21 กรกฎาคม 2549 14:45 น.
อัลมิตรา
..๏ ขอถักถ้อยร้อยคำลำนำเศร้า
ใต้เงื้อมเงาของภูผาและป่าฝน
ยามหัวใจร้าวรานเกินทานทน
ปราศผู้คนคอยปลอบมอบไมตรี
คงเสมือนดอกไม้ท่ามไพรกว้าง
เราเคว้งคว้างยิ่งนักไร้ศักดิ์ศรี
ค่าของเราเขาเห็นเช่นธุลี
คุณความดีทังหมดถูกปลดพลัน
โอ้อนาถดอกไม้ในไพรสณฑ์
เจ้าร่วงหล่นถมพูนสิ้นสูญขวัญ
น้ำฟ้าหลากท่วมท้นคนรำพัน
ส่วนน้ำตาเรานั้นกักกั้นไป
ดอกไม้เอยดอกไม้ใต้เงาผา
รอเวลาปรากฏความสดใส
แต่เราสิชอกช้ำยากทำใจ
แม้นเนิ่นนานเพียงใดคงไม่เลือน ๚ะ๛
17 กรกฎาคม 2549 22:28 น.
อัลมิตรา
..๏ ได้ยินเสียงแงแง.. โอ๊ย ! แย่แล้ว
คนเป็นแม่ใจแป้วรีบแน่วหา
หัวเจ้าแฟรงค์โขกโต๊ะแม่โปะยา
บอกลูกจ๋าเงียบไว้ร้องไม่ดี
ทั้งอุ้มปลอบหลอกล่อชวนล้อเล่น
โทษโต๊ะเวรเหตุไฉนจึงไม่หนี
เจ้าแฟรงค์น้อยยิ่งร้องปานฆ้องตี
ดุจเจ็บนี้สาหัสอยากซัดคืน
โถ ! ..แฟรงค์เจ็บตรงไหนให้บอกแม่
โถ ! ..แฟรงค์แย่หัวระบมคงขมขื่น
โถ ! ..แฟรงค์เกาะไม่ถนัดเพราะหัดยืน
โถ ! ..แฟรงค์น้อยหล่นครืนขาลื่นล้ม
เดซิเบลแฟรงค์นี้สามสี่บ้าน
เสียงประมาณประหนึ่งว่าฟ้าถล่ม
แม่ครุ่นคิดหวังคลายหายระงม
ญาติบ่นขรมตะโกนแข่งแฟรงค์วุ่นวาย
เพราะอยากให้แฟรงค์น้อยกลอยใจแม่
หยุดงอแงหยุดพร่ำทำเสียหาย
จนกระทั่งยายยุหลอกอุบาย
เผื่อแฟรงค์หายโกรธาอุราเย็น
ยายกระซิบบอกแม่ก็แค่นี้
ปล่อยแฟรงค์ตีโต๊ะคืนระรื่นเห็น
จะเจ็บมือแค่ไหนมิใช่ประเด็น
อย่าไปเน้นเรื่องเล็กกับเด็กน้อย ๚ะ๛
15 กรกฎาคม 2549 00:05 น.
อัลมิตรา
..๏ พร่างแพรวแนวฟากฟ้า.........แสนตรึงตราต้องติดตาม
อัศจรรย์ความงดงาม.................เรียงรายตามล้ำเลอสรวง
สูงเด่นเป็นทิวแถว.....................พราวเพริศแพร้วแนวเด่นดวง
ปรากฏความโชติช่วง.................เฉิดฉายหล้าห้วงมหรรณพ์ ฯ
..๏ หลากรูปแลหลายลักษณ์...... แจ้งประจักษ์โสภาพรรณ
พร่างระยิบพริบครบครัน............หลากสีสันซึ่งพรรณราย
ครั้นพุ่งมุ่งสู่ฟ้า..........................จวบเจิดจ้าจนฉานฉาย
สุขสันต์มิเสื่อมคลาย..................ยังมั่นหมายได้ชื่นชม ฯ
..๏ แสงสีที่งามล้ำ.......................ยิ่งจดจำนำรื่นรมย์
เสียงก้องกังวานขรม..................นภาพรหมยิ่งโสภี
แตกกระจายรูปหลายหลาก........งดงามมากโอ้พลุสี
อัศจรรย์บรรดามี........................ให้สุนทรีทั้งปรีดา ฯ
..๏ สวยแสงแต่งแต้มสรวง...........แสนโชติช่วงดั่งดารา
ยิ่งประจักษ์ลักขณา.....................ชั่วพริบตาดับทันใด
ทดแทนเป็นทิวแถว.....................ความเพริศแพร้วงามเหลือใจ
พราวระยิบพริบพิไล....................อีกเมื่อใดจักได้ชม ๚ะ๛
11 กรกฎาคม 2549 23:24 น.
อัลมิตรา
..๏ เห็นจันทร์ลอยอ้อยอิ่งเหนือกิ่งสน
ลมเบื้องบนพัดเอื่อยเฉื่อยเฉื่อยฉิว
ใบไม้แห้งพลัดต้นร่วงหล่นปลิว
ลอยละลิ่วตรงหน้าพาใจรวน
กระทบถ้อยบางใครให้ครุ่นคิด
โอ้..ดวงจิตเรานั้นสุดผันผวน
จันทร์เจ้าเอยงามแท้กลับแปรปรวน
ดั่งอกเรากำสรวลยากครวญคำ
รำพันพจน์ฝากจันทร์เรานั้นท้อ
ชะตาหนอฤๅดลใจในสรรพส่ำ
คืนที่จันทร์แจ่มจ้าฝนพร่าพรำ
ผู้หนึ่งช้ำลำเค็ญทุกข์เข็ญใจ
จันทร์ช่วยเสกฝนรดจนหมดฟ้า
เพื่อชะล้างน้ำตาพาสดใส
จวบฝนซาฟ้าสางสว่างอำไพ
ความโศกเศร้าจะสูญไปโดยไม่คืน ๚ะ๛
3 กรกฎาคม 2549 10:08 น.
อัลมิตรา
..๏ ด้วยรอยยิ้ม-หัวใจ-อันใสซื่อ
กับสองมือสองเท้าชาวอีสาน
บนแผ่นดินแล้งร้าวมายาวนาน
ทุกนาหว่านนาดำมีน้ำใจ
ทุ่งนาแล้งหัวใจไม่เคยแล้ง
อุ่นรับแสงตะวันทุกวันใหม่
สอนลูกหลานทุกคำจงจำไว้
บุญคุณใดเปรียบแม้นคุณแผ่นดิน
ธารชีวิตพันธะในกระแส
อาจปรับแปรเปลี่ยนอยู่มิรู้สิ้น
ขอเพียงแต่แค่พออยู่พอกิน
มีน้ำใจไหลรินเพื่อแบ่งปัน
อนาคตสดใสซื้อไม่ได้
หากคนไทยมัวแย่งคิดแข่งขัน
ถ้ายิ่งแล้งน้ำใจไปนานวัน
นายิ่งแล้งเช่นนั้นอันตราย
มองรอยยิ้มเห็นหัวใจอันใสซื่อ
มองแววตาพาสื่อเห็นความหมาย
ข้าวเมล็ดน้อยลำบากอีกมากมาย
รอน้ำใจงอกกลายเป็นกล้างาม
แผ่นดินไทยแผ่นดินทองของเรานี้
ทุกถิ่นที่ล้วนถือคือสยาม
มีชีวิตมีน้ำใจใต้ฟ้าคราม
ข้าวล้นหลามเต็มยุ้งท่วมทุ่งทอง ๚ะ๛