29 สิงหาคม 2551 22:25 น.
อัลมิตรา
๏ และแล้ววันเข่นฆ่าก็มาถึง
เสียงเอ็ดอึงอลหม่านสุดขานไข
ต่างพิฆาตฟาดฟันจนบรรลัย
นี่หรือไทย..รู้รักสามัคคี
ผืนไตรรงค์คงอนาถขาดสะบั้น
ความจริงนั้นบ่งชัดว่าบัดสี
สัญลักษณ์แดงแห่งเลือดเดือดธุลี
โอ้ ! ปฐพีขวานทอง..นองน้ำตา
เชิญเข่นฆ่าให้ตายไทยหายเกลี้ยง
กระสันเสี่ยงเสียจนคล้ายคนบ้า
เหี้ยนกระหือถืออาวุธเร่งรุดมา
เถอะอย่าช้า..คราวนี้เห็นดีกัน
หากคนไทยใจสู้รู้แต่รบ
แค่ดินกลบร่างหนอตายบ่ยั่น
หากคนไทยอัตคัตเรื่องสัตย์บรรณ
ตายแค่นั้นเปล่าผิดเรื่องนิดเดียว
มาเถอะมา..มาตาย..ทำลายชาติ
ผ้าแดงขาดสองส่วนล้วนเศษเสี้ยว
เหลือน้ำเงินเพลินขาวริ้วราวเรียว
แดงโดดเดี่ยวผละได้จากไตรรงค์ ๚ะ๛
26 สิงหาคม 2551 13:06 น.
อัลมิตรา
๏ เขาชวนให้ไปตายหลายคนเชื่อ
กระทิง เสือ แรด สิงห์ โร่วิ่งใส่
มากค่ายกลกับดักเพื่อจับไป
นายพรานใหญ่รวยทรัพย์รับไม่ทัน
กระทิงเหี้ยมเตรียมพร้อมดุ่มด้อมขวิด
เสือซุ่มหมอบหมายพิชิตชีวิตนั่น
สิงห์ตะปบประเดี๋ยวคาบเคี้ยวพลัน
แรดตาสั้นเหยียบขย่มตัวจมเลน
สรรพสัตว์ห้ำหั่นแล้วบรรลัย
เกินกว่าใครปราบปรามลงความเห็น
เมื่อต่างสัตว์กักฬละหลงประเด็น
วิญญาณเซ่นพร้อมพลีคัมภีร์มาร
พฤติกรรมธรรมชาติของส่ำสัตว์
โดดเด่นชัดดาษดื่นบนพื้นฐาน
แต่พจน์ผู้ปลุกระดมอุดมการณ์
วิตถารแยบยลกลอุบาย ฯ
ในท่ามกลางส่ำสัตว์ระส่ำระสาย
วิ่งไล่หาตัวตนไปจนตาย
หรือเงียบเหงาเปล่าดายเป็นธรรมดา.
22 สิงหาคม 2551 23:09 น.
อัลมิตรา
๏ เป็นกวี.. ดีอย่างไรหัวใจคิด
อภิสิทธิ์แค่ไหนอยากไถ่ถาม
เด่นปราดเปรื่องเลื่องลือระบือนาม
เกียรติ์ล้นหลามหรือไรนัยยะ"กวี"
เมื่อชาวชนธรรมดาค่าต่ำต้อย
เทียบเท่าถ่อยไร้ตรรกต่ำศักดิ์ศรี
คิดประดับศัพท์แสงแต่งพาที
โน่น ! สวรรค์ฉิมพลีมากมีคำ
กวีเอย.. เผยพจน์ปรากฏวิญญ์
อาจเสื่อมสิ้นเกียรติยศเพราะบทพร่ำ
กวีเอย.. แม้นเลิศประเสริฐกรรม
ย่อมเลอล้ำศิลป์สนองเพื่อผองชน
โอ้กวี.. ดีอย่างไรชวนให้คิด
ถ้าถือสิทธิ์เที่ยวกร่างเบ่งบางหน
เมื่อต่างรู้ร้อนหนาวคราวทุรน
ล้วนชาวชนเเสมอกันแบ่งชั้นไย ๚ะ๛
14 สิงหาคม 2551 08:37 น.
อัลมิตรา
๏ แสนสุขใจในกะลาประสากบ
อยู่ตามงบประมาณเบิกบานจิต
เรื่องสุขโศกโลกใหญ่ไม่เคยคิด
ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยเหนื่อยก็พัก
นอกกะลาว้าวุ่นเรื่องขุ่นแค้น
ยิ่งแสล๋นยิ้มเสนออาจเจอหนัก
ไม่คิดเสี่ยงเสียหายยุ่งตายชัก
มากกับดักมรสุมรายรุมล้อม
มาตรแม้นมีอีโก้คอยโห่ฮิ้ว
เรื่องประติ๋วเต่าตุ่นกระตุ้นต่อม
กบทั้งมวลควรข่มอารมณ์ยอม
และต้องพร้อมอยู่ได้ใต้กะลา
อยู่อย่างกบ อ๊บ อ๊บ ร้องกลบเสียง
บรรเลงเพียงเผ่าพงศ์ดำรงป่า
เทียบสวรรค์ชั้นไหนในโลกา
วงศ์วานข้าฯ เจียมตนไม่สนใจ
กะลาอับคับแน่นแต่แสนงาม
มิตรภาพล้นหลามติดตามได้
หากรังเกียจกะลานักดักดานไย
หากสุขไซร้กะลาถิ่นก็ยินดี ๚ะ๛
11 สิงหาคม 2551 22:59 น.
อัลมิตรา
๏ เคยมองมวลเมฆคล้อย......บนนภา
เคยทักทายสกุณา................ใหญ่น้อย
เคยชมชื่นสุริยา....................จันทร์กระจ่าง
เคยนับดาวเรียงร้อย..............ต่างสร้อยแพรวประไพ ๚
๏ เหิรหาวราวระรื่นด้วย.........ระเริงใจ
แสนงดงามสดใส.................ยิ่งแล้
สนทนาซึ่งคำใด...................ตรึงจิต
นวยนาตรกรีดกรายแม้..........เหนื่อยนั้นยังงาม ๚
๏ ถึงยามจากฟากฟ้า.............นภาพรหม
จากเมฆหมอกเคยชม...........ก่อนนั้น
จากวิหคเสมือนตรม-.............ตรอมอยู่
จากหมู่ดาราครั้น-.................ระลึกแล้วระทมใจ ๚
๏ จากจันทร์อันกระจ่างฟ้า......รัตติกาล
จากซึ่งสุริยการ......................เพริศแพร้ว
จากฝนอีกคัคนานต์...............ยังคร่ำ- ครวญเฮย
พลัดพรากจากไกลแล้ว...........ร่ำไห้คนึงหา ๚
๏ งามเถิดงามเช่นเจ้า............เคยงาม
งามถิ่นแดนดินตาม..............ภาคพื้น
งามคำที่สนทนาความ..............ดังก่อน นาแม่
งามจิตใจชุ่มชื้น.....................เช่นฟ้าพิไลพรรณ ๚
๏ เดินดินฤๅไร้ซึ่ง...................สุขสบาย
มีสิ่งงามมากมาย...................เพื่อเจ้า
อิฐผลที่พราวพราย.................แสนวิจิตร
เพียงตื่นยามรุ่งเช้า.................เสกสร้างดั่งประสงค์ ๚ะ๛