8 กันยายน 2552 13:52 น.
อัลมิตรา
๏ สามปีก่อนย้อนเพลาชาวอาศรมฯ
ต่างรื่นรมย์กิจกรรมล้ำเลอผ่าน
แด่ผู้ซึ่งเพริศแพร้วแก้วครูกานท์
งานแต่งบ้านมหากวีศรีสุนทร
สุนทรภู่ ครูกวีศรีแห่งชาติ
ชีพมิอาจยืนยาวจากคราวก่อน
หากปรากฏยศเกียรติศักดิ์กำจร
นักเลงกลอนล้วนดำริมุทิตา
เราส่งเทียบเชิญชวนยังมวลเพื่อน
ร่วมซ่อมเรือนมหากวีกันดีกว่า
เพื่อสืบทอดตลอดไปให้ทัศนา
สานศิลป์สานคุณค่าเจตนากวี
สามปีก่อนย้อนไปให้ครุ่นคิด
ซ้ำดวงจิตแอบสงสัยในวิถี
บุรุษหนึ่งซึ่งประหม่าทึ่มท่าที
แถมไม่มีความกล้ามาทักทาย
เขาจึงเพี้ยนเขียนพ้อเพียงขอเห็น
สื่อประเด็นงดงามนัยความหมาย
รักซ่อนเร้นเรื่องราวลอบใกล้กาย
แต่ฝันสลายเสียก่อนจึงอ้อนครวญ
เขาโยนหินลิ้นลามเหมือนถามเรา
ยกเรื่องเก่าให้พินิจหวังจิตหวน
จะเชื่อได้หรือไม่ได้ในกระบวน
เราสงวนคนเดียวปราศเกี่ยวใคร ๚ะ๛
1 กันยายน 2552 07:54 น.
อัลมิตรา
๏ เขาบอกว่าน่าเบื่อเมื่อมาอ่าน
จากเบิกบานพาลล่มอารมณ์เสีย
กลอนห่วยแตกแต่งมั่วล้อผัวเมีย
มีแต่พวกชะเลียชื่นเชียร์กัน
เขาตำหนิติเตียนนักเขียนใหม่
ฝึกปรือไปปราศพัฒนาดูน่าขัน
พูดย้ำย้ำสำนวนแปลกดุจแดกดัน
อีกสารพันวินิจฉัยล้วนไม่ดี
เขาเล่นลิ้นลบหลู่คนดูระบบฯ
ไม่เจนจบวรรณกรรมต่ำศักดิ์ศรี
เขียนนานแล้วยังไร้ในแนวกวี
ชอบทะเลาะเพาะคดีบัดสีจัง
เขากล่าวถึงซึ่งสถานที่น่าอยู่
เคหาสน์หรูสวยดีรีโมทสั่ง
บ้านกลอนไทยไม้เก่าเน่าผุพัง
น้ำไฟยังขาดแคลนแสนยากจน
เขาคิดจะจัดประดับและปรับแต่ง
เวทีแสดงอวดฤทธิ์ประสิทธิ์ผล
บ้านกลอนไทยไม่อาจสามารถดล
เขาจึงก่นแกมเย้ยเปรยนัยนัย
แต่ก็แปลกประหลาดเกินคาดถึง
เพราะครั้งหนึ่งเขากล่าวเป็นข่าวใหญ่
เชอะ ! บ้านรวยแต่เขือเบื่อแวะไป
แล้วเขามาทำไม ?.. ฉันไม่รู้ ๚ะ๛
25 สิงหาคม 2552 16:51 น.
อัลมิตรา
๏ เหมือนมีเรื่องเคืองกันในวันก่อน
ทุกคำวอนหว่านไว้จึงไร้ผล
เมื่อบางใครไม่แคร์แม้บางคน
ฉันสับสนลำพังดั่งเดียวดาย
ในเมื่อเธอทำนิ่งอ้างจริงแท้
ไม่เหลียวแลไม่สนคนเสียหาย
ทุกอย่างจบสงบได้ใจสบาย
ฉันจักตายหรืออยู่ปราศรู้ราว
แล้วเหินห่างอย่างคนไม่เคยคบ
เธอเลี่ยงหลบหลีกเร้นประเด็นข่าว
ฉันสิเซ่อเพ้อถึงซึ่งบางคราว
ยอมปวดร้าวแม้ท้อยังรอคอย
อยากรู้แท้"แค่นิ่ง"หรือ"ทิ้งกัน"
โปรดบอกฉันให้ประจักษ์จิตสักหน่อย
อย่ากระทำทำนองไร้ร่องรอย
หรือต่างพลอยเงียบงันทั้งฉัน-เธอ ๚ะ๛
20 สิงหาคม 2552 11:31 น.
อัลมิตรา
๏ ถกปัญหาว่าบพิตรนั้นผิดไหม
เถียงกันไปก็เท่านั้นนะฉันว่า
คนที่ป่วนชวนทะเลาะเหมาะเวลา
เหลืองโดนด่าแดงก็ถูกล้อเลียน
อันการเมืองเรื่องราวสุดฉาวโฉ่
บางคนโม้มากจริงยิ่งคลื่นเหียน
ใครคนโกงโยงผลบนสังเวียน
อาจปรับเปลี่ยนพลิกผันร้อยพันกล
ทุกความเชื่อเมื่อใครได้ไตร่ตรอง
ต่างมุมมองย่อมกระจ่างว่าต่างผล
แสร้งเป็นเด็กเล็กได้ไหงชอบกล
เอ็ดอึงจนบรรยากาศประหลาดไป
ณ เวทีท่วงทำนองจ้องประยุทธ
ต่างฝ่ายขุดเค้นคำกระหน่ำใส่
มิแตกต่างจากสภาคราเทียบนัย
บ้านกลอนไทยกลายเป็นกลอนการเมือง
คิดเชียร์เหลืองเชียร์แดงหรือเชียร์เขียว
ทุกข้องเกี่ยวในประเด็นหากเป็นเรื่อง
อย่าสัปดนก่นโคตรเครียดโกรธเคือง
ปราศประเทืองปัญญาอย่าทำเลย
เปรียบกิ่งไผ่กอนี้มีศรีศักดิ์
กอใหญ่นักหักได้อย่างไรเหวย
ครั้นกิ่งเดียวหักได้คล้ายเสบย
ฤๅ ไม่เคย..รู้จัก "ความสามัคคี"
ยกน้ำชามาเสริฟพร้อมส่งสาส์น
เชิญสำราญจิบพลางแม้นต่างสี
เกมการเมืองเรื่องจริงอิงเท็จมี
ยากบ่งชี้ "ถูก - ผิด" อย่าคิดเดา
เศรษฐกิจติดขัดต่างชัดแจ้ง
โลกร้อนแล้งน้ำท่าน้อยกว่าเก่า
โรคระบาดแพร่สะพัดรุมรัดเรา
ใต้ยังเผายังระเบิดเกิดจราจล
อีกระบบการศึกษายังน่าห่วง
ปราศโชติช่วงเรียนไปยังไกลผล
ทั้ง GAT/PAT ข้อสอบก็ชอบกล
เยาวชนศูนย์คะแนนน่าแค้นใจ
พวกฉ้อราษฏร์บังหลวงห่วงเก้าอี้
คนเหล่านี้ล้วนมารยาและสาไถย
เหมือนจิ้งจกเปลี่ยนสีที่เป็นไป
แปลงตัวได้ทุกสภาพลอกคราบเร็ว
ต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ
อย่าซื่อบื้อเพลิดเพลินเดินดุ่มเหว
แม้นศัตรูยุแยงตะแบงเลว
อย่าล้มเหลวพร่ำเพรื่อหลงเชื่อมัน ๚ะ๛