19 มกราคม 2549 17:11 น.
อัลมิตรา
..๏ มิสร่างสูญบทกวียามคลี่ฝัน
เถอะมาร่ายรำพันถ้อยฉันท์เพื่อน
เพื่ออักษรศิลป์ไทยไม่ลางเลือน
ยามวัตเถื่อนต่างแดนครอบแก่นใจ
รอบตัวเรามากมีสิ่งสวยสด
คราวปรากฏตรงหน้าอย่าสงสัย
เดือนและดาวธรรมชาติวิลาสวิไล
ส่องอำไพพิจิตรพิสดาร
เปรียบเราเป็นกระต่ายน้อยที่คอยเก้อ
เฝ้าฝันเพ้อมิหยั่งถึงสังขาร
มองนภาเดือนดาวพราวตระการ
จิตยังหาญคิดไขว่แม้ไกลตัว
ลมหนาวและดาวเดือนดั่งเพื่อนย้ำ
ทุกคืนค่ำแลไปไม่มืดสลัว
ปราศตะวันเราเปรยมิเคยกลัว
เพราะฝากตัวและใจไว้สะเมิง ๚ะ๛
18 มกราคม 2549 13:30 น.
อัลมิตรา
..๏ ณ ขอบฟ้าแสนไกลในเวิ้งฝัน
ลมเหมันต์โบกโบยให้โหยหา
เปิดหน้าต่างรับแสงแห่งจันทรา
มวลดารากระพริบพราวราวประชัน
ร่ายลำนำขับกล่อมจากอ้อมใจ
เพียงปรารถนาบางใครได้สุขสันต์
ผู้เดียวดายแอบเพ้อเผลอรำพัน
รอเธอจูบรับขวัญทุกวันคืน
หวังได้พบอีกคราใต้ฟ้ากว้าง
ใจที่คว้างโศกศัลย์พลันสดชื่น
หยดน้ำค้างดุจดาวพร่างพราวพื้น
ปลุกใจตื่นราวสรวงร่วงลงดิน
แม้นมิอาจรับรู้เธออยู่ไหน
แต่ส่วนลึกหัวใจยังใฝ่ถวิล
คนละฟากแห่งหนเกินยลยิน
สายใยกลับมิสิ้นแหว่งวิ่นตาม
ลมเหมันต์เจ้าเอยเราเปรยย้ำ
นัยที่พร่ำประจักษ์รักล้นหลาม
เฉกนภาเจิดจรัสรัตติงาม
แลวับวามกระพริบพราวดั่งดาวเดือน ๚ะ๛
15 มกราคม 2549 21:49 น.
อัลมิตรา
..๏ ครอบคลุมคือคลุมเคลือ.....ยามล้นเหลือจึงเรรวน
คุกคามดั่งล่ามตรวน...............คราวใคร่ครวญชวนอัดอั้น
รุมเร้าจนเร่าร้อน....................ทุกข์กัดกร่อนยากกีดกัน
หมายไล่ให้ลดหลั่น.................แล้วห้ำหั่นให้เหือดหาย
..๏ กานท์กวียังกู่ก้อง...............ผู้ร่ำร้องยังมากราย
หากเลวและชั่วร้าย.................นั่นความหมายอาจคล้ายเรา
ขอขมาถ้าพร่ำเพ้อ..................ดูพลั้งเผลอเหมือนมึนเมา
หลงจิตติดรูปเงา.....................แท้คือเถ้าแห่งกานท์กวี ฯ
..๏ ภาพรวมคือลวงหลอน........มันกัดกร่อนและย่ำยี
ยากเย็นเป็นหลบลี้..................ลืมวาทีที่ร้อยเรียง
หักหาญด้วยฮึกเหิม................แล้วจึงเริ่มมาขว้างเขวี้ยง
เศษคำอันรายเรียง..................กระนั้นเยี่ยงมวลศรพิษ ฯ
..๏ ทบทวนโอ้ทิ่มแทง..............อย่างรุนแรงคราวพลั้งผิด
ขัดข้องยามครุ่นคิด.................ผู้น้อยนิดขอนอบน้อม
หนักหน่วงหากเนิ่นนาน...........ความร้าวรานฤๅพาลยอม
ตำต่ำย้ำตรมตรอม..................จนผ่ายผอมคือผลพวง ฯ
..๏ ขีดเขียนด้วยขัดเขิน...........สิ่งส่วนเกินเยี่ยงบาศก์บ่วง
คล้องใจจนลิ่วร่วง...................ให้ตกห้วงคนดูแคลน
ขัดขวางอย่างเคี่ยวเข็ญ............ผู้ลำเค็ญสาหัสแสน
เฉกเราเช่นตัวแทน.................ออกปากแค่นว่าชาชิน๚ะ๛
13 มกราคม 2549 11:35 น.
อัลมิตรา
..๏ หรือรักเราเก่าแล้วไม่แพร้วเพริศ
เธอจึงเชิดหน้าใส่ไม่แคร์ฉัน
โปรดตอบหน่อยเป็นไปเมื่อไรกัน
ทำไมปันผลปลายง่ายเหลือเกิน
แตกต่างนักจากก่อนให้ย้อนคิด
คราวจุมพิตรับขวัญทำฉันเขิน
ครั้นนานไปรักพลอยด้อยประเมิน
ฤๅเธอเพลินรักใหม่ใจจึงแปร
ดั่งฤดูหมุนเวียนเธอเปลี่ยนตาม
รักเคยงามกลับกลายสลายกระแส
หัวใจโดนทิ้งขว้างให้ร้างแล
ฉันเป็นแค่ทางผ่านเธอพาลลืม ๚ะ๛
ลำ พั ง ต้ อ ง ห ง อ ย เ ห ง า เ ศ ร้ า ด ว ง แ ด
ค น ขี้ แ พ้ พ ร่ำ เ พ้ อ ถู ก เ ธ อ ลื ม
11 มกราคม 2549 10:00 น.
อัลมิตรา
..๏ เห็นนกเดี่ยวข้ามไพรใจเหว่ว้า
หากบินพร้อมอัลมิตราดีกว่าไหม
แต่ปราศปีกติดหลังบินอย่างไร
วอนนกเดี่ยวอุ้มไปไม่ต้องเดิน
จะออดอ้อนพลอดพร่ำลำนำรัก
นอนซบตักกอดกระหวัดมิขัดเขิน
แล้วบรรเลงเพลงกานท์ขานเพลิดเพลิน
เพื่อจำเริญจิต-กายคลายกังวล
มาส่งสาส์นปลอบใจอย่าได้โศก
ยอมแบกโลกหรือไรไยสับสน
..อยู่ตรงนี้..นะหัวใจ.. หากใคร่ยล
เห็นเสาะค้นไปทั่วกลัวหลงทาง
ด้วยมิอาจบินเคียงเยี่ยงปักษา
ไร้ฤทธาเฉกกินรีมีปีกหาง
หัวใจที่บอบช้ำมิอำพราง
จะทิ้งขว้างไหมหนอพ่อนกไพร ๚ะ๛