7 ตุลาคม 2548 13:55 น.
อัลมิตรา
..๏ จากถิ่นฐานท่องไปในยุทธจักร
มีคนรัก,คนเกลียดจ้องเดียดฉันท์
ผ่านเรื่องราวมากมายหลายร้อยพัน
ใจเจ้าจันทร์จึงหม่นเหมือนคนตรม
แม้เพลงดาบจันทราเทพประสิทธิ์
มากมีฤทธิ์เหนือใดให้เหมาะสม
แต่ความจริงหัวใจไม่ชื่นชม
หมื่นภิรมย์ฤๅเทียบเท่าหนึ่งเข้าใจ
ดุจเดือนแขวนเติ่งฟ้าเกินกว่าสอย
มิเหลือรอยมวลมิตรมาพิศมัย
คงคุณค่าควรตระหนักสักเท่าใด
เด่นเกินไปจึงโดดเดี่ยวเปลี่ยวลำพัง
ยามราตรีเหน็บหนาวใจร้าวแสน
สุดคับแค้นคราวคนึงถึงความหลัง
เพลงดาบที่ร่ายไปก็ไร้พลัง
ดั่งสิ้นหวังสูญอาลัยในชะตา
ครั้นจะปรามดวงจิตคิดขัดขืน
ทนกล้ำกลืนหักใจไม่โหยหา
แต่ความทุกข์กลับล้นท้นอุรา
ดูเหมือนว่าพูนเพิ่มเติมตามวัน
โอ้เพลงดาบที่ระบือเขาลือชา
แม้นใครรู้ที่มาคงขบขัน
คือเรื่องราวแสนเศร้าของเจ้าจันทร์
พร่ำรำพันเพราะกำสรดเป็นบทกวี ๚ะ๛
6 ตุลาคม 2548 12:48 น.
อัลมิตรา
. . บ า ง ค ร า ว ยั ง เ ห มื อ น ว่ า เ ธ อ อ ยู่ ต ร ง นี้
. . เ รื่ อ ง ร า ว ที่ ดี ก็ ยั ง ฝั ง ใ จ
. . บ า ง ค ว า ม ท ร ง จำ เ ก่ า ๆ ก็ ยั ง ง ด ง า ม ไ ม่ ค ล า ย
. . ก ร ะ จ่ า ง อ ยู่ ข้ า ง ใ น เ มื่ อ ไ ร ที่ คิ ด ขึ้ น ม า
..๏ บางคราวเธอคล้ายอยู่ .... ณ ตรง นี้แล
เรื่องที่ดียังคง ......................อยู่รั้ง
ความทรงจำฝังลง ............... ในจิต
งามกระจ่างทุกครั้ง ............. เมื่อย้อนคำนึง ฯ
. . บ า ง ที ยั ง คิ ด ว่ า เ ธ อ อ ยู่ ที่ ไ ห น
. . แ ล้ ว เ ค ย ห รื อ ไ ม่ ที่ คิ ด เ ห มื อ นกั น
. . คิ ด ถึ ง เ รื่ อ ง ร า ว เ ก่ า ๆ แ ล้ ว ยั ง ท บ ท ว น ถึ ง มั น
. . สิ่ ง ที่ ดี กั บ คื น แ ล ะ วั น ข อ ง ฉั น แ ล ะ เ ธ อ
..๏ บางทีเธอมิรู้ ......................อยู่ไหน
เคยคิดเหมือนกันไหม ........... ครุ่นค้น
ทบทวนเรื่องในใจ .................. ก่อนเก่า
มองอดีตงามล้ำล้น ................. เกี่ยวคล้องสองเรา ฯ
. . แ ล ะ ยั ง ค ง ยิ้ ม ยิ้ ม ทั้ ง น้ำ ต า
. . ที่ ผ่ า น ไ ป แ ล้ ว ไ ม่ ห ว น คื น ม า ก็ ไ ม่ เ สี ย ด า ย
. . แ ค่ เ พี ย ง คิ ด ถึ ง ว่ า เ ค ย ไ ด้ มี บ า ง ค รั้ ง ก็ ยั ง ชื่ น ใ จ
. . แ ม้ จ ะ มี เ ก็ บ ไ ว้ แ ค่ ค ว า ม ท ร ง จำ
..๏ ยังคงยิ้มเอิบทั้ง ............. น้ำตา
ที่ผ่านไม่หวนมา ................. ห่อนเศร้า
เพียงรู้สึกบางครา ................ ยังชื่น ใจเอย
แม้จะเก็บคิดเฝ้า ..................แค่ได้ทรงจำ ฯ
. . อ ย า ก เ ก็ บ เ อ า ไ ว้ แ ค่ เ พี ย ง สิ่ ง ดี ๆ
. . ถึ ง วั น นี้ มี แ ต่ ค ว า ม เ ห ง า ใ จ
. . ถึ ง แ ม้ ว่ า เ ร า จ ะ ห่ า ง แ ย ก ค น ล ะ ท า ง ที่ ไ ป
. . ก็ เ ป็ น เ พี ย ง แ ค่ ค ว า ม สุ ข ใ จ เ มื่ อ คิ ด ถึ ง เ ธ อ
..๏ อยากเก็บไว้แต่เพี้ยง ..... สิ่งดี ดีเอย
แม้ว่าเหงาใจมี ................... ซ่อนไห้
ครั้นเราแยกวิถี ....................เหินห่าง
ยังสุขใจเมื่อได้ .................. ระลึกซึ้งถึงเธอ ฯ
. . อ ย า ก เ ก็ บ เ อ า ไ ว้ แ ค่ เ พี ย ง สิ่ ง ดี ๆ
. . ถึ ง วั น นี้ มี แ ต่ ค ว า ม เ ห ง า ใ จ
. . มี เ พี ย ง บ า ง ค รั้ ง ที่ อ า จ จ ะ ยั ง ส ง สั ย
. . ว่ า เ ธ อ เ อ ง จ ะ เ ค ย บ้ า ง ไ ห ม ที่ คิ ด เ ห มื อ น กั น
..๏ อยากเก็บไว้แต่เพี้ยง ..... สิ่งดี ดีเอย
แม้ว่าเหงาใจมี ................... คั่งค้าง
สงสัยว่าบางที ..................... หรือไม่
เธอจะเคยคิดบ้าง ................ สักครั้งเหมือนกัน ๚ะ๛
5 ตุลาคม 2548 15:12 น.
อัลมิตรา
..๏ หากจะพูดภาษาอย่างชาวบ้าน
คงเรียกขานกันไปหลายหลากชื่อ
แต่ละคำแต่ละนัยอาจคล้ายคือ
หากไม่ถือขอเรียกขี้นะพี่น้อง
เพราะว่ามีมากมายหลายลักษณะ
กลัวเพื่อนจะอาเจียนเวียนสมอง
จึงขอแค่บางคำตามทำนอง
เท่าที่มองเห็นอยู่ในปัจจุบัน
หนึ่งคือพวกขี้โม้ชอบโอ้อวด
ฟังน่าปวดกะบานว่าตัวฉัน
แสนร่ำรวยคุยโวโม้ทุกวัน
และรู้จักไปยันท่านนายก
อันดับสองสุดแค้นแสนระอา
สร้างปัญหาพวกนี้ขี้โกหก
มักกุเรื่องมั่วซั่วไม่กลัวนรก
จิตสกปรกน่าสมเพชทุเรศนัก
อันดับสามเลวสิ้นดีพวกขี้โกง
ยกโขยงเป็นฝูงยุ่งเหยิงหนัก
ทั้งลำไยอิฐดินกินเป็นพรรค
ยันพืชผักญาติมันชิมอิ่มเรื่อยมา
อันดับสี่คงลำบากหากพานพบ
ควรเลี่ยงหลบอย่าได้ไปคบหา
พวกปลิ้นปล้อนร้อยเล่ห์ลิ้นเจรจา
ขี้อิจฉาเรื่อยไปใครต่างชัง
อันดับห้าพวกชอบงงขี้สงสัย
เรื่องของใครอยากรู้กูต้องหยั่ง
คอยงัดแงะแคะเขี่ยละเหี่ยจัง
จะนอนนั่งยังพร่ำถามร่ำไป
อันดับหกกลุ้มเชียวล่ะขี้ระแวง
เคยโดนแกล้งทุกวันจนหวั่นไหว
มากเรื่องราวชอกช้ำจำขึ้นใจ
เจออะไรวิตกจริตคิดโคตรนาน
อันดับเจ็ดเห็นมากมีขี้ใจน้อย
เรื่องนิดหน่อยก็สิ้นสุขสนุกสนาน
เรื่องปะติ๋วคิ้วขมวดปวดกะบาน
ต้องหัวล้านแน่นอนงอนอาจินต์
อันดับแปดที่อยากจวกพวกโทโส
ขี้โมโหทุกคราไปใจร้อนสิ้น
แม้นเคืองขัดผู้ใดไล่กัดกิน
คนทั่วถิ่นจำถอยห่างอย่างระอา
อันดับเก้าต้องขอหยุดที่สุดท้าย
ทั้งขี้ควายขี้คนปนขี้หมา
หากเจอขี้กองนั้นฉันขอลา
ขอบอกว่าขี้เหม็นเผ่นเถอะเรา ๚ะ๛
5 ตุลาคม 2548 07:59 น.
อัลมิตรา
. . ก็ อ า จ ไ ม่ เ ป็ น วัน ข อ ง เ ร า
. . ไ ม่ เป็ น ไ ร ฝั น ร้ าย วัน นี้ ใ ห้ ลื ม มั น
. . คื น นี้ ที่ ฟ้ า มื ด ม น ก่ อ น พ บ แ ส ง ต ะ วั น
. . อ ย า ก ให้ เ ธ อ ท ร ง จำ. . ภ า พ วั น ดี ๆ
..๏ อาจเป็นวันที่ร้าย..........ของเรา
ช่างเถิดลืมสลัดเอา...........ออกทิ้ง
ฟ้ามืดชั่วบังเงา..................ตะวันส่อง
เพียงภาพวันวานพริ้ง..........เก็บไว้ทรงจำ ฯ
. . จ ะ อ ยู่ ดู แ ล เ คี ย ง ข้ า ง เ ธ อ
. . ไ ม่ ใ ห้ เ ธ อ เ ดี ย ว ด า ย ป ว ด ร้ า ว กั บ คื น นี้
. . ห ลั บ ต า พั ก ใ ห้ ส บ า ย อ ย า ก เ ห็ น เ ธ อ ฝั น ดี
. . ก่ อ น วั น พ รุ่ ง นี้ ไ ม่ มี . . ฉั น ค อ ย ดู แ ล
..๏ จะดูแลอยู่ข้าง..............เคียงกาย
มิปล่อยเธอเดียวดาย..........ปวดร้าว
หลับตาพักให้สบาย..............ฝันสุข
ก่อนพรุ่งพ้นพรากก้าว.........ปราศร้างเลือนกัน ฯ
. . เ อ น ก า ย ล ง พั ก ใ จ ไ ว้ กั บ ฉั น
. . จ ะ พ า เ ธ อ ผ่ า น ภ า พ คื น ด้ ว ย หั ว ใ จ
. . ก่ อ น ที่ ค น คุ้ น เ ค ย จ ะ เ ป็ น แ ค่ เ ค ย คุ้ น ไ ป
. . ข อ แ ค่ ใ ช้ เ ว ล า ที่ เ ห ลื อ . . ไ ด้ ทำ เ พื่ อ เ ธ อ
..๏ เอนกายใจพักไว้..........กับฉัน
จะผ่านภาพคืนปัน.............จิตร้อย
เวลาที่เหลืออัน..................ควรค่า
ขอแค่มอบก่อนคล้อย.........อุทิศให้แด่เธอ ฯ
. . อ ย่ า ก ลั ว ค ว า ม จ ริ ง ที่ ต้ อ งเ จ อ
. . เ มื่ อ เ ข า รั ก เ ธ อ แ ล ะ เ ธ อ เ ลื อ ก เ ข า ฉั น เ ข้ า ใ จ
. . เ ธ อ ไ ม่ ต้ อ งกั ง ว ล เ ห ตุ ผ ล จ ะ เ พ ร า ะ อ ะ ไ ร
. . ค น สำ คั ญ ข อ ง ใ จ . . ก็ ยั ง เ ป็ น เ ธ อ
..๏ รับความจริงสิ่งต้อง......พบเจอ
ในเมื่อเขาและเธอ............รักแท้
ใจฉันมั่นคงเสมอ..............ขออย่า พะวงเอย
คนสำคัญสุดแม้.................เช่นนั้นคือเธอ ๚ะ๛
4 ตุลาคม 2548 13:45 น.
อัลมิตรา
..๏ อ่านลำนำแสนเศร้าคำเขาพ้อ
คงหวั่นหนอกลัวรักจะหักหาย
คนไกลตาโดดเดี่ยวเปล่าเปลี่ยวกาย
หัวใจสลายขมขื่นใครลืมเลือน
ตัวอักษรตรงหน้าครารับรู้
ให้หดหู่เพราะถ้อยคำเขาเชือดเฉือน
ณ คืนที่ท้องนภามาร้างเดือน
เราก็เหมือนน้ำท่วมปากลำบากใจ
หากคำรักต้องพูดพร่ำย้ำเสมอ
ทุกคืนวันเอาแต่เพ้อละเมอใฝ่
รักจะเพิ่มจากเก่าสักเท่าใด
ยามเอ่ยปากเปรยไปไม่เว้นวัน
มาตรแม้นรักยืนยงคงคู่ฟ้า
ควรฤๅมาข้องใจจนไหวหวั่น
นิยามรักคืออะไรนัยสำคัญ
ไยรำพันว่าเศร้าหนอตัดพ้อเรา
ยามราตรีที่ไร้เดือนมาเยือนส่อง
คนหนึ่งหมองทุกข์หนักดุจรักเฉา
เปรียบกระต่ายหลงจันทร์รำพันเงา
ชะแง้เฝ้าชะเง้อจนบ่นน้อยใจ ๚ะ๛