22 กันยายน 2545 20:46 น.
อัลมิตรา
(๑)
ดาวจ๋าดาวขาวผ่องทองพันช่าง
ดาวอย่าร้างแรมเลือนเลื่อนลอยหาย
แม้นเมฆใหญ่เมฆน้อยลอยบังกาย
ดาวอย่าได้หมองมัวกลัวหมอกดำ
(๒)
ดาวจ๋าดาวคราวก่อนตอนวัยเยาว์
ค่ำคืนหนาวดาวพร่างยังจดจำ
ได้หมายปองเชยชื่นทุกคืนค่ำ
ทั้งร้องลำฉ่ำใจใต้แสงดาว
(๓)
ดาวจ๋าดาวคราวนั้นฉันจำได้
ดาวเจ้าใสสดส่องท้องฟ้าขาว
เจ้าพริบพรับวับแววแพรวสกาว
แม้เมฆขาวต้องหลบซบภูผา
(๔)
ดาวจ๋าดาวเจ้าล่องท่องฟ้าหนาว
ราตรียาวมืดมนคนหลบหน้า
มีบ้างไหมเหนื่อยกายเจ้าอ่อนล้า
เจ้าจันทราก็ซบหลบเจ้าไป
(๕)
ดาวจ๋าดาวเช้ารุ่งทุ่งสีทอง
ดาวเจ้าหมองมัวเมาเจ้าลับหาย
หรือเพียงเจ้าพักผ่อนบรรเทากาย
พอเริ่มสายก็หายวับกับแสงจันทร์
(๖)
ดาวจ๋าดาวเย็นย่ำคราวค่ำคืน
ดาวก็ตื่นสดใสได้ทอฝัน
ดาวรู้ไหมฉันเองก็เช่นกัน
เฝ้ารอวันหวนคืนผืนดินเรา
(๗)
ดาวจ๋าดาวคราวตอนก่อนจะจาก
น้ำตาพรากหลากไหลใต้ฟ้าเหงา
เพราะกลัวนักกลัวใจจะไร้ดาว
กลัวคืนหนาวไร้เจ้าคนเข้าใจ
(๘)
ดาวจ๋าดาวรู้ไหมใครครวญคร่ำ
ด้วยกลัวคำอำลาร้างแรมหาย
กลัวคืนห่างวันเหงาเจ้าเปลี่ยนไป
กลัวยามไกลใจเจ้าแปรเปลี่ยนเป็น
(๙)
ดาวจ๋าดาวเว้าวอนขออ้อนดาว
รู้ไหมเจ้าเช้ามาข้าทุกข์เข็ญ
เพราะรอเฝ้าเช้าค่ำถึงย่ำเย็น
กลัวไม่เห็นดาวเจ้าคราวค่ำคืน
(๙)
ดาวจ๋าดาวคราวนั้นฉันจำจด
น้ำตารดหลั่งไหลใจสะอื้น
เพราะเจ้าหายลับไปไม่หวนคืน
รุ่งเช้าตื่นไม่เห็นจนเย็นกลาย
(๑o)
ดาวจ๋าดาวรู้ไหมใจฉันครวญ
ด้วยจิตหวลโหยหาดาราใส
เพราะที่นี่ที่อยู่ผืนดินใหม่
ดาวก็ไร้จันทร์ก็หม่นบนนภา
(๑๑)
ดาวจ๋าดาวพราวแพรวแว่วในจิต
ดาวเจ้าคิดอย่างไรจึงหายหน้า
ด้วยเบื่อหน่ายกังวลบ่นระอา
หรือเพียงว่าฟ้าหม่นดลเจ้าลวง
(๑๒)
ฟ้าจ๋าฟ้าใสสางสว่างหน่อย
ด้วยข้าคอยปลอบเหงาเจ้าดาวดวง
ฟ้าอย่าหมองได้ไหมใจข้าห่วง
วันคืนล่วงผ่านมานภาหมอง
(๑๓)
ฟ้าจ๋าฟ้าเมตตาข้าสักหน
ด้วยอับจนหนทางสั่งฟ้าล่อง
จึงวอนฟ้าเป่าเสกเมฆสีทอง
ดาวอย่างหมองฟ้าอย่าเศร้าข้าเว้าวอน
22 กันยายน 2545 00:24 น.
อัลมิตรา
......ความว่างเปล่า...กับความเหงา...
...ปนความเศร้า..ในตัวเรา...
...คุ้นเคยกับการมีเขา...???
...เหลือเพียงเรา...กับความสับสนในใจ...
...ชีวิตหนี่ง...กับความหวัง...
...ฉันก็ยัง...หวังในใจ...
...ซักวันสิ่งที่เคยฝัน...
...จะหวลคืนวัน...กลับเป็นดั่งกำลัง...ใจ...
ก็แค่เพลง ก็เท่านั้น ...
แก้วยามร้าว ยากสาน สมานติด
แก้วชีวิต เมื่อแตก แทบสลาย
แก้วแห่งรัก เมื่อจาก เริ่มกลับกลาย
แก้วแห่งใจ สูญสิ้น ไม่หวลคืน
22 กันยายน 2545 00:15 น.
อัลมิตรา
(๑)
.....พรรณพราวดาวพร่างแล้ว.................แววฉาย
ชมชื่นคืนจันทร์พราย.............................เยี่ยมฟ้า
ผ่องพรรณมั่นแวววาย...........................ผุดผ่อง ปองถนอม
ยามห่างยังหมายคว้า..............................กว่าพ้นรัตติกาล ฯ
(๒)
.....จันทร์เอยเผยพรุ่งเพี้ยง.....................สุริยงค์
โรจน์รุ่งผดุงองค์......................................ส่งให้
รังสีที่ไหลหลง..........................................ตรงจิต พิศมัย
กระจ่างดังเพชรคล้าย...............................ไป่ร้างพลางเลือน ฯ
(๓)
.....เยาวมาลย์ผ่านห้อง...............................ปองนิท- ราเฮย
ชมชื่นคืนจันทร์พิศม์.................................เพ่งแก้ม
พระพายบ่ายชมชิด....................................จิตผ่อง
ยุงไม่เหลือบใต่แย้ม...................................ห่างเจ้าสกาวนวล ฯ
(๔)
......ฝันเอยเคยรื่นซ้อง.................................ปองใด
สุขมิ่งเป็นจริงกลาย.......................................ใฝ่น้อง
ขอฝันมั่นเดือนฉาย......................................หมายส่อง โสมสกาว
หลับตื่นชื่นใจช้อง.........................................ผ่องแพร้วแววมณี ฯ
3 กันยายน 2545 09:25 น.
อัลมิตรา
.....นกแสกแยกปีกย้าย.......................สยายครืน
เสียงแปลกแซกใจยืน..........................ครั่นคร้าม
สำเนียงเยี่ยงเสียงปืน.........................เพชรฆาต
โบยโบกวกวนข้าม..............................ข่มฟ้าเสียงขรม ฯ
.....แพรวพรายรายเลื่อมใกล้................ฉายแสง
ปานดั่งมณีแดง.................................แห่งหล้า
งดงามอร่ามแซง...............................โสมส่อง
มวลหิ่งห้อยชลอยกล้า.........................แข่งจ้าศศิธร ฯ
.....ดาวเดือนเหมือนส่งยิ้ม....................เพียงพนิ- ดาเฮย
พรายพร่างดังสิริ................................นาฏน้อง
พราวพรรณมั่นโชติ.............................สุกสว่าง
เหิรห่างคคนางค์ต้อง............................เปลี่ยวคว้างกลางไพร ฯ
.....ดำเนินเพลินป่ากว้าง........................ดังกวาง- สมันเฮย
ชมพฤกษ์ตรึกตรองทาง........................ย่างเท้า
ธรรมชาติพิลาสพลาง............................พิษณุ เสกเฮย
เหม็นสาบเสือพลันเข้า............................คุดคู้สลบไสล ฯ
30 สิงหาคม 2545 09:22 น.
อัลมิตรา
.....กรกอปรหอบเกล็ดแพร้ว......................แวววาย ทรายเฮย
ริเริ่มเติมเรียงราย....................................ใฝ่ตั้ง
ปราสาทมาตรสาดสาย.............................แสงส่อง พิไลแล
ดังใคร่ครวญหวลครั้ง...............................ดั่งเฝ้าสาวดรุณ ฯ
.....กำแพงแข็งแกร่งกร้าว.........................ราวหิน
แซมซ่อมถนอมถวิล................................ปกป้อง
เสนาทหารดิน........................................เดินดุ่ม
แนวค่ายหมายตรวจห้อง...........................ถ่องคล้ายหมายจริง ฯ
.....เสกสรรค์ตระหง่านตั้ง..........................ดังจิน- ตนาเฮย
ปราสาททรายนครินทร์.............................ถิ่นน้ำ
ทะเลเห่กาพย์ยิน-....................................ยลสินธุ์ สมุทรนา
ดังดุริยางค์ย้ำ.........................................พร่ำเพี้ยงเสียงสวรรค์ ฯ
.....ปีติสิเคลิบเคลิ้ม.................................เติมทรวง
กาลผ่านอัศจรรย์ดวง-..............................จิตแท้
ชลธารมั่นทะลวง.....................................ปวงค่าย นครเฮย
หายวับลับใจแพ้-.....................................พ่ายเพี้ยงเยี่ยงทราย ฯ