4 พฤศจิกายน 2548 13:02 น.
อัลมิตรา
..๏ เมื่อฉันคิดจะรักใครสักคน
เสียเวลาสืบค้นเหตุผลใด
รักเพราะรักเรื่องจริงสิ่งเป็นไป
คนอื่นมองอย่างไรไม่สำคัญ
ความรักนั้นปรากฏจนหมดใจ
และซาบซึ้งหัวใจแม้ในฝัน
ปราศที่ว่างหนใดไม่มีกัน
ชั่วนิรันดร์รักเธอเพียงผู้เดียว
มิปรารถนาให้เป็นเช่นคนอื่น
อย่าได้ฝืนเพื่อใครให้ห่อเหี่ยว
ด้วยเราสองสุขสมรักกลมเกลียว
ไม่เปล่าเปลี่ยวหัวใจเมื่อใกล้เธอ
เขาตัดสินความสวยด้วยเหตุใด
มองอย่างไรจึงหรูล้ำสิ่งนำเสนอ
แต่เท่าที่หัวใจฉันได้เจอ
ใช่พูดเวอร์ทั้งหมดดูงดงาม
หากฉันคิดจะรักใครสักครา
โปรดรู้ว่าหัวใจไม่เคยหยาม
ถึงเธอนั้นคนทั่วหล้าด่าประณาม
เพราะรักคือนิยามความเป็นเรา ๚ะ๛
3 พฤศจิกายน 2548 00:41 น.
อัลมิตรา
..๏ ต้นเอยต้นหลิว
ใบพลิกพลิ้วสะบัดแกว่งกวัดส่าย
กิ่งก้านลู่โอนเอนมิเว้นวาย
แสนเดียวดายโดดเด่นเช่นหมองตรม
ครั้นเหมันต์คงหนาวร้าวรันทด
หลิวปรากฏโศกสะอื้นด้วยขื่นขม
กิ่งก้านใบไหวหวั่นสั่นระงม
ยิ่งยามลมพัดผ่านสะท้านพลัน
ขั้วใบน้อยพลอยหลุดเกินฉุดรั้ง
ร่วงลงดั่งน้ำตาคราโศกศัลย์
แสนวังเวงเวิ้งว้างหว่างคืนวัน
ยิ่งเส่าสั่นสะท้านไหวให้คร่ำครวญ
เปลือกเจ้าเปาะกระเทาะทั้งยังหลุดร่วง
คือผลพวงสัจธรรมความผันผวน
มีแปรเปลี่ยนเวียนวนจนเรรวน
เจ้ากำสรวลร่ำไห้หรือไรเอย ๚ะ๛
1 พฤศจิกายน 2548 07:53 น.
อัลมิตรา
..๏ ทุกทุกเรื่องควรมองทั้งสองด้าน
จนเหตุการณ์กระจ่างชัดจึงตัดสิน
อย่าตีโพยตีพายในคำยิน
เขาอาจหมิ่นว่าใจมิใคร่ครวญ
สบปัญหาใช้ปัญญากอบกู้แก้
ขอเพียงแต่มีสติพิเคราะห์ถ้วน
หากหลงเต้นตามกระแสจนแปรปรวน
จิตอาจเสียกระบวนฤๅควรเป็น
คำประณามต่ำทรามที่หยามหยัน
คิดเสียว่าสิ่งนั้นหลับฝันเห็น
เสียเวลาสืบข่าวสาวประเด็น
เรื่องหมกเหม็นปากตูดพูดแต่งเติม
แม้นหูเบาเชื่อใครดุจใจง่าย
เขาอาจยืมมือทำลายแทรกร้ายเสริม
จิตที่เคยผุดผ่องหมองจากเดิม
เพราะมารเริ่มลักลอบแอบครอบงำ
เรื่องราวที่ปรากฏเป็นบทเรียน
อย่าเพิ่งเพี้ยนวิตกอกระส่ำ
ธาตุแท้ของผู้ใดใครกระทำ
จงจดจำอุทาหรณ์เพื่อสอนใจ
รับรู้ความมิชัดแล้วตัดสิน
เชื่อฟังลิ้นคนพาลที่ขานไข
คงป่วยการคิดมอบคำตอบใด
เสียแรงไปเกลือกกลั้วบัวติดตม ๚ะ๛
31 ตุลาคม 2548 08:54 น.
อัลมิตรา
..๏ ถูกเขาเย้ยว่าใจเสาะหัวเราะถม
ยามเราล้มเจ็บจนจุกลุกไม่ไหว
บ่อยครั้งที่เพื่อนแสดงเหมือนแล้งใจ
ต้องข่มจิตอดทนไว้ไม่ตอบคำ
ยอมรับกับความช้ำชอกที่พอกพูน
คนเสียศูนย์บ่นมิได้แม้ใครขำ
คราวที่เราสบเคราะห์ร้ายพ่ายต่อกรรม
หลายคนต่างกระทืบซ้ำจนหนำพอ
เจ็บแค่ไหนสะกดใจไม่โมโห
แม้กายโซมากแผลเยินเกินหาหมอ
ทุกถ้อยความเขาประณามหยามด่าทอ
อาจบ้างที่น้ำตาคลอท้อเสียจริง
กลายเป็นคนที่ขี้ขลาดอนาถนัก
แม้นใครทักมิสนใจไม่สุงสิง
หัวใจเศร้าซุกกะลาคราพักพิง
เรื่องทุกอย่างขอปลดทิ้งสิ่งหลอกลวง ๚ะ๛
28 ตุลาคม 2548 08:37 น.
อัลมิตรา
..๏ แลทิวเขาทอดสลับดูซับซ้อน
ตะวันรอนเลียบลงตรงเหลี่ยมผา
ชอุ่มพฤกษ์พรรณไม้ในพนา
แว่วนกป่ากล่อมไพรยังได้ยิน
พกหัวใจอ่อนล้ามาพักผ่อน
หลบเรื่องราวรุ่มร้อนนอนต่างถิ่น
ใช้ชีวิตเฉกชาวบ้านบนลานดิน
ลืมหมดสิ้นเมืองกรุงยุ่งวุ่นวาย
ยิ้มรับกับรอยยิ้มทุกถ้วนหน้า
ทุกข์แบกมามากนั้นก็พลันหาย
สาม-สี่วันอยู่เมืองเหนือเพื่อผ่อนคลาย
หลากเรื่องร้ายปลิดทิ้งที่พิงคนคร
ดื่มด่ำกับความสุขรอบรอบข้าง
บนเส้นทางชาวไพรในสิงขร
จะร้อน-หนาวเพียงใดไม่อาทร
เหนื่อยก็นอนตื่นก็เดินแสนเพลินใจ
จวบวันก่อนคืนเหย้ากลับเข้ากรุง
ยังพบรุ้งที่งดงามยามฟ้าใส
กระซิบแผ่วจากปากฝากบางใคร
ว่าจะขอพักหัวใจไว้สะเมิง ๚ะ๛