24 มีนาคม 2546 09:50 น.

เส้นทางวรรณศิลป์.

อัลมิตรา


แค่เอาถ้อยร้อยเรียงเพียงพอหรือ
ที่จะสื่อจะสานวิญญาณฝัน
ใช่เพียงแค่ถ้อยคำเพ้อรำพัน
แต่ต้องกลั่นจากห้วงของดวงใจ

ต้องคำนึงถึงความอันงามเฟื่อง
ก่อนวางเรื่องเรียงพจน์กำหนดไข
ต้องรู้ชอบทุกจารที่สาส์นไป
รู้รับใช้รอบด้านที่กานท์มา

ต้องสำรวจตรวจสอบระบอบศัพท์
รู้ระงับรู้ประกาศปรารถนา
แม่นลำดับบังคับบทพจนา
จึงสมค่าควรชมนิยมกัน

บนเส้นทางสร้างสรรค์วรรณศิลป์
อันแจ่มจินตนาการวิญญานฝัน
หากเพียงลากอักษรแค่คอนดัน
ป่วยการจะประพันธ์เรื่องอันใด.				
24 มีนาคม 2546 09:46 น.

@..ขอหัวใจ..ใฝ่กวี

อัลมิตรา

  

ขอถ้อยคำนำวางจงสร้างสรรค์
ขอประพันธ์เพื่อชนอันหม่นหมอง
ขอหัวใจความคิดตรงจิตครอง
ขอครรลองงามที่วิถีไทย

ให้เกิดความแปลกใหม่ในเสนอ
ให้บำเรอคนทุกข์สร้างสุขใส
ให้ผู้เสพงานสร้างอย่างวางใจ
ให้สยามยองใยในกวี

ขอภาพพจน์เพียงน้ำอันฉ่ำชื่น
ขอจุดยืนเที่ยงจารกานท์วิถี
ขอวิญญาณดาลหมดจรดวจี
ขอวางศรีแก่นสารในกานท์กลอน

ให้เกิดความเคลื่อนไหวในความนิ่ง
ให้ความจริงผุดพร่างหว่างอักษร
ให้ซึ้งซาบภาพพจน์ทุกบทตอน
ให้สะท้อนสัจจธรรมนำชีวิต.

				
23 มีนาคม 2546 17:49 น.

ตะวันจันทร์รำพึง

อัลมิตรา



ญ ..  

...งามเอยเผยผ่องพริ้ม.............พิมพ์ผกา
ปานศศิมั่นนภา......................กว่าแจ้ง
ตระหง่านม่านสนธยา..............โสมส่อง งามแล
ระเรื่อเรืองมิแสร้ง.....................แห่งห้วงดวงหทัย ฯ

...พรใดหมายสู่ให้....................มานพ พี่เอย
สราญมั่นประสบ......................ไป่ร้าง
ระรื่นชื่นวันพบ........................เพื่อนคู่  หทัยเทอญ
สุขสิ่งอิงเชยข้าง........................พร่างพริ้มเพ็ญพโยม ฯ  
  

ช  ..   

...วาทะประดิษฐ์ซ้อน................รอยคำ คมแล
อนงค์นาฏประดับนำ.................กล่าวให้
ประดุจร่ายมนต์พรำ..................จริตรื่น ใจฤา
โอษฐ์พ่างเพียงพันไว้.................เกี่ยวก้อยจินตนา ฯ

...แสงสูรย์ยามยาตรย้ำ..............อาภา
ขยับวะวับตา...........................ล่อล้อ
ใจเรียมเมื่อรจนา......................ฉาบจริต
รอเสพรสพจน์พ้อ.....................แต่งแต้มปรารถนา ฯ 


				
21 มีนาคม 2546 23:19 น.

..เพรียกฝันทะยานฟ้า...

อัลมิตรา



(๑)

ปีกเจ้าบางหวังบินตราบสิ้นฟ้า
ช่างงามตาคราโบกชมโลกใหญ่ 
ทานลมพัดกาจแกร่งด้วยแรงใจ
ช่างไฉไลหมายมั่นทะยานลม 

(๒)

รุ่งระวีสีแสดแม้นแผดร้อน
มิบั่นทอนตอนบินดังจินต์สม 
สีสรรค์งามยามต้องล่องนภจม
ช่างภิรมย์เริงร่าสง่างาม   

(๓)

ยามคุดคู้อยู่เหย้าเฝ้ารังไหม
ดูกว้างใหญ่หมายเร้นดังเช่นขาม 
เจริญวัยกายเปลี่ยนเวียนวารยาม
จักงดงามยามมุ่งผดุงตน 

(๔)

ครั้นปรากฏชดช้อยค่อยคลานคืบ
คงควานสืบสานชีพรีบล่องหน 
หลบกำบังหวังแนบแอบผู้คน
เพื่อรอดพ้นวังวนพ้นผองภัย  

(๕)

ซี่ฟันน้อยค่อยเคี้ยวเชียวเจ้าเอ๋ย
ใบไม้เคยหวานนักจักหาไหน 
ง่วนงาบงับขยับฟันหมั่นกลืนไป
ครั้นเติบใหญ่ได้บินดั่งจินตนาการ 

(๖)

ขาขยับขนาบเขยิบกระเถิบท่วง
ยังเป็นห่วงล่วงหล่นจนสงสาร 
ดำรงชีพรีบเร่งเกรงวายปราณ
ยามกลายกาลผ่านไปได้เปลี่ยนตัว  

(๗)

มีไยไหมหมายหุ้มคุ้มปักษ์ปก
ปราศวิตกสะทกสะท้านเจือจารทั่ว 
อบอุ่นนักอยากนิ่งมิติงกลัว
ไม่หมองมัวมั่นหมายสยายบิน 

(๘)

อัศจรรย์คลานผ่านทะยานเยื้อง
เหลือบชำเลืองเชื่องช้าคราผกผิน 
สีแซมซ้อนสวยสดสุดโศภิณ
จงโบยบิน...ยินยลดั่งตนตรอง  ฯ 

				
21 มีนาคม 2546 22:29 น.

คืนที่...สมิหลาไร้จันทร์

อัลมิตรา

  
...ทุกครั้งที่มีโอกาสได้เยี่ยมเยียนหาดทรายและฟองคลื่น 
...อดไม่ได้ที่จะต้องจารึกชื่อ ใครคนหนึ่ง ไว้บนผืนทราย 
...ที่สมิหลานี้ก็เช่นกัน บรรจงเขียนแล้วยืนดูสายน้ำ 
...ค่อยๆซัด ค่อยๆสาด ค่อยๆลบ
...ให้ชื่อนั้นค่อยๆเลือนหายไปต่อหน้า...หายไปจากผืนทราย 
...แต่ก็ยังคงฝังแน่นอยู่ในความทรงจำ ไม่เคยเลือน 

...แล้วจู่ๆก็ฉุกคิดถึงอีกชื่อหนึ่งขึ้นมา... 
...ทว่า...เพียงเริ่มต้นจรดนิ้วลงบนผืนทรายอันราบเรียบ
...แล้วขีดเขียนเป็นลายเส้น หักคด ลดเลี้ยวเป็นตัวอักษรได้เพียงไม่กี่ตัว 
...ประหนึ่งเกลียวคลื่นไม่เป็นใจ...ก็มีอันต้องซัดสาดมากลบเกลื่อน 
...ให้จางหายไปต่อหน้าในทันที 
...พยายามขีด...พยายามเขียน...กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง.... 
...ผืนทรายก็ยังคงเป็นผืนทรายอันราบเรียบ...เช่นเดิม 

...ฤาเพราะคืนนี้..เป็นคืนที่...สมิหลาไร้จันทร์ 
...ทุกอย่างจึงเงียบงัน สงบนิ่ง และอึมครึม! 

...สมิหลา ยามไร้จันทร์...มันช่างอ้างว้าง มืดมิด และเงียบสงัด 


ทุกคราวครั้งรั้งหาดคลื่นสาดซ่า
ทุกคราวคลาจารทรายมาดหมายถึง
ทุกคราวคือชื่อ ใคร ในคำนึง
ทุกคราวคลึงจิตจ่อรอทรายเลือน

แม้นคลื่นสาดหาดทรายหมายลบชื่อ
แม้นคลื่นรื้อลาญแหลกมิแผกเหมือน
แม้นคลื่นลบกลบมิดยังติดเตือน
แม้นคลื่นเชือนใจเชยมิเคยลืม

รำลึกเมื่อเยือนแคว้นแดนสงขลา
หาดสมิหลาตรึงติดจิตปลาบปลื้ม
ที่รกอกรกใจคล้ายใครยืม
สุขดูดดื่มนั่งเล่นลำเค็ญคลาย

แล้วจู่จู่ครู่หนึ่งนึกถึงอื่น
ใช่เคยชื่นเคยชมเคยสมหมาย
เฝ้าพากเพียรเขียนบ้างกลางหาดทราย
แปลกเหลือหลายคลื่นโครมถั่งโถมครัน

ฤๅเพราะจันทร์วันนี้หลบลี้สิ้น
เคยยลยินกลับหายดังผายผัน
เพียงเสียงคลื่นกลืนหาดคืนปราศจันทร์
มืดมิดหวั่นอ้างว้างอย่างอึมครึม

  				
Calendar
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัลมิตรา
Lovings  อัลมิตรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอัลมิตรา