23 มิถุนายน 2551 12:49 น.
อัลมิตรา
๏ เราแวะบ้านอ่านกลอนเมื่อตอนสาย
แลคลับคล้ายอุราเจ้าล้าถอย
ถูกจาบจ้วงล่วงล้ำเจ็บซ้ำรอย
อย่าใจน้อยโศกเศร้าเราเคยเป็น
คราคิดขีดเขียนกลอนตอนอ่อนหัด
ครูจับคัดบ่อยนัก..ถีบ/ผลัก/เข็น
สัมผัสเลือนเฝื่อนคำแสนลำเค็ญ
กว่าจะเค้นสักถ้อยลบร้อยพัน
กลอนอดสูครูล้อห่อกล้วยแขก
ครูจำแนกหวังสะกิดใช่คิดขัน
เพื่อให้ฮึกเหิมสู้เรียนรู้พลัน
เราดื้อรั้นจึงเครียดนึกเกลียดครู
เพราะเชิงด้อยน้อยใจในคำกล่าว
แอบรวดร้าวบางครั้งนั่งหดหู่
ไม่กล้าเขียนใดใดไม่กล้าดู
ด้วยเกรงผู้เวียนแวะชำแหละกลอน
ตราบสงสัย/ไม่กล้า/แถมล้าจิต
พลอยหงุดหงิดเหลือใจมิไถ่ถอน
โดนเหยียบย่ำคำนั้นช่างบั่นทอน
แม้นเชิงอ่อนวัยแก่อยากแก้ตัว
ใครหมายติเตือนตนอดทนรับ
นำมาปรับกระบวนให้ถ้วนทั่ว
ใครสัพยอกบอกใจอย่าไปกลัว
จะดีชั่วอย่าสะท้านผลงานเรา ๚ะ๛
21 มิถุนายน 2551 18:26 น.
อัลมิตรา
๏ คราเข้าบ้านพานพบศพอักษร
วุ่นวายว่อนจนเปรอะเลอะเทอะถ้วน
ผู้ปากกล้าอารมณ์เกินสมควร
วางมาดเถื่อนเอะอะด่าประปราย
ต่างพรรคพวกจวบยับเผลองับแข้ง
อวดกำแหงองอาจฉลาดหลาย
ผู้ขัดขืนยืนกลางช่างเปล่าดาย
ถูกท้าทายโยนเชือก ..จงเลือกข้าง!!!
เถอะสั่งตนคนเดียวอย่าเกี่ยวข้อง
อย่าทำให้พวกพ้องต้องหมองหมาง
หากความคิดผิดแผกควรแยกทาง
อย่ายกอ้างเหตุผล ว่า..คนเลว !!!
ศพอักษรเสียดสีที่เกลื่อนกลาด
ซากประหลาดควรทิ้งให้ดิ่งเหว
กลบความกร่างวางฟืนสุมไฟเปลว
เผื่อหลอมเหลวหล่อใหม่โดยไร้ควัน ๚ะ๛
17 มิถุนายน 2551 22:09 น.
อัลมิตรา
๏ ฉันปล่อยวางบางอย่างระหว่างคิด
และใช้สิทธิ์ละเมอยามเพ้อฝัน
อาศัยเพียงเรียงร้อยถ้อยรำพัน
แล้วแบ่งปันศาสตร์ศิลป์จินตกวี
ฉันมิใช่ได้แต่ดูแลระบบ
หรืออ่านกลอนจนจบแล้วหลบหนี
ฉันพากเพียรเขียนบ้างอย่างเสรี
ถอดหน้าที่สวมจริต.. "อัลมิตรา"
มวลโคลงกลอนกาพย์ฉันท์นับนานเนิ่น
ฉันเพลิดเพลินความหมายนายภาษา
บรรยายเพลงละเลงความตามแปลมา
สมมุติตนประหนึ่งว่านานาเป็น
ในโลกฝันฉันแสร้งแต่งแต้มสุข
เก็บโลกทุกข์ซ่อนไว้มิให้เห็น
ด้วยกลาดเกลื่อนเงื่อนไขนัยประเด็น
ฉันโลดเต้นตามแต่กระแสกลอน
นามแฝงฉัน "อัลมิตรา" คราขีดเขียน
มักผิดเพี้ยนแผนผังเมื่อครั้งก่อน
ฝ่าระเบียบแบบแผนผิดแผกตอน
จนเหล่าปราชญ์หัวคลอนคงอ่อนใจ
เท่าที่เห็นเป็นฉันจวบวันนี้
ตัวตนที่ยากเลียนปรับเปลี่ยนได้
สูงศักดินาสามัญชนชั้นใด
คราคบใครผองเราเท่าเทียมกัน
ท่ามสีสันศิลป์กวีที่งดงาม
หากมวลมิตรติดตามนิยามฉัน
"มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า" ค่าอนันต์
เปล่าแปลงปั้นแล้งลมแล้วลอยเลย
ผู้ใดคิดสนิทสนมดุจชมชอบ
ฉันกำนัลกลอนมอบพินอบเอ่ย
ผู้ใดเกลียดเคียดแค้นขึ้งโกรธเกย
แม้นหนึ่งเปรยค่อนคำเกินจำเป็น
ฉันตีกรอบขอบเขตเลี่ยงเภทภัย
พยายามไม่พูดพร่ำกระทำเด่น
กำแพงรอบเรียงรายตาข่ายเอ็น
กันศัตรูลอบเร้นบีบเค้นคอ
มากเรื่องราวเรียนรู้ดูห่างห่าง
มากตัวอย่างซึ้งใจกว่าใครหนอ
ศาสตร์มนุษย์สุดขยายบรรยายพอ
ยามเติมต่อโลกฝัน "อัลมิตรา"
ปลดปล่อยใจให้ว่างระหว่างคิด
ช่างวิจิตรพิสดารกานท์ภาษา
เพียงไม่เสื่อมสูญสิ้นจินตนา
ย่อมอักษรานุภาพตราบรำพึง ๚ะ๛
16 มิถุนายน 2551 21:55 น.
อัลมิตรา
๏ เรื่องบางเรื่องเปลืองเปล่าด้วยเฝ้าคิด
เรื่องบางเรื่องดลจริตแผกผิดผัน
เรื่องบางเรื่องเคืองโกรธหลงโทษกัน
เรื่องบางเรื่องเหล่านั้นเรื่องฉัน-เธอ
ล่วงวันลับคลับคล้ายหมายทบทวน
จึงประมวลเหตุการณ์มิพาลเผลอ
พบเงื่อนงำอำพรางบางอย่างเจอ
ตอนนั้นเซ่อหรือเขลาปราศเข้าใจ
ถูกซึมแทรกแรกเริ่มสิ่งเสริมแต่ง
ถูกลอบแทงหักหลังยังจำได้
ถูกประณามหยามหมิ่นจากลิ้นใคร
ทุกเภทภัยทดสอบคำตอบมี
ความแค้นเคืองเรื่องราวในคราวก่อน
เหมือนเธอสอนให้คำนึงถึงวิถี
ท่ามโลกกว้างบางคนคล้ายคนดี
ตัวอย่างที่เปลี่ยนแปรธาตุแท้เธอ
เรื่องบางเรื่องเปลืองใจอย่าไปคิด
ควรปกปิดอย่าย้ำนำเสนอ
เรื่องเล่ห์กลค้นหาจนกว่าเจอ
แล้วอย่าเผลอวางใจใครบางคน ๚ะ๛
10 มิถุนายน 2551 23:48 น.
อัลมิตรา
๏ "หากยังมีที่ว่างให้วางใจ
ขอเป็นฉันได้ไหมอาศัยอยู่
เพราะทั้งปวงดวงจิตคิดอุ้มชู
ขอเคียงคู่คลอขวัญนิรันดร"
คือสัญญาคราก่อนยามย้อนวัน
ถ้อยรำพันประทับใจมิไถ่ถอน
"ตราบสิ้นฟ้าสิ้นใจ"..ไม่คิดคลอน
เพียงพจน์อ้อนนานไปไม่จิรัง
ที่ปรากฏบทนัยไยแปรเปลี่ยน
สูญเสถียรบริบทคล้ายหมดขลัง
ปราศแน่วแน่แท้จริงจิตชิงชัง
ฤๅ เผลอพลั้งพลิกลิ้น.."ตราบสิ้นใจ"
ณ ที่นี้ที่ว่างคงว่างเปล่า
มิเหลือเงาพร้อมปลงเลิกสงสัย
จบตำนานกาลก่อนมิย้อนใด
ลืมบางใครเสมือนกลบลบรอยจำ ๚ะ๛