1 ตุลาคม 2545 08:07 น.
อัลมิตรา
สุดขอบฟ้า...
โพ้นเภตราล่องละลิ่วพริ้วหาวหน
ดูเดี่ยวโดดโลดสมุทรสุดสากล
สายัณห์ยลหยาดค่ำลงร่ำไร
จากชายหาดจับจ้องมองเบื้องหน้า
น้ำกับฟ้าจุมพิตอยู่ชิดใกล้
มลักเลื่อนเลือนลางค่อยห่างไป
สายน้ำไหลเข้าฝั่งดั่งนิรันดร์
เขาเหล่านั้นหันหลังยังจับจ้อง
คล้ายจะมองหาวิมานสะพานฝัน
ทะเลโล่งโปร่งปลอดปราศสิ่งอัน
จักกีดกั้นสายเนตรสังเกตไกล
อาจเป็นว่า...
เบื้องหลังผืนพสุธาอันกว้างใหญ่
มากผู้คนเกลือนกล่นอยู่ทั่วไป
มหานครสฤษฏ์ไว้หลายศตวรรษ
ตึกกระหง่านปานภูดูสูงล้ำ
ดุจสดัมภ์ค้ำสวรรค์สรรพสัตว์
หลากบุปผาอารยะประเทืองรัฐ
ผ่องปภัสสร์แสงสีสุดปรีดา
เหมือนวิมานตระการตาฟ้านฤมิต
แจ่มไพจิตรวิศวกรรมล้ำเลิศหล้า
ถนนกว้างทางขยายสุดสายตา
สะพานเชื่อมนคราอ่าโอฬาร
30 กันยายน 2545 07:27 น.
อัลมิตรา
(๑)
สายฝนหลั่งพรั่งฟ้าวสันต์กาล
ผ่านเนิ่นนานพลันฉ่ำชื้นยามสาย
เจิดตะวันพรรณพร่างกระจ่างพราย
ไป่มลื้นดุจคล้ายหทัยบาน
(๒)
มวลวิหกนกน้อยคอยเคียงติด
พินิจคิดเพียงเยี่ยงเย้าเรียงขาน
ขับสำเนียงเสียงส่งบ่งแลนาน
ดุจเพลงกานท์เฝ้าหมั่น เร้าราวโสดม*
(๓)
รุ้งทอแสงแหล่งหล้า ณ นภาเพริศ
ยิ่งบรรเจิดหาเลิศใกล้เฉิดโฉม
กัลยาหาสิ่งอิงแม่โพยม
พร่างพราวโสมไล้จ่ม*ใว้ชมเชย
(๔)
ทุกทิวาว่าใว้ไป่หลงจิต
แน่วพินิจคงชิดเชื้อคิดเอ่ย
เนื่องอนงค์ตรงไฝ่บ่งเปรียบเอย
สบถเอ่ย เปรยเอื้อเพื่อ ใกล้เนื้อนวล ฯ
30 กันยายน 2545 07:23 น.
อัลมิตรา
(๑)
.....สายฝนหลั่งพรั่งฟ้า.............วสันต์
กาลผ่านเนิ่นนานพลัน................ฉ่ำชื้น
ยามสายเจิดตะวัน.....................พรรณพร่าง
กระจ่างพรายไป่มลื้น*...............ดุจ*คล้ายหทัยบาน ฯ
(๒)
.....มวลวิหกนกน้อย.................คอยเคียง
ติดพินิจคิดเพียง.....................เยี่ยงเย้า
เรียงขานขับสำเนียง.................เสียงส่ง บ่งแล
นานดุจเพลงกานท์เฝ้า...............หมั่นเร้าราวโสดม* ฯ
(๓)
.....รุ้งทอแสงแหล่งหล้า............ณ นภา
เพริศยิ่งบรรเจิดหา..................เลิศใกล้
เฉิดโฉมกัลยา*........................หาสิ่ง อิงแม่
โพยมพร่างพราวโสมไล้............จ่มใว้ชมเชย ฯ
(๔)
.....ทุกทิวาว่าใว้.......................ไป่หลง
จิตแน่วพินิจคง.......................ชิดเชื้อ
คิดเอ่ยเนื่องอนงค์ตรง............ใฝ่บ่ง เปรียบเอย
สบถเอ่ยเปรยเอื้อ....................เพื่อใกล้เนื้อนวล ฯ
27 กันยายน 2545 07:21 น.
อัลมิตรา
(๑)
.....น้ำ.....บ่านาล่มแล้ว.........................เรียมเอย
ท่วม.....ทุ่งสูงลิบเลย..........................ดอกหญ้า
น้ำ.....หลากหากเปรียบเปรย.................จิตพี่
ใจ.....หม่นจนอ่อนล้า..........................กว่าข้าวรวงเขียว ฯ
(๒)
.....น้ำ.....ไหลใจสั่นซ้ำ........................โศกทรวง
ท่วม.....ทั่วกลัวทิวรวง........................ร่วงร้าง
น้ำ.....พัดพรากยากทวง......................ถามไถ่- คืนนอ
ใจ.....ร่ำไรใยคว้าง............................อย่างน้ำคำครวญ ฯ
(๓)
.....น้ำ.....นองมองแผ่นฟ้า..................คราวสันต์ แม่เอย
ท่วม.....เท่าราวลงทัณฑ์......................มั่นแท้
น้ำ.....ชลเชี่ยวโมหันธ์.........................หยันเหยียด เราฤา
ใจ.....คร่ำครวญป่วนแล้.....................สั่งฟ้าแลฝน ฯ
(๔)
.....น้ำ.....เอยเคยมากด้วย..................คุณอนันต์
ท่วม.....ทบทวีมหันต์..........................หล่อเลี้ยง
น้ำ.....ขังคลั่งโกรธกัน........................กาลก่อน แลฤา
ใจ.....มั่นผสานเพี้ยง.........................เขื่อนกั้นธารคนอง ฯ
26 กันยายน 2545 07:34 น.
อัลมิตรา
...๑...
.....เด็ดดอมหอมกลิ่นแก้ว.................กลีบขาว- งามเฮย
ชมดอกออกเรียงราว........................แข่งแย้ม
ไฉไลใคร่หมายสาว..........................เยาวเรศ แม่เอย
เปรียบดั่งศศางค์แฉล้ม.....................หยอกให้ใจหลง ฯ
...๒...
.....ไหวโยกลมโบกบ้าย....................กลีบบาน
เกรงหล่นเกลือกกลางลาน.................ย่านพื้น
หากเชยกลิ่นเผยวาร........................กาลเนิ่น นานนา
ยังติดตรึงจิตฟื้น..............................ชื่นช้องผองสุคนธ์ ฯ
...๓...
.....ขาวนวลชวนกรีดนิ้ว.....................หวิวหวาม
กลีบเบ่งยังเกรงขาม..........................คร่ำกร้าน
ประคองผ่องคืนยาม..........................ค่ำล่วง เลยนา
สูดกลิ่นระรินสอ้าน............................ปราศกลั้วมัวกมล ฯ
...๔...
.....หอมใดใครอื่นได้.........................หมายหอม
หาเปรียบเทียบอาจถนอม....................นาฏน้อง
แก้วอาจมาตรเด็ดดอม.......................หอมครู่ เดียวนา
หากพลัดนุชนาฏต้อง.........................ชอกช้ำอวสาน ฯ