19 กันยายน 2548 09:19 น.
อัลมิตรา
..๏ กลางแสงสลัวรำไรในห้องหอ
เธอเคลียคลอเคียงข้างมิห่างหาย
สัมผัสหวานวาบหวิวทั่วผิวกาย
เนิบนุ่มคล้ายคอยถนอมกล่อมนิทรา
สองกายอุ่นอิงแอบอย่างแนบแน่น
เพื่อทดแทนที่ผ่านการโหยหา
ยามนี้ดาวพราวพร่างกลางแววตา
เหมือนฟ้องว่าหัวใจไหวกระเจิง
เนื้อเสียดเนื้อแทรกเนื้อจนเหงื่อชื้น
ระหว่างคืนปรารถนาอารมณ์เหลิง
สัมผัสเนื้อต่อเนื้อโหมเชื้อเพลิง
เร้าระเริงแห่งฝันสันดาปไฟ
แล้วสวรรค์พลันสว่างกลางห้องหับ
ดาวระยับรุ้งระย้าจ้าแจ่มใส
ยังหยาดเยิ้มรอยยิ้มอิ่มเอิบใจ
ตอนเธอใช้จุมพิตปิดเปลือกตา
ในอ้อมกอดแห่งกันอันอบอุ่น
หวานละมุนยิ่งนัก...ที่รักจ๋า
กระซิบซึ้งตรึงทรวงห้วงนิทรา
ยืนยันว่ารักมั่นนิรันดร์กาล ๚ะ๛
15 กันยายน 2548 23:30 น.
อัลมิตรา
๏ มีปัญหาสารพันครั้นวิตก
มันยอกอกปวดใจจนไหวหวั่น
คราเรายินเรื่องร้ายไม่เว้นวัน
คำคนสรรนินทามาเบียดเบียน
อยากละเลงความช้ำชอกตอกลงกานท์
ระบายทุกข์ร้าวรานผ่านงานเขียน
หวังโคลงกลอนกาพย์ฉันท์ซึ่งหมั่นเพียร
จะแปรเปลี่ยนบางอย่างที่หมางใจ
แต่สิ่งที่คาดหวังยังไกลนัก
จึงจำกักอารมณ์ระทมไห้
อดทนฟังข้อกล่าวหาทุกคราไป
มิโต้แย้งต่อใครให้ร้อนรน
ครั้นเสียงลือเสียงอ้างอย่างลุกลาม
คงยากปรามจิตใครมิให้สน
หากยับยั้งทำได้ก็ใจตน
เรื่องเลวร้ายหนีให้พ้นไกลคนลวง
ระบายตนระบายใจลงในกลอน
จำอำลาไปก่อนมิย้อนหวง
รอจนกว่าใจที่ล้าจะกล้าทวง
ถึงแม้ไร้คนห่วงทั้งปวงลืม ๚ะ๛
14 กันยายน 2548 23:37 น.
อัลมิตรา
๏ หลง รักเจ้าพักตร์พริ้ม..............นิ่มอนงค์
รูป รสกลิ่นเสียงผจง....................ประจักษ์จ้า
จูบ ค่อยเรื่อยละลง.......................อิ่มอาบ
จันทร์ แจ่มเปรียบน้องข้า............ใช่น้อยหนึ่งเสมือน ฯ
๏ หลง ใหลในบ่วงห้วง.................มหรรณพ์หาว
รูป ลักษณ์ช่างแพรวพราว.............หลอกล้อ
จูบ รับกับเดือนดาว......................สุกสว่าง
จันทร์ เจิดเพริศพริ้งพ้อ................เพ่งหล้าโอบอิง ฯ
๏ ปราศจันทร์โอ้อกเศร้า................สุดถวิล
คลาดเคลื่อนเดือนดับดิน...............ดาษด้าว
โหยหากว่าชีวิน.............................สูญดับ
หากลับกับรุ่งเช้า...........................พ่ายแพ้สุริยงค์ ฯ
๏ ใครกันพลันอาจต้อง..................อิงกาย แม่เอย
จิตพี่อาจฟูมฟาย...........................ยากห้าม
จักชิงช่วงทวงหมาย......................ปักษ์ปก
ชายอื่นพันหมื่นคร้าม....................หากใกล้หมายนวล ฯ
๏ หลงนวลผันผกคล้าย.................รัตติกาล
อาจหม่นจนมรณานต์...................จิตร้าว
เวิ้งว้างว่างศฤงคาร......................ดังดับ จันทร์เฮย
มิอาจจรัศอะคร้าว........................พร่างฟ้าเฉิดฉาย ฯ
๏ หลงรูปคอยใฝ่เฝ้า.....................ขวายเงา
จักษุวิญญาณเมา.........................มิดแล้ว
สมมุตอัตตะเขลา.........................ยุดแย่ง มนุษย์นอ
ประดุจบัวคลาดแคล้ว...................ส่องสิ้นสุรีย์แสง ๚ะ๛
14 กันยายน 2548 10:12 น.
อัลมิตรา
..๏ ครากอดกุมนุ่มเนื้อ..............เนียนนวล
เพียงแผ่วผึ่งผายจวน.................ซ่านซ้อน
อุทรเคลื่อนหวิวรวน....................รัวร่อน
อกคั่งละหลั่งร้อน........................เร่าเร้าถวิลหา ฯ
..๏ บุปผายามดอกแย้ม..............สีสัน
บานแอร่มเผยอวดพรรณ...........หยาดเยิ้ม
หอมจรุงกรุ่นกลิ่นอัน..................ยวนยั่ว
ภมรย่อมไหวเคลิบเคลิ้ม.............ซ่านลิ้นรสหวาน ฯ
..๏ คืบคลานเล็มคลุกเคล้า.........เสาวรส
เกลือกร่างคละคลึงบด...............กลีบง้ำ
เบียดแทรกสอดกายลด..............เลี้ยวแหวก
ดูดดื่มกำซาบน้ำ.......................หลั่งเลี้ยงเผดียงไหว ฯ
..๏ หทัยดุจละลิ่วห้วง...................สูงโพยม
หวิววาบปลาบถาโถม..................ร่วงคว้าง
โลกยามซ่านลามโลม.................ลนร่าง
คำย่อมยากเคียงข้าง..................คู่คล้อยจินตนา ๚ะ๛
12 กันยายน 2548 08:02 น.
อัลมิตรา
..๏ วันที่สิบกันยาเพลาเช้า
ฟ้าสีเทาอึมครึมคล้ายครึ้มฝน
แลเมฆลอยละลิ่วมาฟ้าเบื้องบน
พิศแล้วหม่นอุราพาเศร้าใจ
้้คราก่อนข้าสดใสใจเริงร่า
มาบัดนี้อนิจจาน้ำตาไหล
มิตรภาพตราบฟ้าสิ้นธรณินไป
มิเหลือใครรู้เห็นเหมือนเช่นเคย
คงถึงคราวชะตาพ่ายเพราะคนฉ้อ
เขาดูถูกข้าหนอท้อจริงเหวย
แม้มวลมิตรเคยผูกพันพลันละเลย
นั่งมองข้าถูกเย้ยอย่างเฉยชา
หากเทียบเมฆบนฟ้าคราลิ่วล่อง
ข้าหม่นหมองเพราะทุกข์รุกยิ่งกว่า
ปราศผู้คนเข้าใจนัยพรรณนา
ที่ผ่านมาชอกช้ำเพียงลำพัง
เผชิญคลื่นวิโยคเพราะโชคร้าย
มิตรกลับกลายแชเชือนมิเหมือนหลัง
โอ้ตัวข้าแสนอับจนคนชิงชัง
ยามพลาดพลั้งอกช้ำทนกล้ำกลืน
หมายระบายออกไปด้วยใจเศร้า
ไฟทุกข์เผายากข่มข้าขมขื่น
หัวใจเพื่อนเคยหวงเขาทวงคืน
คงยากฟื้นไมตรีที่กลับกลาย
สุนทรภู่ถูกขับออกจากเวียง
ข้าก็เยี่ยงชะตาครูรู้ความหมาย
โคลงศรีปราชญ์ท่านร่างก่อนวางวาย
ใช้ตีนร่ายโองการข้าจารจำ
..๏ ธรณีภพนี้เพ่ง.............ทิพญาน หน่อยรา
เราก็ลูกอาจารย์................หนึ่งอ้าง
เราผิดท่านประหาร...........เราชอบ
เราบ่ผิดท่านมล้าง.............ดาบนี้คืนสนอง ฯ
สำนึกความปราชัยจับใจแจ้ง
ขอกำแหงยกเปรียบเขาเหยียบย่ำ
แม้นข้าพ่ายเพราะกลคนระยำ
กราบวิญญ์ครูตอกย้ำย้อนกรรมคืน ๚ะ๛