5 มิถุนายน 2552 20:51 น.
อัลมิตรา
๏ ข้อความลับสับสน... "ฉันคนดุ"
ใครหนอกุข่าวได้ไม่ประสา
แท้ที่จริงติงต๊องตลกโปกฮา
แถมบางคราโผงผางในบางที
"ฉันคนดุ"... เฮ้อ ! ข่าวช่างฉาวโฉ่
แสนพลิกโผพลิกผันข่าวฉันนี่
ดุอย่างไร ? ดุใคร ? ไหนเล่าคดี ?
มูลไม่มี... ฤๅ กระจ่างดุอย่างไร ?
"ฉันคนดุ"... แดกดันพวกนั้นลือ
แยกเขี้ยวฮื่อตะโกนแฮ่โฮกฮากใส่
เดินเขี้ยวลากถากถนนจนสึกไป
เป็นขาใหญ่อันธพาล ณ บ้านกลอน
พวกกุข่าวเอาอะไรไปนึกเปรียบ
ฉันขาเรียบเรียวเล็กใช่เหล็กท่อน
เขี้ยวสองข้างบางครั้งเคี้ยวยังคลอน
แต่งตัวปอนมาดเซอร์เซ่อเซื่องซึม
เสาะสาเหตุเลศนัยพวกให้ข่าว
ประกาศปาวอีกหน... "ฉันคนทึ่ม"
ย้อนเรื่องหลังยังฮาโดนด่าตรึม
แค่เคร่งขรึมบางวันหวาดหวั่นไย ๚ะ๛
4 มิถุนายน 2552 09:47 น.
อัลมิตรา
๏ ความรู้สึกนึกแปลกแทรกซึมทั่ว
คล้ายไม่เจียมเตรียมตัวหัวใจฉัน
หลงอุปมาว่าจริงสิ่งอัศจรรย์
เปล่าเพ้อฝันใช่ไหมใครตอบที
เพราะบางช่วงดวงจิตแอบคิดถึง
เผลอซาบซึ้งเพลิดเพลินเกินวิถี
บทกลอนเขาเขียนให้ด้วยไมตรี
ปรากฏที่จดหมายหลากหลายงาน
ไร้ตัวตนแต่ทว่าตราตรึงจิต
เขาคือมิตรแตกต่างคนทางผ่าน
ผู้ร่ายเรียงร่วมร่างสร้างตำนาน
คิดคำขาน.. "มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า"
เนิ่นนานแล้วแน่วใจไม่เสื่อมสูญ
ซ้ำเพิ่มพูนพฤติกรรมอันล้ำค่า
อีกรสเรื่องเบื้องหลังบางครั้งครา
อัลมิตรานามแฝงเขียนแต่งเติม
เคยคิดเป็นเช่นเพื่อนกลับเลื่อนใกล้
ความวางใจผูกพันนับวันเพิ่ม
คล้ายกระแสแปรไปไม่เหมือนเดิม
ฉันเคลิบเคลิ้มเผลอไผลไม่รู้ตัว
โดยลำพังพลั้งละเมอพร่ำเพ้อหา
ใช้สมญาเขียนกลอนอ้อนคนทั่ว
แท้หนึ่งเดียวเหนี่ยวจิตคิดพันพัว
ฉันแหย่ยั่วคนอื่นอย่างฝืนใจ
เขา ฤๅ ทราบซาบซึ้งถึงดวงจิต
ว่า..ฉันคิดชอบกลกับคนไหน ?
เขาซึ่งปราศหลักแหล่งนามแฝงใด
เว้นช่องว่างห่างไกลไร้ร่องรอย ๚ะ๛
23 พฤษภาคม 2552 16:43 น.
อัลมิตรา
๏ ถึงยามใดได้ฝ่าพายุหนัก
จงตั้งหลักมุ่งไปดั่งใฝ่ฝัน
ว่าเธอพร้อมเผชิญหน้าทุกข์สารพัน
อย่างมุ่งมั่นแกร่งกล้าน่าภูมิใจ
อย่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงซึ่งสิ่งหลอน
อันบั่นทอนความหวังครั้งคราไหน
ครั้นพายุรุนแรงแปลงเปลี่ยนไป
ฟ้าอำไพอัศจรรย์พลันทดแทน
จักปรากฏบทเพลงบรรเลงกล่อม
อันพรั่งพร้อมศัพท์เสนาะไพเราะแสน
จากเวหนบนนภาฟ้าเมืองแมน
จงหนักแน่นเผชิญหน้าเดินฝ่าพลัน
ก้าวต่อไปให้ถึงซึ่งสิ่งหวัง
ด้วยผองพลังแห่งใจคว้าไขว่ฝัน
แม้สายลมโหมกระหน่ำฝนซ้ำอัน-
รุนแรงนั้นอย่าด่วนรวนเรเลย
แม้ความฝันอันใดที่ใจหวัง
หรือกำลังอ่อนล้าอย่านิ่งเฉย
ความท้อแท้แพ้พ่ายร้ายแรงเคย-
พบพานเอยจงเผชิญเดินต่อไป
ก้าวเดินพลันมั่นคงดำรงอยู่
เพื่อรับรู้ความหวังทั้งยิ่งใหญ่
เปี่ยมความฝันบรรเจิดเลิศอำไพ
เธอจักไม่โดดเดี่ยวเปลี่ยวอุรา
ก้าวเดินพลันมั่งคงดำรงอยู่
เพื่อรับรู้ความหวังยังล้ำค่า
ด้วยหัวใจเปี่ยมพลังทุกครั้งครา
รู้เพียงว่า " ไม่เผชิญเดินเดียวดาย " ๚ะ๛
รู้เถิดว่า " ไม่ก้าวย่างอย่างเดียวดาย "
18 พฤษภาคม 2552 16:12 น.
อัลมิตรา
๏ หนูหงอยเหงาเศร้าใจพ่อไม่รัก
เพราะไม่เคยรู้จักพ่อสักหน
พ่อนั้นเหมือนห่างไกลไร้ตัวตน
หนูรอจนจิตท้อ.. พ่อไม่มา
หนูโดดเดี่ยวเดียวดายแม่ตายแล้ว
ปราศวี่แววญาติใดใคร่คบหา
คำของแม่ก่อนตายยังตรึงตรา
ต้องตามหาให้ได้จำให้ดี
ภาพผู้ชายในมือ..เขาคือพ่อ
ลูกจงรอตามนัดหน้าวัดนี่
นับตั้งแต่แม่ตายก็หลายปี
เปรียบความฝันริบหรี่ไม่มีทาง
เห็นพ่อหนูบ้างไหม ? ถามไปทั่ว
คราวรถทัวร์จอดสนิทรีบชิดข้าง
รู้จักพ่อหนูไหม ? ร้องไห้พลาง
หลายคนต่างตอบหนู..ไม่รู้เลย
หัวใจช้ำกำพร้าอุตส่าห์คอย
ถึงเลื่อนลอยแต่ยังตั้งใจเผย
หนูเปล่าหวังสมบัติชี้ชัดเปรย
จนอย่างเคยอยู่ได้ไม่ร้อนรน
หนูแค่อยากเจอพ่อแล้วขอกอด
เพียงพร่ำพลอดหนุนตักพ่อสักหน
คล้ายยากเข็ญเส้นทางช่างอับจน
ถ้าหากพ่อไม่สนหนูจนใจ ๚ะ๛
14 พฤษภาคม 2552 22:38 น.
อัลมิตรา
๏ "..เพราะต่างอ้างความคิดสิทธิ์จำเพาะ
ความพอเหมาะจึงสูญเสื่อมสลาย
คราวเพียรค้นคำตอบคนรอบกาย
เหมือนเปล่าดายเพราะจิตคิดต่างกัน.."
บรรยากาศอึมครึมครึ้มเมฆฝน
พลอยทำให้บางคนอับจนฝัน
จินตนาการมืดตื๋อตีบตื้อตัน
เฉกเรานั้น.."นักกลอนผู้อ่อนใจ"
ณ สถานการณ์พาลท้อกันทั้งเมือง
เศรษฐกิจฝืดเคืองปมเขื่องใหญ่
คนบ้านกลอนก็แปลกแตกแยกไป
ทั้งเก่าใหม่แบ่งฟากเขียนถากกัน
ที่ที่ซึ่งควรสบายกลับกลายเครียด
ต่างฝ่ายเฉียดขึ้งขรมเกินข่มกลั้น
เราประจักษ์อักษรร่อนโจษจัน
บ่งบอกนั่นเขตสนามสงครามกลอน
มาตรแม้นเราเข้าห้ามก่อนลามทั่ว
เขาอาจมั่วยกอ้างว่ากร่างสอน
มาตรแม้นเราสงบท่าอนาทร
เขาอาจย้อนนินทาตามอารมณ์
ด้วยหน้าที่ภาระที่กระทำ
จึงเก็บงำกล้ำกลืนความขื่นขม
ต้องเสแสร้งแสดงตลกคราอกตรม
จำใจข่มเขียนกลอนเพื่อผ่อนคลาย
"..เพราะต่างอ้างความคิดสิทธิ์จำเพาะ
ความพอเหมาะจึงสูญเสื่อมสลาย
คราวเพียรค้นคำตอบคนรอบกาย
เหมือนเปล่าดายเพราะจิตคิดต่างกัน.." ๚ะ๛