20 ธันวาคม 2551 22:49 น.
อัลมิตรา
ไม่ต้องกล่าวคำพูดใด แค่มองตาก็รู้ใจกัน
๏ ความแน่ชัดอัศจรรย์พลันปรากฏ
เกินกำหนดคาดหวังทั้งมุ่งหมาย
เธอสื่อความตามวลีอธิบาย
อันกล้ำกรายสู่จิตยังติดตรึง
แม้นสิ้นคำพร่ำเผยเปรยผองพจน์
ถึงไร้บทกานท์กวีที่ซาบซึ้ง
ส่งผลให้ความจริงสิ่งคำนึง
นำเนื่องถึงผลดีมีขึ้นมา
ทุกสิ่งสรรพ์ฉันทำบำเพ็ญอยู่
เธอย่อมรู้เข้าใจในทีท่า
แม้ปราศคำเปรียบเปรยเผยวาจา
หวังอยู่ว่าเธอนั้นพลันเข้าใจ
ดังความจริงสิ่งนั้นที่ฉันรู้
ความเป็นอยู่มีค่ากว่าสิ่งไหน
ถึงเธอนั้นไม่เปรยเผยความนัย
ฉันรู้ได้เสมอมากว่าถ้อยคำ
อันรอยยิ้มพริ้มพราย ย่อมหมายว่า
เธอปรารถนามีฉันนั้นเช้าค่ำ
ในแววตาเสมือนมวลถ้วนถ้อยคำ-
อันพลอดพร่ำย้ำวจีที่สัจจ์จริง
คือเคียงกันนิรันดร์กาลมิพาลพราก
ยังคงมากห่วงใยในสรรพสิ่ง
อ้อมกอดอุ่นละมุนมานพานแอบอิง
ยามพึ่งพิงยังตรึงซึ้งอุรา
ยามฉันพลาดประมาทไปหวังใจนัก
โอ้ที่รัก ..เธอยังนั่งตรงหน้า
แล้วช่วยเหลือเจือจุนหนุนนำพา
ทุกครั้งคราปราถนาดีมีห่วงใย
มิต้องเผยเปรยวจีที่เพ้อพร่ำ
ยังตอกย้ำความดีที่ยิ่งใหญ่
ฉันย่อมรู้อยู่เสมอ.. เธอห่วงใย
ย้ำหัวใจเสมอมาว่ามั่นคง
ทุกวันคืนอื่นใดในกาลก่อน
สิ่งลวงหลอนสารพันอันพิศวง
ทั้งเสียงศัพท์ลับเลศเจตจำนงค์
อันมุ่งตรงหลากเหตุเภทภัยมี
จากต่างตนคนมากผู้หลากหลาย
บ้างมุ่งร้ายคุกคามตามทุกที่
ทั้งลึกล้ำกล้ำกลายหมายย่ำยี
ยังคงมีเธอนั้นกอดฉันไว้
คำปลอบขวัญอันเพราะเสนาะนั้น
ถ้อยรำพันบทกวีที่สดใส
ล้วนมากมีเสมอมาพาสุขใจ
ตราบเภทภัยสารพันอันตรธาน
คือนิยามสัมพันธ์อันพร้อมพรั่ง
เติมผองพลังแห่งใจให้สอดผสาน
ร้อยใจเธอรวมฉันนิรันดร์กาล
โดยไร้การเผยพจน์บทวรรณกรรม
อันรอยยิ้มพริ้มพรายย่อมหมายว่า
เธอปรารถนามีฉันนั้นเช้าค่ำ
ในแววตาเสมือนมวลถ้วนถ้อยคำ-
อันพลอดพร่ำย้ำวจีที่สัจจ์จริง
คือเคียงกันนิรันดร์กาลมิพาลพราก
ยังคงมากห่วงใยในสรรพสิ่ง
อ้อมกอดอุ่นละมุนมานพานแอบอิง
ยามพึ่งพิงยังตรึงซึ้งอุรา
ยามฉันพลาดประมาทไปหวังใจนัก
โอ้ที่รัก .. เธอยังนั่งตรงหน้า
แล้วช่วยเหลือเจือจุนหนุนนำพา
ทุกครั้งคราปราถนาดีมีห่วงใย
มิต้องเผยเปรยวจีที่เพ้อพร่ำ
ยังตอกย้ำความดีที่ยิ่งใหญ่
ฉันย่อมรู้อยู่เสมอ.. เธอห่วงใย
ย้ำหัวใจเสมอมาว่ามั่นคง ๚ะ๛
18 ธันวาคม 2551 17:09 น.
อัลมิตรา
..๏ อย่าทำเป็นเซ้าซี้เรียก .. "ที่รัก"
หากรู้จักฉันเพียงแค่ผิวเผิน
อย่าสักแต่ขานให้ใครเพลิดเพลิน
ฉันรังเกียจเหลือเกินอย่าเดินตาม
อย่ากลิ้งกลอกบอกเล่าว่า .."เจ้าของ"
ทำทีเป็นเกี่ยวข้องทำนองห่าม
ตีสนิทชิดเชื้อเพื่อลวนลาม
หากจิตทรามเยี่ยงนี้ขอลี้ไกล
คำ.. "ที่รัก" ทักท้วงเพราะหวงตน
ปราศสับสนคำนั้นหรือหวั่นไหว
คำกล่าวขานผ่านแล้วจงแล้วไป
ชื่อของฉันเรียกได้อย่าได้เกรง
เรียกนิยามนามฉัน .."อัลมิตรา"
ฉันไม่ว่าไม่รำคาญพาลข่มเขง
เรียก.."ที่รัก" แล้งลมขรมบรรเลง
ทำตัวเจ๋งโดนด่าอย่าว่ากัน
โปรดทบทวนอีกครั้งอย่างตั้งใจ
อย่าเผลอไผลปากเปราะเลาะเล็มฉัน
อย่าแสร้งขานหวานหูด้วยรู้ทัน
พวกไก่อ่อนริขันด้อยชั้นเชิง
หากได้ยินดีอีกทีคำ .. "ที่รัก"
จะโดนหนักเพื่อไม่ให้ใครเหลิง
พวกพูดพล่อยปล่อยไว้ให้ระเริง
อาจกลายเพลิงเคืองขุ่นจนวุ่นวาย
อย่าทำเป็นเซ้าซี้เรียก .. "ที่รัก"
อย่าทึกทักเรียก .. "เมีย" ฉันเสียหาย
เสือผู้หญิงจิ้งจอกหากออกลาย
สมควรตายก่อนแก่เพราะแส่นัก ๚ะ๛
28 พฤศจิกายน 2551 15:11 น.
อัลมิตรา
๏ "โรงเรียนหยุดอย่างนี้ดีหรือแม่ ?.."
ฉันได้แต่สงบนิ่งปราศติงไหว
สายตาลูกประหนึ่งจ้องปากฟ้องไป
"ผมจะเรียนอย่างไร ?.. หากไม่ทัน"
"ทุกคนพูดเพื่อชาติประหลาดแท้
ชาติย่ำแย่ย่อยยับใครรับนั่น
หรือเศษซากส่วนเสียหารเฉลี่ยกัน
ผมแสนหวั่นเพราะผมพกเงินน้อย ! "
"ในขอบแคว้นเขตขันฑ์มิคสัญญี
เห็นมากมีปนเปื้อนคนเถื่อนถ่อย
ผมควรทำอย่างไร ?.. หรือให้คอย
ตอบผมหน่อย.. ผมอยากไปโรงเรียน"
ยินเรื่องราวเร้ารุกจากลูกชาย
"ความเสียหายคณานับเกินปรับเปลี่ยน
ท่ามสมรภูมิสถานการณ์ ณ สังเวียน
ชาติจวนเจียนล่มสลายไปกับตา"
"เพราะผู้คนมากมายดุจกลายพันธุ์
ฉวยอาวุธสารพันประจันหน้า
เรื่องโรงเรียนหยุดสอนผ่อนเวลา
คงจนกว่าคุณครูดูปลอดภัย"
"เมื่อฝ่ายต่างอ้างชาติประกาศกร้าว
เหตุอื้อฉาวจึงลุกลามเกินห้ามได้
เศรษฐกิจระเนระนาดอนาถใจ
เพราะคนไทยไร้รักสามัคคี"
"โรงเรียนหยุดอย่างนี้ดีหรือแม่ ?..
ท่ามกระแสสังคมโสมมนี่
ฉันตอบลูกไม่ได้ในกรณี
เด็กชายขี้สงสัยอยากไปเรียน๚ะ๛
................................................................
24 พฤศจิกายน 2551 13:22 น.
อัลมิตรา
๏ เชิญรังสรรค์บรรเลงบทเพลงเลือด
ให้มันเดือดระอุพล่าน ณ ลานสยาม
หากสติวินิจฉัย ..ฉันไม่ปราม
ฉันอยู่ท่ามแตกแยกมิแปลกใจ
โน่นก็บอกตอกย้ำทำเพื่อชาติ
โน่นก็สาดชี้รัฐเปรียบสัตว์ใหญ่
โน่นด่ากลางช่างขลาดเขลาบรรลัย
โน่นรอเสียบเสี้ยมไทยสุมไฟเติม
บรรเลงเพลงละเลงเลือดดุเดือดพล่าน
เคลิ้มอารมณ์เบิกบานสถานการณ์เริ่ม
ยามเพี้ยนคีย์ครุ่นคิดด้วยจริตเดิม
คนฮึกเหิมโลดเต้นเน้นลวดลาย
พอเสียงร่ำรัวกลองประกาศกล้า
ฉันรากหญ้าสนุกสนานสำราญหลาย
กว่าเพลงจบศพที่นอนเรียงราย
ซากสุดท้ายไหมนั่น... ฉันไม่รู้ ๚ะ๛
22 พฤศจิกายน 2551 10:35 น.
อัลมิตรา
๏ พระเพลิงโหมซากเขาเผาไหม้หมด
ยังปรากฏรอยอาลัยในอนุสรณ์
เหลือกระดูกเล็กน้อยพลอยสังวรณ์
ณ เชิงตะกอน ฤๅ ผู้ใด ใคร่หลบพ้น
เพราะเกิดแก่เจ็บตายความหมายสัตย์
บังเกิดวัฏฏสงสารวิญญาณผล
กว่าสูญสิ้นอจินไตยในสากล
ต้องเวียนวนเกิด-ตายอีกหลายภพ
ไปไม่กลับหลับไม่ตื่นฟื้นไม่มี
ย่อมเยี่ยงนี้กว่าผ่านปรินิพพานจบ
หากดำรงกงเกวียนเวียนกรรมครบ
จักประสบสุทธาวาสพิลาสล้ำ
มนุษย์เอย !
ชีพล่วงเลยประสงค์ใดในคืนค่ำ
แสวงหากิเลสาสวะ ฤๅ ละกรรม
ล้วนแต่กัมมัสสกตาสัทธา ๚ะ๛