจที่แหลกสลาย...ดุจหลั่งสายโลหิตลาม
ร้าวระทมทุกย่ำยาม.........ยิ่งคุกคามให้คร่ำครวญ
แม่พร่ำพรรณนา.............เอาไว้ว่ารักทั้งมวล
สัตย์จริงยิ่งสมควร..........ทุกสิ่งล้วนแลมั่นคง ฯ
๓.
..๏ นั่นกลับบันดาลให้- ..ข้า ฯ ตรอมใจมิปลดปลง
เสมือนแม่ฟันดาบลง-.....ซึ่งประสงค์ให้สิ้นใจ
แม่เปรยเอ่ยรำพัน............เคยโศกศัลย์ยิ่งเพียงใด
ครวญคร่ำทั้งร่ำไห้...........น้ำตาไหลดั่งสายธาร ฯ
๔.
..๏ และเมื่อถึงบัดนี้.........แม่บ่มีจิตสงสาร
ครั้นคำนึงอดีตกาล..........ทุกข์ร้าวรานยิ่งย่ำยี
แม่จึงมิปรารถนา.............ความโศกาบรรดามี
จึงจากพรากจรลี.............แล้วหลบลี้มิเหลียวแล ฯ
๕.
..๏ ทิ้งข้า ฯ ร้าวระทม....ทั้งนอนซมตรมดวงแด
ดั่งทุกข์ท่วมทับแล้...........ให้พ่ายแพ้จมน้ำตา
อีกทั้งแม่จอมขวัญ...........บ่เคียงกันดั่งก่อนมา
คงมีแต่เพียงข้า ฯ.............อยู่เอกานิรันดร ฯ
๖.
..๏ ตั้งจิตอธิษฐาน............ทั้งกราบกรานเพื่อขอพร-
พระศาสดาวราหร*..........เพื่อบังอรโปรดปราณี
เพียงแม่เอื้ออภัย..............สักคราให้ได้คืนดี
ยังหวังสร้างไมตรี............เหมือนคราวมีที่เคียงกัน ฯ
๗.
..๏ ข้า ฯ ขอดำรงอยู่.......เพื่อพธูเป็นคู่ขวัญ
ถ้อยความทั้งห้านั้น...........นี้มุ่งมั่นเป็นสัญญา
ขอให้เป็นคำสัตย์..............ที่บ่งชัดบ่มุสา
ยึดมั่นปฏิญญา...................ตราบสิ้นฟ้ากว่าสิ้นดิน ฯ
๘.
..๏ ยามเจ้านั้นหายใจ.......จักอยู่ใกล้ยุพาพิน
เป็นลมระรวยริน...............เพื่อชีวินแม่ดำรง
ข้า ฯ ขอดำรงอยู่................เพื่อพธูเป็นมั่นคง
ขอแม่รู้ความตรง-...............แท้เที่ยงตรงสิเนหา ฯ
๙.
..๏ ข้า ฯ ขอดำรงกาย..........ฤๅแม้นหมายม้วยมรณา
หากแม่นั้นปรารถนา..........เช่นนั้นข้า ฯ พร้อมยอมพลี
หมายใจเอื้อมไขว่คว้า........สุริยาเรืองฤทธี
กำนัลแด่ดรุณี......................หมายแม่นี้จักต้องใจ ฯ
๑๐.
..๏ ถ้อยความที่พร่ำบอก.....เพียงภายนอกบอกเล่าไป
มิเทียบเทียมความใน........เบื้องลึกใจที่เปี่ยมรัก
มิอาจทดแทนกัน................ความรักอันแจ้งประจักษ์
ถ้อยวลีที่มากนัก................เทียบความรักยังด้อยแล ฯ
๑๑.
..๏ ข้า ฯ จักดำรงอยู่............เพื่อพธูบ่ผันแปร
ข้า ฯ รู้อยู่จริงแท้..................อีกทั้งแม่ย่อมทราบความ
เราสองบ่มีทุกข์...................ต่างเคยสุขทุกย่ำยาม
คืนวันอันงดงาม..................เดือนปีข้ามนำสุขสันต์ ฯ
๑๒.
..๏ แต่ทว่ามาบัดนี้...............สุขเคยมีมลายพลัน
สิ้นความสมานฉันท์...........สายสัมพันธ์สะบั้นแล้ว
มิอาจฉุดรั้งใจ.....................รื้อฟื้นให้ได้คงแนว-
ทางรักดั่งเศษแก้ว................พลั้งพลาดแล้วบาดอุรา ฯ
๑๓.
..๏ ข้า ฯ เองมิบังอาจ..........ให้สัตยวาทแก่ขวัญตา
วันพรุ่งรุ่งแจ้งมา.................จักพบว่าเป็นเยี่ยงใด ?
ทั้งข้า ฯ มิอาจซื้อ.................แลฉุดยื้อวันวานได้
คงต้องให้เป็นไป................ปลดปล่อยใจให้ตามกรรม ฯ
๑๔.
..๏ แลแม่เฉิดไฉไล..............ย่อมแจ้งใจในสัจธรรม
ว่าข้า ฯ นั้นต้อยต่ำ................บ่สูงล้ำฐานันดร
แม้ด้อยแลติดดิน...................ยังบ่สิ้นถวิลวอน
ปรารถนามิสั่นคลอน............รักงามงอนตราบกาลนาน ฯ
๑๕.
..๏ ในยามแม่กระหาย.........ข้า ฯ ยังหมายเป็นสายธาร
เชิญแม่สรงสนาน................ยิ่งชื่นบานดื่มกินไป
ยามแม่ใคร่เมามาย.............ยังมุ่งหมายเป็นเมรัย
ลิ้มลองต้องพอใจ..................หวังเพียงให้แม่สุขสันต์ ฯ
๑๖.
..๏ ข้า ฯ ขอดำรงอยู่...........เพื่อพธูเป็นคู่ขวัญ
ถ้อยความทั้งห้านั้น...............นี้ขอมั่นเป็นสัญญา
ขอให้เป็นคำสัตย์..................ที่บ่งชัดบ่มุสา
ยึดมั่นปฏิญญา......................ตราบสิ้นฟ้ากว่าสิ้นดิน ฯ
๑๗.
..๏ ยามเจ้านั้นหายใจ...........จักอยู่ใกล้ยุพาพิน
เป็นลมระรวยริน...................เพื่อชีวินแม่ดำรง
ข้า ฯ ขอดำรงอยู่....................เพื่อพธูเป็นมั่นคง
ขอแม่รู้ความประสงค์............แท้เที่ยงตรงสิเนหา ฯ
๑๘.
..๏ ข้า ฯ ขอดำรงกาย.............ฤๅแม้นหมายม้วยมรณา
หากแม่นั้นปรารถนา.............เช่นนั้นข้า ฯ พร้อมยอมพลี
หมายใจเอื้อมไขว่คว้า...........สุริยาเรืองฤทธี
กำนัลแด่ดรุณี........................หมายแม่นี้จักต้องใจ ฯ
๑๙.
..๏ ถ้อยความที่พร่ำบอก........เพียงภายนอกบอกเล่าไป
มิเทียบเทียมความใน...........เบื้องลึกใจที่เปี่ยมรัก
มิอาจทดแทนกัน...................ความรักอันแจ้งประจักษ์
ถ้อยวลีที่มากนัก...................เทียบความรักยังด้อยแล ฯ
๒๐.
..๏ จักมีชีวิตอยู่......................เพื่อพธูบ่ผันแปร
หมายใจให้ตัวแม่..................รู้ความแท้เจตจำนง
อีกทั้งข้า ฯ มิอาจ...................ฤๅสามารถอยู่ดำรง
อยู่นั้นเป็นมั่นคง...................ยามนวลอนงค์นั้นรื่นรมย์ ฯ
๒๑.
..๏ ข้า ฯ คงมิสามารถ...........ฤๅบังอาจปลอบโยนชม
ยามแม่ร้าวระทม...................ฤๅตรอมตรม ณ ที่ใด
สัตย์จริงมิอยากพลาด...........ซึ่งโอกาสความสุขใจ
งานวันอุบัติสมัย...................แห่งไฉไลทุกครั้งครา ฯ
๒๒.
..๏ โอ้แม่นวลนงเยาว์...........ข้า ฯ ใฝ่เฝ้าแลปรารถนา
เพื่อได้ทัศนา-.......................ยามขวัญตาเป่าเทียนพลัน
ข้า ฯ ขอดำรงอยู่................เพื่อพธูเป็นคู่ขวัญ
ถ้อยความทั้งห้านั้น..............นี้ขอมั่นเป็นสัญญา ฯ
๒๓.
..๏ ขอให้เป็นคำสัตย์............ที่บ่งชัดบ่มุสา
ยึดมั่นปฏิญญา......................ตราบสิ้นฟ้ากว่าสิ้นดิน
ยามเจ้านั้นหายใจ................จักอยู่ใกล้ยุพาพิน
เป็นลมระรวยริน..................เพื่อชีวินแม่ดำรง ฯ
๒๔.
..๏ ข้า ฯ ขอดำรงอยู่..............เพื่อพธูเป็นมั่นคง
ขอแม่รู้ความประสงค์...........แท้เที่ยงตรงสิเนหา
ข้า ฯ ขอดำรงกาย..................ฤๅแม้นหมายม้วยมรณา
หากแม่นั้นปรารถนา.............เช่นนั้นข้า ฯ พร้อมยอมพลี ฯ
๒๕.
..๏ หมายใจเอื้อมไขว่คว้า.....สุริยาเรืองฤทธี
กำนัลแด่ดรุณี........................หมายแม่นี้ ฯ จักต้องใจ
ถ้อยความที่พร่ำบอก..............เพียงภายนอกบอกเล่าไป
มิเทียบเทียมความใน...........เบื้องลึกใจที่เปี่ยมรัก ฯ
๒๖.
..๏ มิอาจทดแทนกัน...........ความรักอันแจ้งประจักษ์
ถ้อยวลีที่มากนัก.................เทียบความรักยากเปรียบกัน
ข้า ฯ ขอดำรงอยู่..............เพื่อพธูเป็นคู่ขวัญ
ถ้อยความทั้งห้านั้น............นี้ขอมั่นเป็นสัญญา ฯ
๒๗.
..๏ ขอให้เป็นคำสัตย์.........ที่บ่งชัดบ่มุสา
ยึดมั่นปฏิญญา....................ตราบสิ้นฟ้ากว่าสิ้นดิน
ยามเจ้านั้นหายใจ..............จักอยู่ใกล้ยุพาพิน
เป็นลมระรวยริน................เพื่อชีวินแม่ดำรง ฯ
๒๘.
..๏ ข้า ฯ ขอดำรงอยู่...........เพื่อพธูเป็นมั่นคง
ขอแม่รู้ความประสงค์.........แท้เที่ยงตรงสิเนหา
ข้า ฯ ขอดำรงกาย................ฤๅแม้นหมายม้วยมรณา
หากแม่นั้นปรารถนา..........เช่นนั้นข้า ฯ พร้อมยอมพลี ฯ
๒๙.
..๏ หมายใจเอื้อมไขว่คว้า....สุริยาเรืองฤทธี
กำนัลแด่ดรุณี........................หมายแม่นี้ ฯ จักต้องใจ
ถ้อยความที่พร่ำบอก.............เพียงภายนอกบอกเล่าไป
มิเทียบเทียมความใน...........เบื้องลึกใจที่เปี่ยมรัก ฯ
๓๐.
..๏ มิอาจทดแทนกัน............ความรักอันแจ้งประจักษ์
ถ้อยวลีที่มากนัก..................เทียบความรักยากเปรียบกัน
ข้า ฯ จักดำรงอยู่..................เพื่อพธูเป็นคู่ขวัญ
ครองรักตราบนิรันดร์..........ขอจอมขวัญโปรดแจ้งใจ ๚ะ๛
14 มิถุนายน 2548 11:34 น.
อัลมิตรา
..๏ เถอะมาฟังเรื่องราวอันเศร้าสร้อย
ทบทยอยความรันทดเก็บกดกลั้น
ล้วนบทเรียนชอกช้ำมารำพัน
หลังเสียขวัญหลงคว้างทางมืดมน
ที่ผิดพลาดเหตุเพียงไร้เดียงสา
เปลืองเวลาจมกับความสับสน
จากเด็กสาวซื่อใสเชื่อใจคน
จึงทุกข์ท้นแทบบ้าทุกนาที
หลงยึดถือศรัทธาคำว่ารัก
มารู้จักใจชายเมื่อหน่ายหนี
พอร่างสาวถูกตรารอยราคี
คำหวานที่ลวงล่อก็ร้างไกล
เขาเชยชมจนหนำย่ำยีสาว
ผ่านชั่วคราวชั่วมื้อ(รักหรือใคร่)
ฉันกลับมอบทั้งตัวและหัวใจ
สมควรไหมที่ต้องน้ำนองตา
จากเก็จแก้วกลับกลายแค่ทรายหยาบ
ซ้ำมีคราบอัปยศจนหมดค่า
ถูกผู้คนคอยหมิ่นคอยนินทา
ไม่เมตตายังทำเหมือนซ้ำเติม
ฉันเหมือนเจ็บไม่จำผิดซ้ำซาก
เพราะหลังจากครั้งแรกแผลแทรกเพิ่ม
หัวใจที่ท้อถอยเดินรอยเดิม
แค่อยากเริ่มอีกคราเพื่อสาใจ ๚ะ๛
9 มิถุนายน 2548 07:45 น.
อัลมิตรา
..๏ มีอำนาจบาตรใหญ่ใช้คำสั่ง
จึงแต่งตั้งให้ดำรงตรงหน้าที่
สร้างผลงานนโยบายให้เด่นดี.
ครองตำแหน่งรัฐมนตรีที่เลิศเลอ
เจ๋งครับพี่,ดีครับนาย,ได้ครับผม
ช่างเหมาะสมครับท่าน,ดูหวานเสมอ
ล้วนประเคนน้ำคำนำปรนเปรอ
หากพลั้งเผลองานพลาดอาจเด้งพลัน
ครั้นโองการสะท้านฟ้ามาฟาดใส่
ต้องถูกไล่จากยศศักดิ์ที่รักฝัน
ถูกลงโทษตราหน้ามารับทัณฑ์
ผลลัพธ์อันผิดพลาดมิอาจอภัย
ต้องถูกแขวนแขนขามัดตราสัง
ด้วยความหวังลางเลือนสิ้นเงื่อนไข
เสร็จจากนาฆ่าโคถึกนึกเศร้าใจ
เสร็จศึกไยฆ่าแม่ทัพดับชีวี
ดั่งเป็ดไก่รอมีดมากรีดตัว
แม้นหวาดกลัวเพียงใดใคร่หลบหนี
ต้องอับจนหนทางช่างโศกี
ฤๅความดีเก่าก่อนไม่ย้อนมา
ทุ่มเททั้งพลังกายหมายสืบสาน
สร้างผลงานด้วยตระหนักแม้นหนักหนา
แสนเหนื่อยใจอ่อนแรงและโรยรา
กลับต้องมารับโทษทัณฑ์ดาบบั่นคอ ๚ะ๛