28 กันยายน 2548 17:23 น.
อัลมิตรา
..๏ ปรารถนาหัวใจใครบางคน
แม้นดิ้นรนอาจได้สมใจฝัน
หากมัวแต่ละเมอเพ้อรำพัน
คงคลาดกันมิได้อยู่เป็นคู่เคียง
ปรารถนาหัวใจใครบางคน
รักมากล้นพร่ำทำไมให้ยินเสียง
เรื่องส่วนตัวอย่ากระจายขายสำเนียง
ค่ารักเพียงซื่อต่อกันสำคัญพอ
ปรารถนาหัวใจใครบางคน
ฝึกอดทนเข้าไว้รู้ไหมหนอ
หากมากมีอุปสรรครักต้องรอ
อย่าคิดท้อความหวังสิ้นชีวินพัง
ปรารถนาหัวใจใครบางคน
อย่าวางกลหลอกใครเพื่อให้หวัง
รักจะสูญเสื่อมสลายกลายเป็นชัง
ยามแผนพลั้งสิ่งล้ำค่าเหลือค่าลวง
ปรารถนาหัวใจใครบางคน
อย่าพร่ำบ่นเรื่อยไปคล้ายแหนหวง
มัวระแวงทุกวันเพราะหวั่นทรวง
อาจเสียใจน้ำตาร่วงโดนช่วงชิง
ปรารถนาหัวใจใครบางคน
อย่าฉ้อฉลไขว่คว้ามาทุกสิ่ง
หากเขามีรักแท้แน่นอนจริง
คงได้อิงคู่กันนิรันดร ๚ะ๛
ป ร า ร ถ น า หั วใ จ ใ ค ร รั ก จ ริ ง
เ ร า จ ะ ล ะ ทิ้ ง ทุ ก สิ่ ง เ พื่ อ พั กพิ ง ใ จ
27 กันยายน 2548 08:56 น.
อัลมิตรา
...สิ่งใดหรือคือที่สุดความยุติธรรม ?
...ปืนกระหน่ำยิงร่างบอบบางหรือ ?
...วางกับดักให้ย่อยยับ...กับสองมือ
...การลุกฮือดื้อด้าน...ต่อต้านไทย
..๏ ยุติธรรมนั้นที่แท้...............เยี่ยงไหน
ลอบกระหน่ำยิงประลัย............ร่างสะท้าน
วางกับดักระเบิดภัย.................พิฆาต
แยงลุกฮือดื้อด้าน....................ต่อต้านภูมิไทย ฯ
...คือเสียงเงียบ...ท่ามกลางลางบอกเหตุ
...เป็นอาเพศ...คึกคะนองจองหองใหญ่
...แฝงมนต์ดำ...อำมหิต...ในจิตใจ
...ฉาบเลศนัย...ไร้เหตุผลคนใดกัน ?
..๏ ในท่ามเสียงเงียบใบ้..........บอกเหตุ
คะนองลึกลางอาเพศ...............เขตใต้
ใจอำมหิตจิตเจตน์..................จองฆาต
แฝงเลศเหตุผลไร้...................เหล่าผู้ใดกัน ฯ
...เฝ้าทวงถามความปรารถนาอย่างสาสม
...แล้วทับถมด้วยน้ำตาพาโศกศัลย์
...ล้วนร่างศพผู้บริสุทธิ์ดุจลงทัณฑ์
...แล้วเย้ยหยันเหยียบย่ำคอยซ้ำเติม
..๏ หันถามความถูกแท้.........ปรารถนา
กลับอาบด้วยน้ำตา................โศกเว้ย
ผู้บริสุทธิ์ศพคา......................สบเคราะห์
มันเหยียบย่ำหยันเย้ย............เจ็บช้ำซ้ำเติม ฯ
...ล้วนเย็นชา...ตาหูดูมืดหนวก
...ครั้นผนวกย่ำยีไทย...ไยฮึกเหิม
...คราปลุกปั่นดุจมะเร็งร้ายคล้ายเรื้อนเริม
...มีแต่เพิ่มเติมไฟ...ให้รุนแรง
..๏ เยิ้มหนวกมืดบอดด้วย......เย็นชา
ครั้นผนวกฮึกบีฑา.................ระทดสะท้อน
ปลุกปั่นดุจมะเร็งรา...............เรื้อนโรค
มีแต่เติมไฟร้อน...................เพิ่มเชื้อรุนแรง ฯ
...อุดมการณ์...ผลาญเผาเฝ้าปลุกกระแส
...ยังตั้งแง่...เงื่อนไขให้ผาดแผลง
...ครั้นเห็นช่อง...จ้องรุกบุกแทรกแซง
...หยดเลือดแดง...ผู้บริสุทธิ์ดุจวารี
..๏ อุดมการณ์ผลาญวอดปั้น.....ปลุกกระแส
แผลงเงื่อนไขลวงแล................แง่ตั้ง
เห็นช่องชิงรุกแถ ....................โถมบุก
โลหิตฉานทุกครั้ง ...................หลั่งคล้ายวารี ๚ะ๛
26 กันยายน 2548 08:57 น.
อัลมิตรา
...เหล่ามวลผู้กล้าแห่งบู๊ลิ้ม...ต่างกล่าวกันว่า...
... " ใต้แสงจันทรา ณ ห้วงมหรรณพ์...
...ยังความสุขสันต์ให้ปรากฏ...
...ซ่อนเร้นความมหัศจรรย์ในมธุรพจน์...
...ย่อมกำหนดจิตใจในรัตติกาล...
...ใต้แสงศศิธรใคร่อ้อนเอื้อน
...จึ่งมิตรภาพในผองเพื่อนบ่อวสาน
...ประดุจวิภาดามิอันตรธาน
...เจิศจรัศนิรันดร์กาล...มิเสื่อมทราม
...เคียงกายมีกระบี่ที่คมกริบ
...กระบวนเพลงรัว...ชั่วพริบตาอย่ามองข้าม
...ความแกร่งกร้าวผสมผสานผ่านความงาม
...ผ่านย่ำยามชมจันทราดาราราย
...รำกระบี่...มีสุรามาซดแล้ว
...คงไม่แคล้วร่ายกวีมีความหมาย
...กระบี่พริ้วไหว...ใจพลิกผัน...ครั้นเอี้ยวกาย
...จอกเหล้าหงายเป็นได้ดื่ม...ลืมย่ำยาม "ฯ
..๏ ใต้จันทราส่องห้อม........ห้วงมหรรณพ์
ปรากฏความสุขสันต์...........สว่างจ้า
มธุรพจน์มหัศจรรย์.............อันซ่อน
กำหนดจิตใจข้า..................จ่อมเคลิ้มรัตติกาล ฯ
..๏ ใต้ธารศศิเอื้อน................ปรารถนา
มิตรภาพผองเพื่อนยา...........จุ่งยื้น
ประดุจวิภาดา........................ผดุงสวัสดิ์
เจิดจรัสนิรันดร์รื้น................ไป่รู้เสื่อมทราม ฯ
..๏ วามวาวกระบี่รุ้ง.................เคียงกาย
ชั่วพริบตากระบวนกราย..........ร่างพลิ้ว
งาม-กร้าวแกร่งพร่างพราย......ผสานสนิท
ผ่านย่ำยามจันทร์ริ้ว................รอบด้วยดาวราย ฯ
..๏ ร่ายกระบี่มีซดแล้ว.............โอ้.. สุรา
คงมิแคล้วพรรณนา..................รจน์ร้อย
กระบี่ใจพลิกไหวครา...............เอี้ยวหยิบ
ยกจอกดื่มลืมคล้อย.................โศกพ้นชั่วยาม ๚ะ๛
23 กันยายน 2548 08:14 น.
อัลมิตรา
ท้อ ..
ฤๅเราจะต้องช้ำจนจำเจ
เคยทุ่มเทจนหมดกลับหดหาย
เหลือเพียงซากผุพังซังกะตาย
รอวันสลายเป็นผงคลุกลงดิน
..๏ ท้อแท้จังเจ็บช้ำ...............ประเดประดัง
ยอมทุ่มเทหมดยัง............ ....เหือดว้าง
เหลือเพียงซากผุพัง..............ซังอดีต
รอแต่วันสลายร้าง..................ร่วงเคล้าลงดิน ฯ
ร้าว ..
ฤๅเป็นเพียงความฝันที่ฟุ้งเฟ้อ
พริบตาเผลอตื่นกลายมลายสิ้น
ยามเพ้อพร่ำร่ำไห้ไร้คนยิน
โศกกัดกินกร่อนใจไปทุกวัน
..๏ ร้าวรอนฝันเฟื่องเฟ้อ.........ฤๅคลาย
เผลอพริบตาตื่นมลาย..............มอดสิ้น
เพ้อพร่ำร่ำไห้ตาย...................คนไป่ ยินเนอ
กรำโศกใจเจ็บดิ้น...................ด่ำเทื้อทุกวัน ฯ
นึก ..
ฤๅเป็นเพียงตัวเราที่รู้สึก
ในส่วนลึกของใจหลงใฝ่ฝัน
แท้คือภาพมายามาหลอกกัน
ม่านหมอกกั้นเลือนลางช่างพรางตา
..๏ นึกฤๅรู้สึกเพี้ยง...............เราคณา
ในส่วนลึกโหยหา..................ใฝ่นั้น
แท้คือภาพมายา....................มาหลอก
ม่านหมอกเลือนลางกั้น..........เหล่าล้วนพรางตา ฯ
หวัง ..
ฤๅต้องทนต่อไปในชีวิต
เฝ้าข่มจิตข่มใจคนไร้ค่า
รอเศษเสี้ยวความหวังอย่างทรมา
ก็ปราศคนกรุณามาบรรเทา
...๏ หวังชีพฤๅจักต้อง.............ฝืนทน
เฝ้าข่มจิตใจตน......................ค่าไร้
รอเสี้ยวเศษหวังวน.................เวียนเทวษ
ก็ปราศคนโอบให้...................ทุกข์ท้อบรรเทา ๚ะ๛
22 กันยายน 2548 08:38 น.
อัลมิตรา
..๏ เพราะแววตาอาทรมันซ่อนยาก
ทุกครั้งหากพบหน้าตาจึงเผลอ
คอยประจานว่าใจห่วงใยเธอ
แม้ต้องเก้อทุกทีที่สบตา
เข้าใจนะ..เข้าใจ..ไม่ต้องบอก
แค่คนนอกหัวใจย่อมไร้ค่า
เมื่อใจเธอมีเขาแทรกเข้ามา
จึงเป็นครากีดกันผลักฉันไกล
อย่างคนซื่อจนเซ่อจนเธอเบื่อ
ยิ่งเชื่องเชื่อเธอยิ่งเห็นเป็นเหลวไหล
แม้เหมือนลาโง่เขลาก็เข้าใจ
และจะไม่หวงหึงอย่างดึงดัน
เมื่อแววตาชาเย็นเห็นได้ชัด
เชิญเธอตัดเยื่อใยให้สะบั้น
ถึงเวลาบอกลาว่าลากัน
ลาอย่างฉันเคยหรือดื้อกับเธอ ๚ะ๛