23 กรกฎาคม 2548 00:40 น.
อัลมิตรา
..๏โอ้นวลจันทร์พรรณพราวสกาวพร่าง
ไม่จืดจางความงามแม้นยามไหน
ครั้นเพ่งมองทุกคราวราวแจ้งใจ
ปรากฏในเบื้องลึกให้ตรึกตรอง
มีดาวรายพรายล้อมอ้อมจันทร์ฉาย
เปล่งประกายแสนสะพรั่งไปทั้งผอง
พร่างระยิบพริบระยับรับเรืองรอง
แต่งจันทร์ผ่องให้งามยามค่ำคืน
แสนรัดทดสลดใจมิใช่น้อย
ด้วยหลงคอยหมายปองจำต้องฝืน
อดีตกาลตอกย้ำให้กล้ำกลืน
เนื้อความอื่นมากมายคล้ายหลอนกัน
..จันทร์เจ้าขา...ปรากฏงดงามนัก
แจ่มประจักษ์หัวใจใฝ่สุขสันต์
ขอสร้อยแหวนมุกดาวิลาวัณย์
อีกแพรพรรณมอบให้ด้วยไมตรี..
แท้ทั้งมวลล้วนหลอกจนชอกช้ำ
เพียงเอ่ยคำมอบไว้แล้วหลีกหนี
ปล่อยให้ต้องเศร้าใจไม่ไยดี
ลืมราตรีประดับดาวราวไร้ใจ
ถ้อยไพเราะเสนาะนักมักเสกสรร
มาพลิกผันบิดเบือนสิ้นเงื่อนไข
ลำพังต้องมองจันทร์อันอำไพ
ทุกข์ท่วมใจโดดเดี่ยวเปลี่ยวอุรา
ความเคว้งคว้างครอบงำย่ำยีจิต
ดั่งยาพิษแพร่กระจายหมายเข่นฆ่า
ต้องจมปลักรักลวงบ่วงมายา
..จันทร์เจ้าขา...รู้ไหมใจระทม..
คืนที่ฟ้ากระจ่างใสได้จันทร์แต่ง
ผู้หนึ่งที่ล้าแรงแฝงขื่นขม
เพียงหนึ่งหวังจากใจให้คลายตรม
พรจากจันทร์แม้นแล้งลมก็สมใจ ๚ะ๛
19 กรกฎาคม 2548 11:54 น.
อัลมิตรา
..๏ ยามที่ใจอ่อนแอยอมแพ้พ่าย
สู้แทบตายยังไม่ถึงแม้กึ่งฝัน
จะคาดหวังกำลังใจจากไหนกัน
แต่ละวันหวาดผวาจนชาชิน
แพ้กับแพ้ผ่านมาจนน่าเบื่อ
หมดความเชื่อโรยแรงใจแหว่งวิ่น
ปล่อยน้ำตาให้หยดรดผืนดิน
เผื่อดื่มกินต่างน้ำคงหนำใจ
กี่เจ็บช้ำซ้ำซากแทบอยากล้ม
อกเฝื่อนขมกลับขืนว่ายืนไหว
หวังแค่คอยปล่อยกาลล่วงผ่านไป
ฟ้าคงใสอีกหนหลังฝนซา
เคยมีรักให้รอก่อความหวัง
ก่อนฝันพังพินาศจบปรารถนา
เมื่อความจริงทุกแง่ตีแผ่มา
ฉันมีค่าแค่ใบไม้...ใครก็เมิน ๚ะ๛
18 กรกฎาคม 2548 08:35 น.
อัลมิตรา
..๏ มูลเหตุโศกโชคชะตาที่ถาโถม
เพี้ยงพายุรุกโรมบุกโหมใส่
เราอาภัพเหลือเกินจะเกริ่นใด
ดุจเรือใบลอยคว้างกลางทะเล
มรสุมรุมซ้ำกระหน่ำซัด
ครั้นคลื่นอัดกระแทกลำทำเรือเห
เหมือนชีพเราโดนกระทำย่ำจนเซ
ก็ทั้งเพเพียงตรองยิ่งหมองใจ
ด้วยมิอาจล่องลำข้ามเกาะแก่ง
ปราศเรี่ยวแรงบังคับขับแก้ไข
เรือลำน้อยพลิกคว่ำ ณ ทันใด
ฝันของเราสูญไปในบัดดล
"ศรัทธา"แม้นเปรียบไว้เรือใบน้อย
หางเสือคอยกำกับยามสับสน
เอาความรัก,ความหวังสั่งใจตน
เหมือนมีมนต์ไล่ทุกข์ที่รุกทรวง
หากแต่เราสุดระทมขื่นขมนัก
เมื่อความรักติดหล่มปมใหญ่หลวง
เรื่องรันทดสลดใจใดทั้งปวง
เกิดจากบ่วงทุกข์สาหัสเพราะ"..ศรัทธา.." ๚ะ๛
15 กรกฎาคม 2548 11:39 น.
อัลมิตรา
..๏ ฤๅตัวเรายากไร้ในคุณค่า
ใครจะมาผูกมิตรสนิทสนม
อ้างว้างกลางทุกข์โศกโลกโสมม
ซ่อนความตรมตรอมใจไว้ผู้เดียว
ก็แค่ฅนไขว่คว้าคอยล่าฝัน
ที่ด้นดั้นเคว้งคว้างอย่างโดดเดี่ยว
ฝันของเราจะมีใครสนใจเชียว
ยากหาใครแลเหลียวนอนเดียวดาย
นับวันแรงบันดาลใจได้ถดถอย
รักที่เฝ้ารอคอยด้อยความหมาย
มีชีวิตอยู่ลำพังซังกะตาย
คงซากกายแต่ไร้จิตผิดแผกฅน
มากจริงหนอทุกข์ผจญโศกล้นหลาม
พบแต่ความคับแค้นแสนสับสน
หนึ่งหัวใจแหลกยับเพราะอับจน
เป็นแค่ฅนไม่สำคัญ อั ล มิ ต ร า ๚ะ๛
13 กรกฎาคม 2548 15:25 น.
อัลมิตรา
..๏ ส่ ง ส า ย ต า สื่ อ นั ย ห วั ง ใ ห้ รู้
ฝื น ยิ้ ม สู้ ทั้ ง ที่ ฉั น ก็ ห วั่ น ไ ห ว
ป า ก ที่ ยิ้ ม คื อ แ ย้ ม แ ก ม เ ล ศ นั ย
ร อ ร ส จู บ ลู บ ไ ล้ ใ จ สั่ น รั ว
สบสายตาพาให้ใจระทึก
ความรู้สึกหวิวหวั่นซ่านไปทั่ว
โอบกายเธอเข้าติดประชิดตัว
อย่าหวาดกลัวมัวเขินสะเทิ้นอาย
ในอ้อมกอดกลับรู้สึกนึกประหม่า
มิค่อยกล้าเพราะกลัวตัวเสียหาย
จำใจเบี่ยงจากวงแขนแสนเสียดาย
เพียงซุกกายซาบซึ้งหนึ่งนาที
ขอเธออย่าขวยเขินทำเมินเฉย
ด้วยหวังเชยจนตายมิหน่ายหนี
จะไม่ให้มัวหมองต้องราคี
อ้อมอกนี้รอแต่เธอเสมอมา
อยากฝากคำหนึ่งไว้ให้ระลึก
เราต่างซ่อนความรู้สึกปรารถนา
แม้นเธอมอบจุมพิตอัลมิตรา
เสน่หาจักตรึงจิตนิจนิรันดร์
จะสวมกอดแนบกายมอบไออุ่น
หวานละมุนในอ้อมแขนแสนสุขสันต์
แล้วประทับรอยจูบไว้ให้แก่กัน
ร้อยสัมพันธ์ด้วยหัวใจอย่าได้เลือน ๚ะ๛