15 มิถุนายน 2550 18:55 น.
ออกญาลับแล
ค่ำคืนกุดั่นเด่น ขณะเห็น ณ ราตรี
ท้องฟ้านภานี้ ก็จะมืดสลัวลง
เย็นเยือกพิรุณพร่าง ณ ระหว่างพนาพง
ชุ่มชื้นวนาดง และก็พรมชโลมเรา
พร่าแสงแถงส่อง ก็เพราะต้องกะเมฆเทา
แสงเดือนสิส่องเขา พิศเหมือนสุวรรณทา
11 มิถุนายน 2550 13:39 น.
ออกญาลับแล
พายุโหมกระหน่ำซ้ำไม่หยุด
ที่ปลายสุดขอบฟ้าไร้สีสัน
องค์ราหูเคลื่อนคล้อยลงอมจันทร์
ทุกอย่างพลันมืดมิดสนิทลง
อสุนีบาตฟาดสายที่ปลายฟ้า
ทั่วนภาปรากฏแสงพิศวง
เป็นเส้นแสงจากปลายฟ้าอันหยักตรง
ที่ฟาดลงจากเวหาสู่ธานี
ทั้งก็เสียงกัมปนาทดังกึกก้อง
คือเสียงร้องฟ้าคำรามทั่วรัศมี
คล้ายกับเสียงสรวงสวรรค์ขับดนตรี
ในราตรีบรรเลงเพลงคีตา
เป็นครืนครืนคระครื้นคลั่งอึกทึก
เมื่อหวนนึกทำให้ใจผวา
ยามฟ้าฟาดคล้ายฟ้าผ่าอุรา
ดังตัวข้าแยกจากเจ้าตลอดกาล
3 มิถุนายน 2550 10:25 น.
ออกญาลับแล
แสงอรุณจับขอบฟ้าสีแดงเรื่อ
เหล่าผีเสื้อโบยบินตามกลิ่นดอกไม้
กุหลาบหนูพวงชมพูดูวิลัย
บัวกอใหญ่บานไสวอยู่ในบึง
จำปาจำปีสารภีนางแย้ม
งามชแล่มหอมชื่นใจให้ใฝ่ถึง
พุดซ้อนซ่อนข้อคิดจิตคำนึง
ยืนรำพึงจนถึงสายไม่รู้ตัว