13 ธันวาคม 2545 13:44 น.
อัลมิตรา
.....กลีบงามอร่ามพรรณ..................มิประหวั่นคละผ่านลม
สวยนักประจักษ์ชม.........................ดุจข่มวิตกคลาย
ชมชื่นระรื่นยิ่ง................................สละสิ่งและโศกหาย
ฉูดฉาดผงาดพราย.........................มิจะหน่ายสิใคร่เชย ฯ
.....กลีบงาม......ยามรุ่งฟ้า..............จิตรการ
อร่ามพรรณ.....ดุจเยาวมาลย์..........ยิ่งแท้
มิประหวั่น...ปองสมาน...................สนิทเนื่อง- หทัยพี่
คละผ่านลม...แผ่วแล้.....................กอดเนื้อคลายหนาวฯ
.....สวยนัก...หากเทพฟ้า................ทัศนา- แม่เอย
ประจักษ์ชม...ดุจอัปสรา.................เลิศล้ำ
ดุจข่ม...สิเหน่หา.............................เต็มอก
วิตกคลาย...ใฝ่ย้ำ...........................ลอบใกล้หมายนวล ฯ
.....ชมชื่น...อาจตื่นเต้น..................ทันใด
ระรื่นยิ่ง...อิงใจ..............................ไขว่คว้า
สละสิ่ง...ทิพย์เทพไท....................สวรรค์โลก
และโศกหาย...ใฝ่ท้า......................แย่งเจ้าเชยชม ฯ
.....ฉูดฉาด.....อาจเพริศแพร้ว.........อรชร
ผงาดพราย-.....พร่างตอน...............เหนี่ยวน้าว
มิจะหน่าย...หมู่ภมร........................ชมชื่น อยู่ฤา
สิใคร่เชย...เผยอะคร้าว..................แม่เจ้าปทุมทอง ฯ
13 ธันวาคม 2545 10:38 น.
อัลมิตรา
...ขอสิทธิเสรีภาพ..................................เพียงแค่อยากทราบ
เพียงขนาบทาบทาหรือไร
...กฏหมายใครเขียนเวียนใจ....................อาจแก้กันไป
ตามสมัยยุคกาลผ่านเพรง
...บ้านเมืองมากเรื่องหวั่นเกรง...................มากมายนักเลง
ข่มเหงอิสรภาพขังใจ
...ดุจยุคนักล่าเกรียงไกร..........................ออกเรือขึงใบ
หวังได้ดินแดนย่ำยี ฯ
...ฉุดคร่าราวีทุบตี....................................ข่มเหงสตรี
ใครที่ศิโรราบรอดตาย
...อีกมากซากถมเรียงราย..........................ประชดกฏหมาย
เขียนไว้มากมายไป่ตาม
...สิทธิที่มีลวนลาม...................................ย่ำยีเหยียดหยาม
ดุจห้ามออกเสียงเยี่ยงใด
...อยากบินสู่ถิ่นฟ้าไกล..............................ดุจนกพณาไพร
อย่าได้ขังสิทธิ์ติดกรง...ฯ
11 ธันวาคม 2545 14:30 น.
อัลมิตรา
ตะวันส่องใสแดดฉายลงมาทาบทาทิวทุ่ง
แผ่วลมผ่านโรยเหมือนโปรยกลิ่นปรุงดอกฟางหอมลอย
ดอกหญ้าดาววับวาวทางเกลื่อนเหมือนดังหยาดพลอย
แตะนิดต้องน้อยราวมณีร่วงพรูพลัดพรายลงดิน
จะอยู่แห่งไหนสุดฟ้าแสนไกลคะนึงถึงถิ่น
ด้าวแดนแผ่นดินที่เราจากมาเนิ่นนานแสนนาน
ดอกหญ้างามงดงามดังก่อน หรือรอนร่วงราน
แดดร้อนดินแล้งลมระงมแผ้วพานบ้านนาป่าเขา
ทุ่มกายทุ่มใจเข้าโหมแรงไฟหัวใจแรงเร่า
ยิ่งสร้างยิ่งทำระกำหนักเบาดิ้นรนหนทาง
เจ้ามิ่งขวัญยิ่งวันยิ่งเดือนยิ่งเลือนยิ่งลาง
ทอดทิ้งทุ่งร้างวันและวันผ่านเยือนเหมือนเดินทางไกล
ตะวันส่องแสงสาดแสงลงมาทาบทาทางใหม่
ร่วมจิตร่วมใจก้าวไปก้าวไปฝ่าภัยร้อยพัน
มิ่งขวัญเอ๋ยหัวใจเรามั่นเหมือนทานตะวัน
เฉิดแสงแรงฝันกลางระวีตะวันสีทองส่องใส
เพลงทานตะวัน
ครูเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ประพันธ์เนื้อร้อง
ครูธนิศ สีกลิ่นดี..บรรเลงทำนองขลุ่ย
******
...แม้ไม่อาจเทียบทาบบทประพันธ์อันเพริดแพร้วของท่านได้...
...แต่ก็เป็นแรงบันดาลใจสร้างฝันให้เขียนชิ้นงานนี้..
....จากฟ้าดั่งฝันราวมณีสวรรค์แวววรรณฉายส่อง
...นั่งเมียงเพียงมองดังฤทัยใฝ่ปองครอบครองสรรพ์สิ้น
...เยือนทุ่งนาทองเหลืองงามล้ำผ่องจากฟ้าสู่ดิน
...หากเปลี่ยนเวียนผันจินตนาการยินโศภิณเพรียกขวัญ
...ตะวันเลือนฟ้าสนธยามาเยือนเหมือนใครครวญคร่ำ
...พันหมื่นดื่นคำร่ายเรียงลำนำจารจำรำพัน
...ประดุจแสงสูรย์เอื้อใจการุณยั่งยืนชื่นวัน
...หากร้างยังฝันเพียงตะวันแจ่มแสงสำแดงเฉิดฉาย
...สุดเอ่ยรำพันแค่ฝันผ่านคืนสะอื้นขืนข่ม
...ลมโบกโศกตรมดวงฤทัยระทมเร่งรัดร่ำไห้
...ก่อนเอ่ยอำลาขอเพียงวาจาสนทนาร่ำไร
...จากถิ่นดินไหนยังคนึงอาลัยพันผูกสุขครอง
...หนึ่งจิตแจ่มใสหล่อหลอมแรงใจชาวไทยเป็นหนึ่ง
...พรั่งเพรียกพลังเหมือนดังรัดรึงตราตรึงขวานทอง
...ผงาดหยัดฟ้าอ่อนโหยโรยลาฟันฝ่าใฝ่ปอง
...ประดุจพี่น้องใจสัมพันธ์เรืองรองมาตุภูมิแผ่นดิน...
อัลมิตรา
11 ธันวาคม 2545 09:57 น.
อัลมิตรา
...สองขามิล้าแกว่ง........................สิแสดงและแข่งขัน
หนึ่งใจตะกายพลัน.......................จะประจันมิหวั่นเกรง
...สองแขนมิขืนขัด........................สิขจัดมิคลาดเขลง
ผันวันและผ่านเพรง......................สิเชวงระเบงกานท์ ฯ
เขลง..อย่างสบาย
เพรง..อดีต...เก่า.
เชวง..รุ่งเรื่อง...เลื่องลือ...โด่งดัง.
ระเบง...ดัง...ทำให้ดัง.
9 ธันวาคม 2545 18:22 น.
อัลมิตรา
(๑)
สุดอาจโอษฐ์กฏเกณฑ์เช่นเคยครั้ง
ห้วงภวังค์ยังวนดลจิตข้อง
ให้แนบชิดติดบ่วงห่วงใจครอง
เพียงสนองต้องภักดิ์ปักษ์นงเยาว์
(๒)
ฤากาลเก่าเราคงประสงค์หนึ่ง
ฤาเป็นซึงซอสายให้คลายเหงา
บรรจงสีปรีเปรมเกษมเนาว์-
เนื่องดังเจ้าคราวใกล้ใช่ใครเลย
(๓)
หากมีหนึ่งซึ่งอาจประมาทพลั้ง
ฤากำบังยังมาตรปรารถน์เฉลย
เพียงอนงคน้องต้องคำยามเปรียบเปรย
หาได้เมยหมางเมียงเยี่ยงชายตา
(๔)
หากกาลก่อนย้อนยุคมิทุกข์เท่า
จักบรรเทาเยาวมาลย์พลันเริงร่า
แม้นหยอกเย้าราวรื่นชื่นจิตรา
คาดหวังว่าพากษ์สุขสนุกใจ
(๕)
หากพี่เองเกรงล่วงห่วงเจ้านัก
ดังศรปักยักอกให้ตกไข้
เกินเยียวยาหาลดโอสถใด
พลาดทหัยใดเอยเอ่ยคำวอน
(๖)
หากสักครั้งยังเกรงข่มเหงเจ้า
อย่าโศกเศร้าคราวพรากจากสมร
เพียงหนึ่งชายกรายย่างดังอาวรณ์
ให้หลับนอนตอนคืนพลันชื่นใจ
(๗)
เกรงยิ่งนักจักพลาดวิปลาส
มิบังอาจคาดครองต้องหวลให้
ขอนงค์คราญพลันเปรมเอมฤทัย
คงสุขใจในวันอันล่วงเลย
(๘)
เคยหรือหนอท้อถอยพลอยห่างเหิน
มิล่วงเกินเกริ่นพจน์รจน์เฉลย
แสนมุ่งใจให้น้องครองสุขเกย
ให้ชิดเชยเอ่ยคำมาย้ำพร ฯ