3 มกราคม 2546 09:42 น.
อัลมิตรา
ณ..เวิ้งฟ้าหว่างฝันอันพรรณราย
แลแสงสายรังสิมันตุ์ตระการสี
เลื่อมระยับวับวามล้ำพรรณี
หลงฤดีมีจิตพินิจชม
ทิชากรบินล้อเคียงคลอคู่
ผละจากหมู่ลัดฟ้างามตาสม
ปีกโบยบางยังโบกชมโลกกลม
บินเล่นลมเริงร่านภาเพลิน
ครั้นเหนื่อยนักจักร่อนมานอนคู่
บนเนินภูลำเนาว์ถิ่นเขาเขิน
ไม่ใหลหลงกรงทองอันผ่องเกิน
ขอดำเนินเหิรฟ้าพเนจร
อยู่ใต้ฟ้าคราหนาวจักเข้าแอบ
กายนิ่งแนบกางกอดพร่ำพลอดสมร
ครั้นลมโบกโกรกกล้ำย้ำบั่นทอน
มิสั่นคลอนมั่นรัก...ประจักษ์เคียงฯ
2 มกราคม 2546 15:16 น.
อัลมิตรา
( กาพย์ฉบัง ๑๖ )....
.....จิตรการผ่านฟ้าสีคราม...............พร่างแพร้วแวววาม
ข่มข้ามรัศมีสุริยา
.....รุ้งเลิศเจิดจรัสทัศนา..................ชม้ายชายตา
อุราพาชื่นรื่นรมย์
.....รังสรรค์งามครันวิกรม.................แจ่มจ้านภาพรหม
สวยสมชื่นชมเมียงมอง
.....ฤาเทพนิมิตรช่ำชอง..................บรรเจิดเพริศผอง
สนองหฤทัยไว้เชย ฯ
.....อวดอ้างช่างงามล้ำเปรย-.............เปรียบน้องทรามเชย
*ไลเลยเผยพรรณสคราญงาม
.....เรียงสีพรรณีพิราม.....................พุ่งผ่านกาลยาม
ทาบทามรัศมิมานฉาย
.....เรืองรองพ้องแสงพริ้งพราย...........รจนาสาธยาย
มุ่งหมายให้เห็นเช่นกัน
.....สดชื่นระรื่นโดยพลัน....................พรรณาหฤหรรษ์
ฉวีวรรณซาบซ่านจิตใจ ฯ
...ไลเลย......แปลว่า..คล้ายคลึงกัน...
2 มกราคม 2546 14:20 น.
อัลมิตรา
นั่งครวญคร่ำร่ำสุราหน้าสุสาน
รัตติกาลผันผ่านไม่หวั่นไหว
สั่นสะท้านพลันหนาวร้าวฤทัย
ใจโหยไห้ปากเยาะหัวเราะเริง
ประชดฟ้าปฐพีที่กลั่นแกล้ง
ทำเสแสร้งแต่งให้ใจหลงเหลิง
ครั้นพลันเคียงเยี่ยงแย่งแช่งจมเพลิง
ให้บรรเทิงสั่นร้าวราวสาปกัน
มือหนึ่งคว้ามีดบินทั้งรินเหล้า
กายสั่นเทาเศร้าโศกอกไหวหวั่น
อยากบั่นคอขอตายวายชีวัน
ฤทธิ์มีดสั้นสิ้นชื่อมิลือนาม
ดวดสุราท้าเทพยมบาล
หากกล้าหาญพลันแจ้งอย่าแหนงขาม
มีดสั้นนี้มีชื่ออย่าถือความ
ปากพูดพล่ามย้ำยอกบอกตรงตรง ฯ
31 ธันวาคม 2545 21:35 น.
อัลมิตรา
....งามเอ๋ยงามตา
ดุจว่าพระจันทร์อันเฉิดฉาย
พิศมัยได้มองพริ้มผ่องพราย
แวววายได้เห็นเป็นสุขจริง
สำนวนชวนชมช่างสมแท้
ตละแม่แท้งามตามแบบหญิง
ไมตรีมีมากนักอ้างอิง-
แอบพริ้งพราวจิตสนิทเอย ฯ
.....วจีเอ๋ยวจี
สนทนาครานี้เสมือนสรวล
ยิ้มรื่นชื่นภักดิ์ถ้าหากครวญ-
ใคร่ล้วนชวนชมภิรมย์สราญ
ร่ายคำย้ำความตามที่คิด
ด้วยจิตคิดปรารถน์มาตรผสาน
ความนี้ที่ร่ายให้เยาวมาลย์
สุขสราญพลันชื่นระรื่นเอย ฯ
31 ธันวาคม 2545 21:08 น.
อัลมิตรา
(๑)
โอ้วันนี้สุดท้ายปลายปีแล้ว
คงไม่แคล้วคำนึงถึงนวลเจ้า
เดินชื่นชมดมกลิ่นถวิลเยา-
วเรศเจ้าห่างไกลไม่ชายตา
(๒)
พุดน้ำบุษย์สูดกลิ่นคลายสิ้นโศก
ลมกรรโชกอกหวามยามหวลหา
ดอกเรื่อเหลืองเรืองรองผ่องอุรา
เคยเคียงพามาชมดมดอกงาม
(๓)
พุ่มไม่สูงจูงมือถือดอมเด็ด
ประดุจเกร็ดบุษราคัมนำใจหวาม
กลีบดอกงามย้ำยวลให้หวลตาม
ดุจดังถามตามหาเวลาไกล
(๔)
เพลาดอกออกมากยากลืมหลง
กลิ่นกรุ่นคงหลงติดชิดเชยใฝ่
ครั้นเมื่อโรยโหยหาและอาลัย
ยังฝังใจคล้ายน้อง...ต้องไกลกัน
(๕)
เป็นไม้พุ่มกลุ่มไบไม่โตใหญ่
เขียวไสวชม้ายเห็นเช่นสุขสันต์
สองสามเมตรเด็ดดอมย่อมได้พลัน
ดอกเหลืองนั้นพลันเรื่อเหลือใจชม
(๖)
ใบรูปรีที่ยาวไม่เท่าดอก
ใบมักออกเดียวดายคล้ายเหมาะสม
สีมันเลื่อมเพรื่อมพราวคราวชื่นชม
ดอกนั้นข่มสีสรรพลันตื่นตา
(๗)
ครั้นเมื่อบานสคราญงามช่างล้ำเลิศ
แสนพราวเพริศบรรเจิดใจให้ค้นหา
ปลายดอกแยกแปลกกลีบรีบชายตา
เจ็ดส่วนคราลมต้องย่อมผ่องพรรณ
(๘)
มีกลิ่นหอมดอมดมภิรมย์รื่น
แสนสดชื่นดื่นสุคนธ์จนหฤหรรษ์
อยู่สองวันเจ้านั้นกลับโรยพลัน
ดอกเหลืองนั้นพลันเปลี่ยนเลียนส้มแซม ฯ