11 พฤศจิกายน 2552 22:19 น.
อัลมิตรา
๏ เปิดเวปย้อนกลอนเก่างานเขาเขียน
อ่านวนเวียนหลายหนคล้ายคนบ้า
ท่วงทำนองของเขาช่างเข้าตา
ให้รู้สึกนึกประหม่าเกินกว่ากลอน
มีหลายครั้งพลั้งใจไปคนเดียว
ถ้อยคำเกี้ยวรำพัน ณ วันก่อน
ฉันวูบไหววาบหวามแม้ยามนอน
แพ้เชิงอ้อนหลงเพ้อเผลอทรงจำ
จากคนเถื่อนแถมห่างเส้นทางกวี
กลายท่าทีเป็นปลื้มและดื่มด่ำ
ฉันเพียรคว้าหาศัพท์ขับลำนำ
ประดิษฐ์คำสละสลวยด้วยจงใจ
หวังใกล้ชิดสนิทเขาเท่านั้นคิด
จึงผูกมิตรมาตลอดทอดสะพานให้
แต่ศิลป์ศาสตร์ปราศถนัดจัดเจนใด
ยิ่งเขียนเหมือนยิ่งไกลแนวนัยกวี
เขาโดดเด่นเล่นคำแสนช่ำชอง
มากเพื่อนผองตามประชิดติดวิถี
วันก่อนเขาเขียนกลอนอ้อนวลี
ประหนึ่งชี้ชัดแจ้งแหล่งเจตนา
แท้เขาเขียนจากใจให้คนอื่น
เปล่าหยิบยื่นแด่ฉันเพื่อหรรษา
อาจทั้งหมดบทกวีที่ผ่านมา
ฉันอุปมาแปลผิดคิดไปเอง ๚ะ๛
5 พฤศจิกายน 2552 15:30 น.
อัลมิตรา
22 ตุลาคม 2552 09:28 น.
อัลมิตรา
๏ ช่างห้าวหาญชาญชัยเกินใครเทียบ
ยอมถูกเสียบถูกแทงถูกทึ้งแผล
ร่างม้าทรงองค์ประทับร่างยับแปร
ท่ามกระแส...ศรัทธาประชาชน
เลือดไหลหลั่งครั้งนี้พร้อมพลีให้
เหมือนชดใช้บาปกรรมเคยทำผล
ศาสนา - ไสยศาสตร์อาจปะปน
สุดแต่คน...เอาสติพิจารณา
หากเชือดเนื้อเถือหนังเลือดหลั่งไหล
แล้วสารพันจัญไรไม่กรายหา
ได้เสวยสุข ณ สวรรค์ชั้นเทวา
ก็จักยอมสักคราเป็นม้าทรง
หากมอบกายถวายเนื้อให้เถือเชือด
ยอมหลั่งเลือดรินไหลเพราะใจหลง
คงเกินห้ามความรู้สึกที่นึกปลง
คราวเพ่งตรงรอยแผลแฉร่องรอย
ฤๅ ศรัทธากล้าแกร่งแห่งชาวพุทธ
อาจโต่งสุดตรงข้ามความเสื่อมถอย
ก่อนยุคพระศรีอารย์พาลเลื่อนลอย
เทพเจ้าพลอยจัดลำดับประทับทรง ๚ะ๛