21 กันยายน 2549 12:11 น.
อัลมิตรา
..๏ หลบหลีกปลีกเร้นแฝงกาย
เหนื่อยหน่ายใจปวดรวดร้าว
ปิดตายใจตนทนหนาว
เรื่องราวอื่นใดใคร่ลืม
ถ้อยคำล้ำเลิศเพลิดเพลิน
ใครเกริ่นเคยกล่าวให้ปลื้ม
น้ำใจไมตรีที่ยืม
ดูดดื่มชั่วคราวเอาคืน
ดนตรีบรรเลงเพลงหวาน
กลอนกานท์เคยให้ไยฝืน
อ่อนใจชอกช้ำกล้ำกลืน
ขมขื่นสรรพสิ่งจริง-ลวง
คืนวันผันแปรเปลี่ยนแปลง
เธอแสดงแสร้งรักแลห่วง
อวสานความหลังทั้งปวง
ฤๅตวงตักรักจากเรา ?
แล้วจึงผลักไสไล่ส่ง
ยังคงเย้ยหยันความเขลา
รักแท้กลับกลายคล้ายเงา
ที่เหลือคือเศร้าความจริง
ห่วงใยเสมือนเช่นคมกริช
หมายปลิดริดรอนทุกสิ่ง
น้ำคำทุกพยางค์อ้างอิง
เสมือนปลิงเกาะใจให้ระบม
สิ้นรักภักดิ์พร้อมยอมลา
หลบหน้าจำฝืนขื่นขม
สลัดคราบภาพชื่นรื่นรมย์
ตรอมตรมคงมลายหายไป
กบดาน นิ่งสงบหลบเร้น
ว่างเว้นเรื่องราวเก่าใหม่
เฉยชาซ่อนตัวหัวใจ
ยังใคร่เปล่าเปลี่ยวปลีกตน ๚ะ๛
19 กันยายน 2549 17:39 น.
อัลมิตรา
..๏ ..เฝ้าคิดฝันสักวันได้พานพบ
มิได้คบมิ่งมิตรแต่คิดถึง
ความรู้สึกดีดีมีตราตรึง
เป็นที่หนึ่งเสมอมากล้ายืนยัน..
แค่คำพูดเชื่อได้อย่างไรหนอ
เซียนชีกอแอบเพ้อละเมอฝัน
ตัวตลกทะเล้นไม่เว้นวัน
คิดข้ามขั้นเขียนกลอนออดอ้อนวาง
ก็เห็นอยู่ทนโท่ พิโธ่เอ๋ย !!..
เราจำเฉยเพราะจิตไม่คิดหมาง
สังคมเน็ตโดยรวมเล่นร่วมทาง
ฤๅควรอ้างเชื่อได้รักใครจริง
อย่าเพียงเปรยคำหวานนำหว่านทั่ว
เพื่อพันพัวล่อหลอกเฉกกลอกกลิ้ง
เรื่องราวที่ผ่านมาเรากล้าติง
จีบแล้วทิ้งมากมายนับได้ตรึม
แต่ละชื่อมอบให้ขอบใจบ้าง
มัวอำพรางซ่อนกลเป็นคนทึ่ม
พ่อลิเกปราชญ์เปรื่อง แสร้งเซื่องซึม
ตีหน้าขรึมฉากแท้แก้เกี้ยวเรา
อย่าคิดเล่นกับไฟโดยไม่รู้
อย่าขี้ตู่ยกตนดุจคนเขลา
อย่าบังอาจเก่งกล้าไล่คว้าเงา
อย่าเป็นเหมือนแมงเม่าถูกเผาตาย
ฝากเตือนตนเตือนใจอย่าใหลหลง
ที่ควรปลงก็ทำเถิดประเสริฐหลาย
ให้เบนเข็มออกห่างก่อนวางวาย
ดีกว่าอายแล้วหมดความอดทน
หากดื้อดึงถึงห้ามยังปรามยาก
แม้นลำบากก็ไม่หลีกปลีกสักหน
ยอมเผาร่างท่ามอัคคีที่ร้อนรน
ปีกร่างป่นโดยพลันเราบรรเลง ๚ะ๛
17 กันยายน 2549 00:05 น.
อัลมิตรา
..๏ เจ้ามวลบุปผา
สวยล้ำงามตา...........เสาวภาเรื่อระนาว
ผลิดอกเบ่งบาน........แสนสะคราญบางคราว
ลมล่องต้องหนาว......จึ่งจราว*พร้อมเพรียง
..๏ กลีบบางพลิ้วไหว
หอมกรุ่นปานใด.........ภมรใคร่เลียบเคียง
คลุกเคล้าเล้าโลม.......สุขโสมย์พอเพียง
ตราบปลีกหลีกเลี่ยง....ยังเรียงรายงาม
..๏ อวดโฉมยามเช้า
แช่มชื่นเฉิดเฉลา........พริ้มเพราล้นหลาม
ครั้นลมแผ่วผ่าน..........สั่นสะท้านทุกยาม
โอนอ่อนผ่อนตาม........งดงามลักขณา
..๏ ครั้นรุ่งอรุณฉาย
เร่งรี่คลี่คลาย..............เสมือนหมายโสภา
ชูช่อแข่งขัน................เช่นประชันครั้งครา
ต้องแสงสุริยา.............อวดฟ้าท้าลม
..๏ ครั้นต้องลมแรง
กิ่งกวัดก้านแกว่ง.........เปลี่ยนแปลงน่าชม
ล้ำพิลาสดาษดื่น...........ให้ชื่นรื่นรมย์
แสนสลวยสวยสม.........เชยชมชื่นใจ
..๏ ครั้นพรากจากขั้ว
ลอยละลิ่วไปทั่ว............มิกลัวหรือไร
พลัดพลิ้วปลิวลม..........สังคมแปลกไป
พบพานสิ่งใหม่.............หวังใครใคร่ยล ? ๚ะ๛
15 กันยายน 2549 16:51 น.
อัลมิตรา
..๏ หัวใจเราดูคล้ายร้ายหรือนั่น
ทำลายฝันของเขาจนไห้โหย
เขาเขียนกลอนเพ้อพร่ำซ้ำโอดโอย
รับรู้โดยเจตนาคงว่าเรา
งานอาศรมชาวอักษรย้ำย้อนคิด
พันธมิตรฅนโคลงโยงเพื่อนเก่า
จึงอาสาอำนวยช่วยแบ่งเบา
อยู่เปลืองเปล่าวันหยุดเร่งรุดมา
แต่สิ่งควรสมมาตรกลับคลาดแคล้ว
อ้างแน่แน่วแต่เร้นคราวเห็นหน้า
ฤๅเป็นเพราะภาพฝันอัลมิตรา
บรรเจิดกว่าตัวตนบนโลกจริง
เพราะอ่านกลอนของเขาที่เฝ้าล้อ
เราพาลท้อน้อยใจในทุกสิ่ง
แต่ละถ้อยซ้ำซ้ำเขาย้ำติง
เราเย่อหยิ่งหรือไรจึงไม่แล ?
ฝันสลายกลายเป็นอากาศธาตุ
โอ้อนาถหนอเขาเย้ากระแส
ลึกลงไปใครล่วงรู้ดวงแด
โธ่ !! ที่แท้..เขาอ้างเราหมางเมิน
รอยยิ้มที่แจกจ่ายทำไม่รับ
มาย้อนกลับเราด้วยจิตขวยเขิน
เรามิใช่เพื่อนแท้แค่ส่วนเกิน
เขาฤๅเพลินสนทนาคบหาเรา ๚ะ๛
14 กันยายน 2549 11:43 น.
อัลมิตรา
..๏ มองไกลสุดปลายสายฟ้า
เมฆาลาเลื่อนเคลื่อนหาย
บังเกิดอัศจรรย์พลันกลาย
โปรยปรายเป็นเม็ดเกร็ดงาม
สวยใสต้องกายเย็นฉ่ำ
สุขล้ำเกลื่อนกล่นล้นหลาม
กระเซ็นเป็นละอองฟองตาม
ยังความสดชื่นรื่นรมย์
กี่เม็ดโปรยปนหล่นฟ้า
แหงนหน้าเพ่งมองสวยสม
กายเปียกเย็นฉ่ำตามชม
ยามลมล่องแผ่วพัดพา
เมฆฝนบนฟ้าครากลาย
ควรหมายสุขสันต์หรรษา
ชมวสันต์พลันเพลินเจริญตา
จนกว่าซาสร่างร้างกลาย
สองมือชูรับจับน้ำ
ดื่มด่ำความเย็นกระเซ็นสาย
น้ำฝนกลางหาวราวคลาย
ดับกระหายโหยหิวกิ่วท้อง
ฝูงนกเริงร่าหฤหรรษ์
เฉกฉันไม่ขยับจับจ้อง
ปรารถนาเห็นรุ้งเรืองรอง
ขอบฟ้าสีทองอำไพ
สายฝนโปรยปรายคล้ายเคลื่อน
คล้อยเลื่อนลอยห่างทางไหน
คงเหลือดินชุ่มพุ่มไม้
สวยใสสดชื่นตื่นตา
ต่างแย้มดอกตามความฉ่ำ-
ชื่นล้ำรับรองพฤกษา
เสกสรรค์หลากสีลีลา
เกินกว่าบรรยายในกวี
สายรุ้งพุ่งพานภาเพริศ
ล้ำเลิศปาฏิหาริย์วรรณฉวี
สัตตพรรณช่างล้ำงามมี
บังเกิดยามที่ฝนคลาย
ต้องแสงสุรีย์ฉายกลายเปลี่ยน
ล้อเลียนฝนฟ้าคราหาย
สดชื่นแจ่มใสใจสบาย
เรียงรายงดงามยามมอง ๚ะ๛