5 กันยายน 2550 20:09 น.
อัลมิตรา
๏ หากหัวใจเธอสงบจะพบสุข
ที่เคยทุกข์ผ่อนคลายหายโศกศัลย์
ยามแจ่มแจ้งหัวใจจะรู้พลัน
รักคราวนั้นเพียงบ่วงภาพลวงตา
หากยังเจ็บยังปวดรวดร้าวจิต
เพียงหยุดคิดแล้วค้นเหตุผลหา
กระไรเล่าลงทุนช้ำด้วยน้ำตา
เสียเวลาหรือเปล่าเอาใจตรอง
ขอให้เธอใช้สิทธิ์พินิจเลือก
จะปลดเปลือกทุกข์ทนความหม่นหมอง
หรือกอดความช้ำชอกดุจครอบครอง
ฉันเฝ้ามองเบื้องหลังเป็นพลังใจ
อยากให้เธอยิ้มระรื่นกล้ายืนหยัด
แล้วขจัดความกังวลจนผ่องใส
เรื่องที่ผ่านมาแล้ว...จงแล้วไป
เริ่มต้นใหม่อีกคราอย่าล้าแรง ๚ะ๛
เ รื่ อ ง ที่ ผ่ า น ม า แ ล้ ว . . . แ ล้ ว กั น ไ ป
ซั บ น้ำ ต า ที่ ริ น ไ ห ล . . . ชุ บ ใ จ เ ดิ ม
3 กันยายน 2550 14:48 น.
อัลมิตรา
...สายลมแผ่วพลิ้ว..ยังให้ใบไม้ไหวสั่นคลอน...
...ราตรีที่ถูกทักทายด้วยสายลมแห่งวสันตฤดู...
...พลันบังเกิดเสียงแมกไม้ลู่ไปตามสายลม...
...กระต่ายน้อยตัวหนึ่ง ชะเง้อชะแง้มองจันทร์...
...ไม่เพียงแต่กระต่ายน้อยเท่านั้น...
...ที่ยังมีความเพ้อฝันและเพรียกหา...
...มันคอยจ้องความตระการแห่งจันทรา...
...แล้วหวังใจว่า...จันทราจะปรานี...
...กระต่ายน้อย...มันไม่รู้เลยว่า...
...อีกหนึ่งมนุษย์ผู้น่าเวทนาอุรานี้...
...มิต่างกันกับเจ้ากระต่ายน้อยในพงพี...
...วิงวอนให้จันทราปรานีและเห็นใจ...
...จันทร์เจ้าเอย...
...โปรดมอบความรักความห่วงใยและอาทร...
...แม้นยามเหนื่อยอ่อนครั้งคราไหน...
...คราต้องทุกข์ระทมตรอมตรมใจ...
...จันทราอันสว่างกระจ่างใส...
...โปรดเถิด โปรดได้ปลอบขวัญ...
...กระต่ายน้อยตัวหนึ่ง...
...กับมนุษย์ผู้ซึ่งโศกเศร้าร้าวรำพัน...
...รอคอยค่ำคืนอันตระการตามา..นิจนิรันดร์...
...โอ้ดวงจันทรานั้น จักเห็นใจหรือไม่เอย ?
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
๏ ครุครุ-ลหุ-ครุครุ1..........ลหุลหุ-ครุ1-ลหุ-ครุครุ2
ครุครุ-ลหุ-ครุครุ2 ............ลหุลหุ-ครุ-ลหุ-ครุครุ3
๏ ครุครุ-ลหุ-ครุครุ4..........ลหุลหุ-ครุ4-ลหุ-ครุครุ3
ครุครุ-ลหุ-ครุครุ3.............ลหุลหุ-ครุ-ลหุ-ครุครุ ๚
..๏ ครั้นรัตติกาลเยือน.......ศศิเคลื่อนนภาพราว
พลันให้หทัยหนาว............อุระร้าวมิเสื่อมคลาย
ครุ่นคิดคะนึงหา...............ฤ ยุพาสิกลับกลาย
เชยชิดสนิทชาย-.............นระอื่นและชื่นชม ๚
..๏ ครั้นแสงพระจันทร์ส่อง..สิริผ่องประภาสม
ฤๅน้องมโนรม..................ฤ สิชมเสมือนกัน
เพรียกเพ้อละเมอถึง........และคะนึงมิเว้นวัน
ข่มใจมิใฝ่ฝัน...................รตินั้นก็ลุกลาม ๚
..๏ แผ่วผ่าวพระพายพัด...และอุธัจประชิดตาม
ครั้นจิตพินิจความ............มิสงบและบรรเทา
เหยียบย่ำกระหน่ำจิต.......วิปริต ฤ หนอเรา
หม่นหมองมิบางเบา........ขณะเศร้าและอาลัย ๚
..๏ ยามเมื่ออดีตนั้น..........ปริพันธ์กวีให้
กล่อมเจ้าระรื่นใจ.............อภิรมย์และสมปอง
ร้อยคำประพันธ์พจน์.........นยะบทกวีผอง
เอื้อนอรรถรสพ้อง.............สรพันและเย้ายวน ๚
..๏ เชยชิดสนิทเจ้า............ผิว์กระเซ้าสิเสสรวล
ตรึงในฤทัยชวน-...............อนุจินต์ถวิลหา
ดาวเดือนสิเคลื่อนคล้อย.....ดุจลอยและร้างลา
ตราบเมื่อสุรีย์จ้า................ลลนา ฤ เช่นกัน ๚
..๏ สิ้นรักประจักษ์จิต.........บ่สนิทสนมพลัน
ลืมเลือนอดีตนั้น...............มิตระหนักและภักดี
คืนนี้นภาพราว..................ศศิวาวสกาวศรี
แต่ข้าพเจ้ามี-...................ปริเทวนาการ ๚
..๏ คร่ำครวญคะนึงหา- .....วนิดาบ่เว้นวาร
เจ้าลืมเกษมศานต์............ณ อดีตกาลฤๅ ๚ะ๛
30 สิงหาคม 2550 17:14 น.
อัลมิตรา
๏ มีเรื่องราวมากมายให้ศึกษา
หลากแหล่งมากระทบจิตขบคิดขำ
แสนวุ่นวายหนุ่มสาวข่าวประจำ
รัก/หลอก/อำ ยามอ่าน ณ บ้านกลอน
มีคนโสดคนแก่แลพุ่มหม้าย
เสาะแสวงจุดหมายเพื่อไถ่ถอน
บ้างอ้างว้างโดดเดี่ยวเที่ยวสัญจร
บ้างหน้าสสลอนเจ้าชู้ประตูดิน
แล้วก็มีเด็กน้อยคอยซุ่มอ่าน
และคนพาลปากพล่อยคอยติฉิน
เหล่าขี้เมายาดองจ้องนัดกิน
ทุกทิศถิ่นปะปนบนสังเวียน
แม้นแจกแจงเรื่อยไปคงไม่หมด
ที่ปรากฏคราอ่าน ณ ลานเขียน
มีมาก/น้อยสาระหากจะเรียน
ถ้าไม่เพี้ยนเสียก่อนกลอนคงงาม
แนะนำให้แยกแยะและเรียนรู้
ประมวลดูด้วยสติอย่าผลีผลาม
เรื่องรักและหึงหวงบ่วงกรรมกาม
อย่าให้ลามเกินขอบกรอบความจริง
เรื่องในเน็ตอื้อฉาวข่าวเอ็ดอึง
เพราะปากหนึ่งยากฉุดให้หยุดนิ่ง
เขียนกลอนแล้วทุกข์ใจใคร่ท้วงติง
อ่านกลอนแล้วจริตสิงยิ่งไม่ควร
จากคนที่เห็นครบประสบการณ์
ครากวาดบ้านก็พิเคราะห์เหมาะถี่ถ้วน
ความวุ่นวายมากมายหลายกระบวน
ทั้งหมดล้วนปล่อยใจกันไปเอง ๚ะ๛
29 สิงหาคม 2550 23:30 น.
อัลมิตรา
๏ เลือกนายเพื่อปกป้อง...ฝูงตน
นายเพื่อกันแดดฝน.........หลบได้
นายดังท่อนซุงขน...........ลอยละล่อง
นายที่เก่งฉกาจไซร้........ปราศผู้เสมอเหมือน ฯ
๏ บนบานศาลกล่าวท้าว..จตุคาม ฯ
โปรดส่งนายสง่างาม........แกร่งกล้า
องอาจเปื่องปราดยาม.....เศรษฐกิจ - ตกแฮ
ใครรุกรานซึ่งหน้า...........ปกป้องผองเรา ฯ
๏ เป็นนายอันพรั่งพร้อม...คุณธรรม
สุจริตเป็นผู้นำ.................กบน้อย
ยามสงบต่างเต้นรำ..........พาระรื่น
ยามศึกพาหมู่ข้อย...........ผ่านพ้นภยันตราย ฯ
๏ เสียงดังไปทั่วทั้ง..........ผืนนา
จนเหล่าเทพยดา.............เบื่อแท้
จึงส่งนกกระสา................ยังหมู่ - กบเฮย
ตามจิกกินอิ่มแปร้............ต่างต้องกระโจนหนี ฯ
๏ ขอโน่นขอนี่ไร้-..........พอเพียง
มึงเจือกมาแผดเสียง.......สนั่นฟ้า
จนตูแทบตกเตียง............สะโพกหัก
หากโหวกเหวกบ่นบ้า........จักให้กระสุนปืน๚ะ๛
27 สิงหาคม 2550 21:20 น.
อัลมิตรา
๏ เพราะเปราะบางหัวใจจึงไหววูบ
เพียงแรกจูบกำซาบจิตวาบหวาม
หลงคิดว่า"ความรัก"ทึกทักความ
แผลงนิยามโดยไม่ใส่ใจพอ
จวบรักร้าวคราวนั้นพลันได้คิด
สำคัญผิดรักได้อย่างไรหนอ
แค่ฟังเขาพร่ำเพ้อเผลอเออออ
ช่างบ้าบอเหวยเราโง่เง่าจริง
แท้ความรักอยากเฉลยไม่เคยมี
เมื่อก่อนนี้ฝันหวานวิญญาณสิง
จึงหลงเชื่อง่ายง่ายใครอ้างอิง
กว่าความจริงปรากฏทั้งหมดลวง
ความสัมพันธ์ผันแนวไร้แววย้อน
เฉกละครอวสานผ่านลุล่วง
นี่หรือรัก ? ถามใจ..ไม่ทั้งปวง
เราติดบ่วงความฝันเท่านั้นเอง ๚ะ๛