9 พฤษภาคม 2552 13:57 น.
อัลมิตรา
๏ เรียน..เพื่อนพ้องน้องพี่ที่เคารพ
หนึ่งปีครบโครงการฯงานอาสา
ตามประวัติจัดการเนิ่นนานมา
ฉันพบว่า.."ศรัทธาดียังมีจริง"
เป็น"ผู้ให้"ใจสุขถ้วนทุกคน
เป็น"ผู้รับ"บางหนทุรนยิ่ง
เป็น"ผู้มอบ"มาตรจิตไม่คิดติง
ย่อมเพริศพริ้งคุณค่า .."ศรัทธาชน"
เชิญร่วมแรงร่วมพลังอีกครั้งครา
เชิญอาสาพร้อมพรักอีกสักหน
เชิญช่วยเหลือโรงเรียน/นักเรียนจน
ช่วยให้พ้นวิกฤตสภาพที่ทราบดี
โรงเรียน ต.ช.ด. บ้านถ้ำหิน
หลักแหล่งถิ่นชายขอบเขตวิถี
แลกว้างขวางทางสถานอาคารมี
ผิวเผินเหมือนสุขีมากมีตังค์
อาคารมากใหม่เก่าล้วนเขาให้
สร้างแล้วทิ้งร้างไว้ไม่เหลียวหลัง
งานผักชีโรยหน้าหรูหราจัง
เห็นหลายครั้งทั่วไปในสังคม
คำของครู "โครงการอาหารเด็ก"
ข้าวจานเล็กกับน้อยพลอยขื่นขม
อิ่ม/อดบ้างผ่ายผอมจำตรอมตรม
หิวก็อมอากาศวาดเสบียง
เด็กต้องช่วยปลูกพืชผักสวนครัว
เพื่อช่วยถัวคราวซื้อในมื้อเที่ยง
ต้องเดินตามรอยพ่อฯ อย่างพอเพียง
อีกทั้งเลี้ยงแม่ไก่เก็บไข่กิน
ร้อยห้าสิบท้องหิวนับนิ้วได้
ข้าวสารต้องแค่ไหนปลูกในถิ่น ?
ต้องบำรุงปุ๋ยไหมในผืนดิน ?
ไก่ต้องกินอะไรจึงไข่มา ?
เบื้องหน้าเห็นอาคารสำราญแท้
เบื้องหลังแย่สารพันมากปัญหา
ฟังครูเล่าสุดประหลาดขาดประปา
ต้องพึ่งฝนจากฟ้าหลั่งมารอง
เรียน..เพื่อนพ้องน้องพี่ที่เคารพ
อีกคำรบ..อีกครั้ง..เถิดทั้งผอง
ให้ปรากฏนิยามตามครรลอง
ชนแซ่ซ้อง.."ศรัทธาดียังมีจริง" ๚ะ๛
27 เมษายน 2552 07:47 น.
อัลมิตรา
๏ เพลงใบไม้ไหวแว่วแผ่วเพรียกผ่าน
ว่าหวิวหวานชื่นใจให้สุขแสน
ท่วงทำนองพ้องไกลในดินแดน
ทั่วเขตแคว้นแผ่นดินถิ่นทุ่งนา
ลมหวีดหวิวทิวแถวแนวรวงข้าว
แยกโยกราวเริงระบำทำท่วงท่า
ตามทำนองท้องทุ่งคุ้งคลองครา-
ลมแผ่วมาพัดผสานผ่านเป็นเพลง
ยังนกน้อยคอยเพรียกเรียกเซ็งแซ่
กบเขียดแค่พ้องคำทำนองเก่ง
หรีดหริ่งเล่าเคล้าระคนจนบรรเลง-
ให้ครื้นเครงเหนือคณาพารื่นรมย์
ลมแผ่วลู่กู่ก้องผองเพลงพร่ำ
เยี่ยงน้ำคำแห่งกวีที่สวยสม
อันเรียงร้อยถ้อยพยางค์อย่างชื่นชม
แฝงความคมสาธยายหมายบ่งความ
ยิ่งเย็นฉ่ำล้ำเลอเผลอใฝ่ฝัน
คีตะสวรรค์บรรเลงมิกรงขาม
สรรพสำเนียงเสียงใสให้ติดตาม
วิจิตรยามเยือนถิ่นทุ่งดินแดน
สูดไอดินกลิ่นตมชมท้องทุ่ง
เห็นผักบุ้งดอกสล้างช่างสวยแสน
ผองบัวผันพรรณพิไลไหวคลอนแคลน
บัวเผื่อนแม้นต่างสีนี้สมกัน
แมงมุมน้ำถลำลอยคล้อยเคลื่อนย้าย
มีหลากหลายรูปร่างอย่างหุนหัน-
พลันแล่นล่องท้องนทีนี้อัศจรรย์
สุดเสกสรรค์ท่วงทีนาฏลีลา
สุขสมใจได้ชมภิรมย์รื่น
สุดสดชื่นด้วยประจักษ์เป็นนักหนา
ครั้นคำนึงถึงถิ่นดินคุ้นตา
นำอุราให้สุขทุกวันวาร ๚ะ๛
23 เมษายน 2552 23:43 น.
อัลมิตรา
๏ เรานี้หนอก็แค่ดูแลระบบ
ใครใคร่คบคบได้อย่าไปฝืน
ใครใคร่ชังชังได้ไม่ด่าคืน
คนดาษดื่นกำหนดได้ที่ไหนกัน ?
ต่างตัวตนบนจอเราขอเขียน
เพื่อปรับเปลี่ยนบทบาทจึงวาดฝัน
เปล่าเป็นปราชญ์ฉลาดล้ำแอบรำพัน
หลากรางวัลใดใดไม่เคยครอง
คราวปกปิดมิตรสหายที่รายล้อม
ด้วยไม่พร้อมแถลงการณ์งานสอดส่อง
ครั้นเปิดเผยเฉลยตนมากคนมอง
บ้างเกี่ยวข้องซ่อนเหตุงำเลศนัย
เพราะจิตรักภาษาจึ่งอาสา
เทียบขี้ข้ากวาดถูเลิศหรูไฉน ?
ยามเขาเหยียดหยามหมิ่นติฉินใด
เจ็บรวดร้าวเพียงไหนสั่งใจทน
หมื่นภิรมย์ ฤๅ เท่าหนึ่งเข้าใจ
เรา ฤๅ กล้าฝันใฝ่หรือใคร่ผล
ประสบการณ์วานก่อนย้ำสอนตน
ระวังผู้ฉ้อฉลปะปนคียง !
เรานี้หนอก็แค่ดูแลระบบ
ใครใคร่คบคบได้หากใคร่เสี่ยง
ใครใคร่ชังชังได้หากไล่เลียง
ทุกอย่างเพียงมายาในอารมณ์ ๚ะ๛
18 เมษายน 2552 12:21 น.
อัลมิตรา
๏ อ้างถึงกลอนดุดันเมื่อวันก่อน
ซึ่งเขียนตอนสงกรานต์สงครามสี
ท่ามภาวะบ้านเมืองหลากเรื่องกลี
ฉัน.. อาศัยบทกวีเป็นที่ระบาย
อยากเขียนหวานก็แสนคับแค้นอก
มิอาจยกหยิบคำมาพร่ำขยาย
ทุกข์ทุรนคนเมืองเรื่องรอบกาย
ความเสียหายเหตุนั้นยากบรรเทา
ฉัน.. ยังคงปลงใจมิได้ว่า
"กาลเวลาจะระงับความอับเฉา"
ฉันยังคงระวังภัยผู้ใกล้เงา
ฉันคนเก่างานเขียนแปลกเปลี่ยนไป
ที่เคยหวานหว่านหนุ่มมารุมล้อม
กลายเป็นพร้อมวิปลาสอาละวาดใส่
ที่เคยหยอกยิ้มแหย่ยั่วเย้าใคร
กลายเป็นแยกเขี้ยวใหญ่ขับไล่กัน
ฉัน.. เปลี่ยนไปหรือใครทำให้เปลี่ยน
นัยยะเขียนแสดงออกดูหลอกขวัญ
ใช้ภาษาแปลกแปลกเหมือนแดกดัน
หัวใจฉันหยาบกระด้างปราศอย่างเคย
ขอสัญญาครั้งหน้าจะปรับปรุง
ด้วยหมายมุ่งจรรโลงศิลป์ถิ่นไทยเอ๋ย
ทั้งโคลงกาพย์กลอนฉันท์จักหมั่นเปรย
ไม่เฉยเมยละเลี่ยงคล้ายเยี่ยงนี้
ฉัน.. เคยเขียน "คนของความคิดถึง"
เพราะซาบซึ้งบางใครในวิถี
กลอนกลั่นกรองจากใจและไมตรี
ตัวอย่างที่หวานรสบทรำพัน
"..จิตเบาบางพลางพลิ้วละลิ่วเรื่อย
มิรู้เมื่อยอ่อนล้าคราใฝ่ฝัน
ลอยเคว้งคว้างอย่างระรื่นผ่านคืนวัน
ไม่หวาดหวั่นหนาวร้อนหรืออ่อนแอ
หากเป้าหมายปลายทางสว่างไสว
ชักนำใจเปี่ยมพลังอย่างแน่วแน่
ด้วยความคิดจิตใจไม่ผันแปร
ใกล้ไกลแค่ระยะทางคั่นขวางกัน
ผ่านขุนเขาลำเนาป่ามหาสมุทร
มิสิ้นสุดไมตรีที่คิดฝัน
แม้นเหล็กตรึงขึงตรวนอวนพาดพัน
เกินกักกั้นดวงจิตคิดห่วงใย
มากถ้อยคำวรรณกรรมที่นำมอบ
พ้นเกณฑ์กรอบกวีกานท์โบราณไหน
หากเนื้อความงามยิ่งอย่างจริงใจ
หวังเพียงใครผู้นั้นสุขสันต์พอ
คิดจนถึงซึ่งฝั่งดั่งคาดคิด
หวังอิงแอบแนบสนิทถูกผิดหนอ ?
หากล่วงล้ำกรรมสิทธิ์คิดรีรอ
จิตคงท้อหากใครไม่ปราณี
ขอเพียงเอื้อเผื่อใจกันไหวหวั่น
สานสัมพันธ์ฝันใฝ่ในทุกที่
ปันช่องว่างระหว่างใจให้พอดี
เผื่อพื้นที่ให้ใจได้พักพิง
แม้นอ่อนล้ามาบ้างอย่างเหนื่อยหน่าย
จักกลับกลายเป็นสุขในทุกสิ่ง
คาดหวังว่าจักประสพพบความจริง
หากปัดทิ้งความถวิลก็ยินยอม .."
เคยเขียนได้หากใจฉันใคร่เขียน
บนสังเวียนลานกลอนออดอ้อนต่อม
ทั้งเคยแปลงเป็นชายหัวใจตรอม
สามารถปลอมอารมณ์สมเหตุการณ์
แต่ช่วงนี้สมองตายคล้ายตีบตื้อ
เขียนแล้วรื้อแล้วลบยากจบสาส์น
จนถูกเพื่อนวินิจฉัยในสันดาน
ว่าจินตนาการของฉันผันเปลี่ยนไป ๚ะ๛
12 เมษายน 2552 19:04 น.
อัลมิตรา
๏ เชิญเข้าสู่เทศกาลลั่นกลองรบ
จักกี่ศพ/กี่ซาก เกลื่อนหลากหลาย
เมื่อต่างสีต่างเลือดล้วนเดือดกาย
คว้าอาวุธรุดกระจายคล้ายสงคราม
แดงเหยียบย่ำอำมาตยธิปไตย
เหลืองขับไล่ทักษิณาด่าเหยียดหยาม
น้ำเงินก่อการณ์กลปราศคนปราม
ฤๅ นิยามประชาธิปไตยในปัจจุบัน ?
เมื่อต่างอ้างกร่างแกล้วปากเก่งกล้า
ชาวประชาถ้วนทั่วล้วนหัวปั่น
แดงกับเหลืองเคืองแค้นถุยแค่นกัน
ลับกว่านั้น !.. เนื่องไหน ? ใครรับรู้ ?
เพราะอำนาจหอมหวลชวนพิศมัย
มากมนุษย์มักใหญ่ใฝ่สิงสู่
จนลักลอบครอบครองอ้างของตู
เผลอชั่วครู่แบ่งข้างอย่างที่เห็น
คราวเกิดเหลืองเรื่องราวซึ่งฉาวโฉ่
แดงโมโหขวางข้องจ้องเขม่น
น้ำเงินเพลินหวดใส่พูดไม่เป็น
คงยากเว้นสามสีตีกันตาย
ขอต้อนรับสู่อาเพศเทศกาล
เชิญสาดเลือดจนสำราญท่านทั้งหลาย
เมื่อต่างสีต่างข้างต่างเจ้านาย
เชิญฉิบหาย ! เถิดประชา ไม่ว่ากัน ๚ะ๛
ภาพประกอบ : น้ำทะเล โอเคเนชั่น