6 กันยายน 2545 15:55 น.
อักขระ อักษรศรัทธ์
- Now and Forever - (Richard Marx)
Whenever Im weary
From the battles that rage in my head,
You make sense of madness
When my sanity hangs by a thread.
I lose my way but still you
Seem to understand.
Now and forever
I will be your man.
Sometimes I just hold you,
Too caught up in me to see
Im holding a fortune
That heaven has given to me.
Ill try to show you each and every way I can.
Now and forever
I will be your man.
Now I can rest my worries and always be sure
That I wont be alone anymore.
If Id only know you were there all the time...
All this time.
Until the day the ocean
Doesnt touch the sand;
Now and forever
I will be your man.
Now and forever
I will be your man.
* * ** * * * * * * * * * * * * * * * *
นับจากนี้ถึงยามนั้น...นิรันดร
- กลอนสุภาพ -
ทุกครั้งที่ฉันจิตโรยแห้งโหยไห้
สับสนเผาผลาญไหม้อยู่ในหัว
เธอก็บุกและบ้าใส่อย่างไม่กลัว
ยามสติรู้ดีชั่วใกล้ขาดรอน
ฉันหลงทางคว้างเก้อแต่เธอนั้น
เข้าใจฉันมั่นมิหน่ายมิถ่ายถอน
นับจากนี้ถึงยามนั้น...นิรันดร
จักอยู่คู่เคียงคอนข้างกายา
ในอดีตได้แต่ป้องตระกองกอด
แต่ใจสิช่างมืดบอดมิรู้ว่า
กำลังกอดแก้วทิพย์มิ่งศฤงคาร์
ซึ่งสวรรค์ประทานมาให้ถึงมือ
แต่นี้จักอุตสาหะไม่ละวาง
ทำทุกวิถีทางด้วยใจซื่อ
แสดงให้เธอเห็นค่าว่าฉันคือ
คนที่ถือรักมั่นนิรันดร์นาน
ฉันหยุดกลุ้ม อุ่นอุราว่ามั่นใจ
แต่นี้ไปไม่เอกาน่าสงสาร
น่าจะฉุกใจรู้ดูรูปการณ์
ว่าเธอรักเธอมาตั้งนานไม่คลอนคลาย
วันที่สูรย์หยุดพร่างกระจ่างแสง
วันที่จันทร์แตกเป็นแล่งไร้แสงฉาย
วันที่คลื่นสมุทรหยุดจุมพิตทราย
ฉันจักรักเธอไม่หน่าย...นิจนิรันดร์.
(แด่ พิมพ์ระวี โรจน์รุ่งสัตย์)
6 กันยายน 2545 15:25 น.
อักขระ อักษรศรัทธ์
...จากนกขมิ้นถึงพยัคฆ์...
- กลอนสุภาพ -
นานเหลือเกินเกลอเอ๋ยที่เลยร้าง
ไร้เพื่อนคุยเคียงข้างเหมือนอย่างก่อน
หนาววิโยคคว้างขวัญหวั่นนิวรณ์
นกขมิ้นเหลืองอ่อนมาโดยเดียว
โอ้แพปีกต้องโบกฝ่าพายุร้าย
ที่โถมกล้าพาปีกหน่ายแปลบปวดเสียว
เกล็ดหิมะคมบาดปาดเอ็นเกลียว
ต้องหลุบปีกร่อนเลี้ยวลงแนวไพร
ค่อยโอบปีกมาปกกายคลายหนาวเหน็บ
แอบสะอื้นกลืนเจ็บอยู่หวาดไหว
พระจันทร์เคียวดูหลุบหลู่อยู่รำไร
...วันทำไมจึงมืดยืดยาวนัก...
โอ้เจ้าดอกขจรอาวรณ์ถวิล...
นกขมิ้นเหลืองอ่อนเจ้าเหนื่อยหนัก
คืนก็ผันวันก็ผ่านห่อนได้พัก
คิดถึงเพื่อนพยัคฆ์เคยร่วมเนา
เราอยู่ไกลกันถึงหนึ่งขอบฟ้า
จากที่เคยเห็นหน้าก็มาเหงา
คิดถึงห้องที่คลองสานแล้วยิ่งเศร้า
เมื่อไหร่เจ้าจะได้รับเรากลับนอน
คิดถึงท่าเรือที่เราค่ำ-เช้าใช้
บัดนี้คงเปลี่ยวไร้ดูเปล่าหลอน
เพชรบุรีตัดใหม่เคยสัญจร
เอเทรียม ที่แต่ก่อนเคยคลุกคลี
คิดถึงมวลหมู่มิตร ณ ฟิตเนส
เคยร่วมเตร็ดเตร่ไปกันหลายที่
เคยร่วมดื่ม...ร่วมหัวเราะ...ร่วมไมตรี
โอ้บัดนี้ล้วนไกลพรากพลัดจากลา
คิดถึงบ้านนาคูที่เคยเยือน
ริมตลิ่งที่เพื่อนนอนดูฟ้า
ณ ค่ำคืนดาวหล่นนั่งสนทนา
คำสัญญามิตรภาพกำซาบใจ
...จงโบกโบยโผบินแม้เหน็บหนาว
ใช่ว่าเราจะจากกันนิรันดร์ไป...
ก็จริงอยู่...แต้ห้าปีที่เปลี่ยวไร้
มันบาดใจเฉือนเชือดอย่างเลือดเย็น
นานเหลือแล้วแก้วเกลอเอ๋ยที่เลยร้าง
แม้แสงทองที่ส่องทางยังไม่เห็น
ได้แต่ส่งกลอนพร่ำว่าลำเค็ญ
หาได้เป็นสุขไม่เมื่อไกลกัน
พายุคลายความบ้า...ตีนฟ้าเปิด
โลกเบื้องโพ้นแจ่มบรรเจิดแสงสวรรค์
กางปีกน้อยที่สั่นเทิ้มท้าตาวัน
นกขมิ้นผันผกออกโบกบิน
อีกกี่ป่าที่ต้องข้ามยามหนาวเหน็บ
อกกี่แผลที่ต้องเจ็บมิจบสิ้น
อีกกี่น้ำ...อีกกี่ฟ้า...กี่แผ่นดิน
ใจดวงร้าวจะคุ้นชินฤาแหลกโรย
...นกขมิ้นเหลืองอ่อนเฝ้าถอนใจ....
มาเดียวดายว้าเหว่ ณ อเมริกา
Saturday 8th November, 1997
6 PM CST, Menomonie, WI, U.S.A.
6 กันยายน 2545 12:40 น.
อักขระ อักษรศรัทธ์
A Time for Us
A time for us
Someday there'll be,
When chains are torn
By courage bond
Of a love that's free.
A time when dreams
So long denied
Can flourish
As we unveil the love we now must hide.
A time for us
At last to see
A life worthwhile
For you and me.
And with our love,
Through tears and thorns,
We will endure
As we pass surely through every storm.
A time for us
Some day therell be
A new world...
A world of shining hope for you and me.
* * * * * * * * * * * * *
เมื่อใดที่ตรวนพันธ์สะบั้นขาด
และองอาจแห่งรักฉายศักดิ์ศรี
อิสระแห่งหัวใจไร้ราคี
เมื่อนั้นมีวารวันแด่ฉันเธอ
เมื่อเราเผยความรักตระสักสร้าง
ที่บัดนี้ต้องอำพรางอกคว้างเก้อ
เมื่อนั้นรักไร้หนามไหน่จักได้เจอ
ขวัญเจ้าเอยจักไม่เพ้อละเมอนาน
ท่ามคืนผันวันผ่านของกาลเปลี่ยว
ชีพของเราจักรวมเรียวเกี่ยวประสาน
และหยัดอยู่อย่างทายท้าไม่ล้าราน
เอกรักนี้เอกพยานจารศักดิ์เรา
ด้วยรักนี้จักไม่คร้ามคมหนามแหลม
แม้น้ำตาอาบแก้มจักไม่เหงา
พายุบ้าจะบุกบ้าพายุเย้า
สรวมสองจิตสนิทเข้าเราชีพพลี
เมื่อใดโลกเบิกใสเป็นใบสวย
สว่างด้วยหวังพลันบรรเจิดสี
รวีวาดแสงเนียนระเมียรรวี
เมื่อนั้นมีวารวันแด่ฉันเธอ.
6 กันยายน 2545 12:24 น.
อักขระ อักษรศรัทธ์
- กลอนสุภาพ -
หลั่งเลือดแดงฉานโลมลานหล้า กระตุ้นใจอันด้านชาให้ชุ่มฉ่ำ
ลืมอดีตชืด ชัง เฉา เศร้าและช้ำ ชโลมเลือดเพื่อตอกย้ำให้หนำทรวง
ไม่มีเธอตัวฉันนี้ไม่มีใคร ไม่มีรักไม่มีใจให้ห่วงหวง
อนาถโอ้ประกาศไปใจหนึ่งดวง มีแผลลวงใครลบได้จักให้ฟรี
เมื่อทุ่มเทหัวใจลงไปมาก ถอนก็ยากขอคืนใจก็ใช่ที่
เก็บไว้เหยียบให้ปี้ป่นเถิดคนดี ใจดวงนี้มันไร้ค่ากว่าก้อนดิน!
หลั่งโลหิตแดงฉานเป็นลานเลือด ดับดวงใจอันดาลเดือดให้เหมือดสิ้น
โลกอยุติธรรมช้ำอาจินต์ ขอหยามหมิ่นใจรักมั่วชั่วนิรันดร์!!!
6 กันยายน 2545 11:58 น.
อักขระ อักษรศรัทธ์
-กลอนสุภาพ-
ในวันที่โลกเหงาโงกหลับ
บทกวีถูกขานขับคืนเปลี่ยว
หยาดน้ำค้างยังคว้างคลอล้อคมเคียว
กับดวงใจที่เหงาเปลี่ยวแทบปลิดปลง.
- แด่นกขมิ้นคว้างฟ้าทั้งมวล -