19 มิถุนายน 2549 17:01 น.

..๏ แมงเม่าเอย

อัลมิตรา


..๏ ในเมื่ออยากเล่นไฟโดยไม่เกรง
ทำอวดเก่งประหนึ่งว่าหาญกล้านั่น
คราวที่ต้องหมดท่าไยจาบัลย์
เรื่องโศกศัลย์ขนมาสาธยาย

เฟอะฟะดั่งแมงเม่าบินเข้าเพลิง
หลงระเริงเป็นเหยื่อรู้เมื่อสาย
ต้องสังเวยเกมกลจนตัวตาย
ร่างวอดวายสูญสิ้นทั้งอินทรีย์

มิระวังไฟร้อนเริ่มลามตัว
ยอมพันพัวเรื่อยไปโดยไม่หนี
สมควรแล้วที่ม้วยด้วยอัคคี
ชีพบัดพลีเพราะว่าปัญญาเบา

อย่าริเล่นกับไฟโดยไม่รู้
อย่าเพียรตู่ยกตนเช่นคนเขลา
อย่าบังอาจหลงรักภักดีเรา
อย่าทำตัวโง่เง่าแมงเม่าเอย ๚ะ๛
				
19 มิถุนายน 2549 11:36 น.

..๏ คำอ้างเดิม

อัลมิตรา

  
..๏ ประหนึ่งอยู่ห่างไกลเกินใฝ่หา
สุดสายตามองไปยังไม่ถึง
รักที่เฝ้าปรารถนาข้าฯรำพึง
อยากให้ฟ้าพับครึ่งเหลือกึ่งเดียว

เพราะหัวใจเหนื่อยหนักยามรักห่าง
ข้าฯเคว้งคว้างสุดอนาถปราศใครเหลียว
ต้องสืบเสาะหารักทุกข์นักเชียว
เศษส่วนเสี้ยวความหวังยังไม่มี

คราวมองฟ้ากว้างไกลให้ร้าวลึก
ความรู้สึกทุกข์ระทมถั่งโถมปรี่
ฟ้าเดียวฤๅบรรยายนัยฤดี
ว่าอกนี้เจ็บยิ่งกว่าสิ่งใด

ฟ้ามิอาจกูลเกื้อลดเหลือครึ่ง
กลอนข้าฯจึงรันทดปราศสดใส
ความรู้สึกเหมือนช้ำยากทำใจ
ติงฟ้าไกลเคว้งคว้างคำอ้างเดิม ๚ะ๛
 				
15 มิถุนายน 2549 17:11 น.

..๏ รับขวัญ

อัลมิตรา


..๏ เขาหนุนมือแทนหมอนนอนดูฟ้า
มองจันทราสุกสกาวดาวสดใส
อยากซุกอกนอนข้างอิงบางใคร
ขอแค่นอนใกล้ใกล้ไม่ก่อกวน

เห็นดาษดาวเรียงรายคล้ายประดับ
ระยิบระยับวับวาวราวเสสรวล
บ้างกระพริบพร่างพราวดั่งเย้ายวน
ขับแสงนวลเด่นชัดช่างอัศจรรย์

ยินคนพร่ำอ้อนจันทร์คืนวันเพ็ญ
เนื้อนัยเน้นเพ้อถึงซึ่งจอมขวัญ
บางใครเปรียบเป็นดาวกล่าวรำพัน
คงอัดอั้นร้อนรุ่มรักสุมทรวง

เปรียบเทียบใครคือจันทร์กระนั้นหรือ ?
ไยอยากยื้อทั่วแคว้นคิดแหนหวง ?
หญิงคนนั้นฤๅโสภาน่าเดินควง ?
คนทั้งปวงอยากสนิทพิชิตใจ ?

บังอาจป่วนรวนความถามยอกย้อน
เราร่ายกลอนเจาะจงเพราะสงสัย
ด้วยขี้เหร่อิจฉาจันทร์อันอำไพ
คนที่นอนเคียงใกล้มิไยดี

เงียบงันนานพอดูความรู้สึก
ดั่งร้าวลึกภายในหัวใจนี่
จนเขารั้งมากอดพลอดวจี
จุมพิตนี้รับขวัญเจ้าจันทรา ๚ะ๛
				
12 มิถุนายน 2549 11:49 น.

..๏ ตอบ

อัลมิตรา


..๏ เจ้าวิหคชีกอมาล่อถาม
บอกฤกษ์งามแล้วหนอจะขอแต่ง
ค่าน้ำนมเท่าไรให้แจกแจง
สินสอดแพงเพียงใดยังใคร่ปอง

คิดอัตราตัวตั้งคงเข้าท่า
เรียกเงินตราสมจริงเทียบสิ่งของ
ห้าสิบห้าตระหนักน้ำหนักทอง
แหวนเพชรต้องร้อยกะรัตพูดชัดเจน

อีกเรือกสวนทั้งสิ้นถิ่นที่อยู่
เกริ่นให้รู้เลยหนอใช่ล้อเล่น
จะกว้างไกลเท่าไหร่ไม่กะเกณฑ์
แค่ประเด็นแมวดิ้นก่อนสิ้นใจ 

เมื่อตกปากรับคำเป็นมั่นเหมาะ
เชิญออเซาะเชยชิดสนิทได้
อ้อ !.. เงินทองหลังแต่งแบ่งอย่างไร
ยี่สิบบาทเจียดให้คงใช้พอ

ส่วนงานบ้านงานเรือนดูเหมือนว่า
นกขี้ข้าเวรกรรมตามซ้ำหนอ
ต้องกวาดบ้านห้องหับรับรองรอ
ชักช้าก็อาจสลบโดนตบตี

ทุกคำถามปรากฏตอบหมดแล้ว
นกคงแป้วถอดใจใช่ไหมนี่
มากหญิงงามข้างกายรายล้อมมี
โอ้คนดีคิดใหม่คงไม่ทัน  ๚ะ๛

				
7 มิถุนายน 2549 22:10 น.

..๏ กาพย์เห่เรือ “กระบวนพยุหยาตราชลมารค ” พระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี

อัลมิตรา

๏ กาพย์เห่เรือ กระบวนพยุหยาตราชลมารค    

๏ นารายณ์จำหลักล้ำ.......เลออง-  อาจเฮย
ครุฑยุดนาคทรวดทรง......สง่าแท้
ลายทองล่องชาดผจง.......กระจกแต่ง
ฉัตรพู่ดูเลื่อมแล้.............เลิศริ้วปลิวงาม ๚

๏ นารายณ์หมายเทียบไท้...สยามินทร์
ทรงครุฑเยือนปฐพิน-.......ถิ่นแคว้น
พระเกียรติแห่งพระจักริน...ขจัดทุกข์-  เข็ญนา
ทวยราษฎร์ปราศยากแค้น...เนื่องด้วยพระบาร-มีเฮย ๚

๏ เรือเอยเรืองยิ่งแท้  ........... ล้วนเลื่อมแล้หลากสรรพนาม 
ลอยเด่นกลางชลตาม  ...........รูปลักษณ์ล้ำงามใกล้ไกล 
๏ เรียงรายเลื่อมพรายพร้อม ..เพ็ชรพลอยล้อมเหลืองอุไร 
ปิดทองผ่องอำไพ  ................ แลทางใดล้วนงามสม 
๏ พู่ย้อยห้อยระย้า  ............... ลวดลายผ้าน่าชื่นชม 
ธงฉัตรพัดตามลม  ............... เลื่อมวิจิตรโศภิษฐ์แพรว 
เรือทองขวานฟ้าคล้อย ..บรรเจิดลอยนำหน้าแนว 
เรือทองบ้าบิ่น แน่ว .........แสนปราดเปรียวสุดโสภี 

 เรือเสือทะยานชล ..... เสือคำรนสินธุ์นาวี 
เคียงข้างดั่งเสนี  ................. เรือดั้งปรี่มีสองลำ 
๏ ตรงกลางเรืออีเหลือง .. ดูปราดเปรื่องสมน้ำคำ 
ฝีพายชายกำยำ  .................. ยกพายจ้วงท่วงช่ำชอง 
เรือดั้งสามและสี่  ....... แล่นเร็วรี่มีครรลอง 
พร้อมเพรียงไปทั้งผอง ....... .ฝีพายคล่องเกริกไกรเกิน 
เรือดั้งห้าและหก  ........ให้สาธกล้ำจำเริญ 
เรียงรายได้ยลเพลิน  .............ด้วยดำเนินอย่างยรรยง 

เรือตำรวจนอกลิ่ว  ...... หลากแพรพลิ้วทั้งทิวธง 
เรือดั้งเจ็ด,แปดคง  ........ ลอยเลียบคู่อยู่ครบครัน 
เรือดั้งเก้าอยู่ซ้าย  ....... ซึ่งเลื่อมลายวิไลวรรณ 
เรืออสุรปักษีสัณ-  ........... ฐานเฉิดฉันนั้นตรึงตา 
เรือตำรวจในเคียง  ..... .คงลำเลียงมวลเสนา 
อีกลำงามโสภา  ................... เกียรติก้องหล้ามาเนิ่นนาน 
อสุรวายุภักษ์  .............. นามประจักษ์เลื่องชลยาน 
เรือดั้งสิบแหวกธาร  ........ แสนวิกรานต์ห้าวหาญนัก 

เรือดั้งสิบเอ็ดตาม  ..... .ยังคงความเก่งกาจประจักษ์ 
เรือดั้งสิบสองพรัก-  ........ พร้อมเพรียงจักด้วยว่องไว
กระบี่ราญรอนราพณ์  ... กระบี่ปราบเมืองมารใด 
คำชมสมพิสมัย  ................... คำใดเปรียบเทียบเรืองาม 
๏  เรื่อยเรื่อยมาเลียบเคียง.....อย่างพร้อมเพรียงมาติดตาม
คือ เรือดั้งสิบสาม ".........น่าครั่นคร้ามทั้งยำเกรง
เรือดั้งสิบสี่ นั้น.............ขุนพลนั้นช่างกล้าเก่ง
จ้วงพายอย่างครัดเคร่ง..........ทั้งครื้นเครงทั้งเร่งมือ

เรือดั้งสิบห้าล่อง  ........ ความแคล่วคล่องต้องเชื่อถือ 
สุครีพครองเมืองคือ  ..... นามระบือชื่อมงคล 
พาลีรั้งทวีป  ............... ดั่งคืนชีพผลาญมารผจญ 
โดดเด่นเห็นงามล้น  ........... อุกฤษฎ์จนดั่งเวชยันต์ 
๏ เรือหนึ่งซึ่งงามนัก  ........... ดั่งรูปลักษณ์เทพรังสรรค์ 
เรือพระที่นั่งอัน  ................... แสนวิจิตรตระการตา 
อนันตนาคราช  ........... ล้ำพิลาศทัศน์ลักขณา 
ลือเลื่องเฟื่องโลกา  .............. สุดโสภาคราชื่นชม 

เรือดั้งสิบหกคล้อย  ...... พลเรือคอยจ้วงพายจม 
งัดน้ำยามต้องลม  ................ เป็นฟองแตกแปลกตาไป 
๏ เห็นเรือดั้งสิบเจ็ด  ....... เรือครุฑเตร็ดไตรจักรไกร 
เกริกกล้าเรืองวิไล  ............... ลอยลำใกล้เรือแตงโม 
เรือครุฑเหิรเห็จห้าว  .. เรือดั้งกร้าวสิบแปดโบ- 
ราณท่านใช้ฝ่าโต้  ............... ทัพข้าศึกทั้งฝึกปรือ 
เรือดั้งสิบเก้านั้น  ........ แสนสำคัญนามเลื่องลือ 
องอาจเก่งฉกาจคือ  ............. คงเกียรติกล้าเหล่าวีรชน 

เรือดั้งยี่สิบ แสน-  .........ยานุภาพแม้นมากเหลือล้น 
สำเนียงเสียงขุนพล  ............. พร้อมเพรียงจนมากเรี่ยวแรง  
 เรือดั้งยี่สิบเอ็ด  ......... .เรือลอยระเห็จดั่งสำแดง 
ชายชาญหาญกร้าวแกร่ง  ...... จ้วงน้ำใสพรายกระเซ็น 
เรือดั้งยี่สิบสอง  ........... แหวกธารท่องล่องลอยเห็น 
พลหมู่เสนาเป็น  ................... เช่นมุ่งหน้าผลาญไพรี 
๏ เรือหนึ่งซึ่งเกินคำ  ............. ร้อยวรรณกรรมบรรยายมี 
ด้วยรูปทรงโศภี  ................... ลวดลายสีผ้าแพรพรรณ 

๏ รูปลักษณ์ล้วนวิไล  ............. เรือเอกชัยหลาวทองอัน 
พิลาสเป็นอัศจรรย์  ............... ดั่งมุ่งมั่นผลาญศัตรู 
๏ อีกหนึ่งซึ่งคงเกียรติ์  .......... ดั่งคำเธียรบรมครู 
บรรเจิดให้เชิดชู  .................. คู่บารมีพระจักรินทร์ 
เอกชัยเหิรหาวห้าว  ..... ผุดผ่องพราวสุดโศภิน 
ลายทองพ้องศาสตร์ศิลป์ . ......แสนพิพิธจิตรการตา 
๏ โอ้เรือพระที่นั่ง  ................. ทองสุกปลั่งดั่งจันทรา 
สมเกียรติ์แห่งราชา  .............. ธ ผ่านฟ้ามไหศวรรย์ 

๏ พระผู้ทรงผ่านฟ้า  ..............ทรงบุญญาจอมราชัน 
ทศพิธราชธรรมมั่น  .............. มากเมตตาเปี่ยมปรานี 
นารายณ์ทรงสุบรรณ ... เกินเสกสรรด้วยวาที 
ร้อยรจน์เบื้องบทกวี  .......... เกินจดจารด้านงามล้ำ 
๏ นารายณ์สี่กรนั้น  ............... เปรียบ ธ มั่นคงคุณธรรม 
เมตตาปรานีนำ  .................. ต่อไพร่ฟ้าประชากร 
๏ ศึกใหญ่คือภัยแล้ง  ............ น้ำเหือดแห้งแหล่งดินดอน 
ธ โปรดอำนวยพร  ................. เปลี่ยนทุกข์ร้อนเป็นร่มเย็น 

๏ เสกฝนแลเสกน้ำ  ............. ต่างชุ่มฉ่ำไร้ลำเค็ญ 
ชี้ทางห่างทุกข์เข็ญ  ............. เช่นคงชีพอย่างพอเพียง 
นารายณ์ทรงสุบรรณ ... ดั่ง ธ นั้นเฝ้ามองเมียง 
เสด็จไปทั่วไทยเพี้ยง-  .......... องค์นารายณ์ไล่อาธรรม์ 
๏ ยอดเขาสุดเขตแดน  ......... ถิ่นยากแค้นแดนใดกัน 
ทรงย่างพระบาทพลัน  .......... หมายเปลื้องทุกข์มอบสุขใจ 
๏ ทวยราษฎร์ต่างแซ่ซ้อง  ...... ดังกึกก้องทั้งแดนไตร 
ขอองค์พ่อหลวงไทย  ............ ทรงสำราญนิรันดร 

๏ เรือพระที่นั่งทรง  ............. .ประหนึ่งองค์ธราธร 
เสกสร้างสถาพร  .................. เสกประสิทธิ์ในโลกา 
๏ เนรมิตวิจิตรนัก  ............... แจ้งประจักษ์รูปลักขณา 
รื่นรมย์สมอุรา  .................... ดุจหงส์ฟ้าสิวาลัย 
๏ คือ เรือสุพรรณหงส์  .... อันสูงส่งคงคู่ไทย 
ล้ำหล้าเกริกเกรียงไกร  ........ รอยจำหลักพิไลงาม 
๏ หงส์ทองล่องสายชล  .......... น้ำใสจนเห็นแวววาม 
ต้องแสงสำแดงภาม  ............. ชดช้อยตามคำกล่าวชม 

๏ ฉัตรพู่ลู่ลมระย้า  ................ธงโสภาคราสวยสม 
เพริศพลิ้วทิวเทพพนม  ......... แสนรื่นรมย์ยามชมพลัน 
๏ เหล่าหมู่ฝีพายมาก  ........... แต่งกายหลากมากแพรอัน 
ดิ้นเงินเดินทองนั้น  ............... ช่างผ่องพรรณอันงามแล 
๏ โสตสดับกาพย์ทำนอง ........ดังกึกก้องพ้องจริงแท้ 
เปรียบเปรยนำเผยแพร่ ..........สิ่งล้ำค่าในวารี 
๏ เอื้อนอ้างดั่งเวทมนต์  ......... ศักดิ์สิทธิ์ดลในบทกวี 
บ่งความงามประเพณี  ........... ร่ายวาทีกาพย์คำโคลง 

๏ ลอยเด่นเห็นงามสง่า  ........ ทองเลื่อมตาผ้าแพรโพลง 
จำหลักลวดลายโยง - ........... คล้ายคงชีพรีบเริงชล 
๏ คือเรือพระที่นั่ง  ................ สุดสะพรั่งนภมณฑล 
เอนกชาติภุชงค์ ดล  ....... งดงามล้นพ้นพรรณนา 
๏ ฉัตรตั้งตระหง่านงาม  ....... ทองเหลืองอร่ามงามภูษา 
แต่งจนวิจิตรา  ..................... พลเสนาพายพร้อมเพรียง 
๏ สวมหมวกกลีบจำปา  ........ ช่างแปลกตาคราระเรียง 
จ้วงพายคล้ายสำเนียง  .......... ร่ายคำเจรียงเยี่ยงบรรยาย 

เรือแซง เจ็ดลำล่อง  ..... แสนแคล่วคล่องมวลฝีพาย 
เสนีย์มีนายท้าย  ................... นุ่งผ้าสีสอดไหมงาม 
๏ แต่งกายลวดลายหลาก  ...... พลหมู่มากหากมองตาม 
เลื่องลือระบือนาม  ................ พรักพร้อมตามท่วงทำนอง 
๏ บรรพชนคนกร้าวแกร่ง  ..... มุ่งสำแดงเกียรติทั้งผอง 
รุกไล่ไพรีต้อง  ................. .....พ่ายทัพไทยในบัดดล 
เรือตำรวจกรมวัง  ....... คุมแนวหลังดังขุนพล 
ตรวจตรามาแต่ต้น  ......... ......เช่นวีรชนอันเกรียงไกร 

๏ นับได้ห้าสิบสอง  ............... เรือลอยล่องชลาลัย 
โอ้แสนอวดศักดิ์ไทย  ............ อันยิ่งใหญ่ในคงคา 
๏ เลิศศิลป์ล้ำศาสตร์สร้าง  ..... เด่นสล้างอวดศักดา 
ยังสุขทุกครั้งครา  ................. ตรึงตราภาพมิลืมเลือน 
๏ บุญแท้เกิดเป็นไทย  .......... แสนสุขใจหาใดเหมือน 
มากสุขทุกครัวเรือน  ............ ใต้ร่มหล้าพระบารมี 
๏ ขอเทิดทูนบูชา-  ............... พ่อหลวงฟ้าจอมจักรี 
จงรักและภักดี  ..................... ตราบสิ้นฟ้ากว่าสิ้นลม  

 ๖๐ ปีทรงครองราชย์ เหล่าทวยราษฏร์ถวายพระพร 

๏ บารมี ธ เลิศหล้า............เลอสรวง
ทศพิธราชธรรมปวง...........เปี่ยมล้น
ทรงวิวรรธน์ประดุจดวง.......ดาวฤกษ์
พระอัจฉริยภาพพ้น............พรั่งพร้อมบุญญา  ๚

๏ ทรงเสด็จครองราชย์ด้วย..ราชธรรม์
พระราชกรณียกิจอัน...........สฤษฏ์แล้
บังเกิดซึ่งคุณมหันต์............แก่ราษฎร์
ดับทุกข์สร้างสุขแท้............ทั่วหล้าสุขสราญ ๚

๏ หกสิบแห่งกาลฝน ..............พระบารมีพ้นชนชื่นชม 
เป็นยิ่งนโรดม ......................ในไตรโลกแต่ปางบรรพ์ 
๏ พระบาททรงก้าวย่าง ..........ทุกเส้นทางอย่างมุ่งมั่น  
เปลื้องทุกข์ทวยราษฎร์อัน- .....ผู้ยากจนพ้นลำเค็ญ 
๏ ทรงสอนให้พึ่งตน ...............เพื่อสยามชนได้อยู่เย็น - 
เป็นสุขไร้ทุกข์เข็ญ ................ดำรงชีพอย่างพอเพียง 
๏ หากผองพื้นปฐพี ................แทนพื้นที่ให้ร้อยเรียง 
รจนาวรรณกรรมเพี้ยง ...........จารึกซึ่งพระบุญญา 
๏ ด้วยน้ำมหาสมุทร ..............ต่างหมึกสุดร่ายพรรณนา 
เขียนพื้นแผ่นพสุธา ...............ทั้งโลกหล้าเบื้องมหาศาล 
๏ ร่ายรจน์ด้วยบทกวี ..............ล้ำวาทีทั้งจดจาร 
บรรยายซึ่งอุปการ .................แห่งภูมินทร์ผู้ทรงธรรม 
๏ สิ้นฟ้าแลปฐพี ....................สิ้นหมึกที่มหาสมุทรนำ 
กล่าวเกริ่นสรรเสริญคำ ..........มิอาจจดบทอ้างคุณ 

๏ ทวยราษฎร์น้อมภักดี ..........จอมจักรีผู้เปี่ยมบุญ 
ผู้ทรงพระการุณ ....................ให้ทรงเกษมทั้งเปรมปรีดิ์ 
๏ ด้วยคุณพระไตรรัตน์ ...........ความพิพัฒน์บังเกิดมี 
คุณเทพเรืองฤทธี ..................ทั้งจักรวาลอันศักดา 
๏ คุณงามความศักดิสิทธิ์ .......เสถียรสถิตไตรโลกา 
ปกปักแลรักษา ......................ซึ่งองค์พระสยามินทร์ 
๏ ให้ทรงพระเจริญยิ่ง ............อยู่เป็นมิ่งขวัญชีวิน 
ทวยราษฎร์ข้าแผ่นดิน ............ตราบร้อยพันวสันต์กาล 
๏ ธ ประสงค์พุทธางกูร ...........จงสมบูรณ์ด้วยนฤพาน 
สรรเพชญพระโพธิญาณ .........ยิ่งไพศาลในบัดดล 
๏ ศรีสวัสดิ์นิรันดร ..................จตุรพรสัมฤทธิผล 
เทิดไท้พระภูมิพล .................ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ๚ะ๛ 


เนื่องในวโรกาสอันเป็นมหามงคลยิ่ง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี ในวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๙
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้าอัลมิตรา สมาชิกเวปบ้านกลอนไทย

				
Calendar
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัลมิตรา
Lovings  อัลมิตรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอัลมิตรา